Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

เศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลัง-ปีหน้าเสี่ยงชะลอตัวแรง SCB EIC มองผลกระทบขึ้นอยู่กับผลเจรจาภาษีสหรัฐฯ ก่อนถึงกำหนด 1 ส.ค.

103

 สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (23 กรกฎาคม 2568 )-----Key highlights

    แม้ไทยจะสามารถเจรจาการค้าสหรัฐฯ ได้บางส่วน แต่เศรษฐกิจไทยเสี่ยงชะลอตัวแรงในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ หากสหรัฐฯ เก็บ Reciprocal tariffs ไทยอัตราสูงกว่าคู่แข่ง มุมมองเศรษฐกิจไทยปีนี้จะขยายตัวชะลอลงจากปีก่อนอยู่ที่ 1.5%
    ส่งออกไทยเสี่ยงเสียส่วนแบ่งในตลาดสหรัฐฯ จากประเด็นภาษีตอบโต้ รวมถึงประเด็นภาษี "สินค้าสวมสิทธิ" และมาตรการตรวจสอบแหล่งกำเนิดสินค้าส่งออกไปสหรัฐฯ ที่จะเข้มงวดขึ้น อาจกระทบสินค้าที่มีสัดส่วนนำเข้าสูงเพิ่มเติม
    ในกรณีเลวร้าย หากไทยเจรจาไม่สำเร็จโดนภาษีสหรัฐฯ 36% เท่าเดิม (Worse) เศรษฐกิจไทยอาจโตเพียง 1.1% ในปีนี้ และ 0.4% ในปีหน้า
    จับตาข้อเสนอเปิดตลาดสินค้าเกษตรตามข้อเรียกร้อง Market access ของสหรัฐฯ – เสี่ยงกระทบผู้ประกอบการบางกลุ่มและเกษตรกรไทย ภาครัฐจะต้องเตรียมมาตรการรองรับผลกระทบเพื่อช่วยเหลือเยียวยาและช่วยปรับตัวได้อย่างเหมาะสม

 

 

SCB EIC ประเมินเศรษฐกิจไทยปี 2568 จะยังขยายตัวใกล้เคียงมุมมองเดิมที่ 1.5% แม้ในกรณีที่ไทยเจรจาสหรัฐฯ ขอลดภาษีตอบโต้ลงได้บ้างภายใน 1 ส.ค. แต่อัตราภาษีไทยสูงกว่าคู่แข่งหลัก ส่วนหนึ่งเพราะมีการเร่ง Front-loading สินค้าส่งออกก่อนสหรัฐฯ จะเริ่มเก็บภาษีนำเข้าสูงไว้แล้ว แต่ในช่วงครึ่งปีหลังการส่งออกจะได้รับผลกระทบรุนแรงขึ้นจาก Reciprocal tariffs ไทยที่อาจสูงกว่าคู่แข่งในตลาดสหรัฐฯ โดยในปัจจุบันพบว่า กำแพงภาษีสหรัฐฯ รายสินค้าเริ่มส่งผลลบต่อคู่ค้าที่เน้นส่งออกสินค้าที่ถูกเก็บ Specific tariffs แล้ว สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 2569 จะขยายตัวต่ำลงมากเหลือเพียง 1.2% จากการส่งออกและลงทุนภาคเอกชนที่จะหดตัวมากขึ้นจากกำแพงภาษีของสหรัฐฯ ที่จะมีผลต่อเนื่องไปถึงปีหน้า

 

สินค้าส่งออกสำคัญของไทยเผชิญความเสี่ยงจากการสูญเสียส่วนแบ่งตลาดในสหรัฐฯ ให้คู่แข่งที่ถูกเก็บภาษีตอบโต้ต่ำกว่า โดยเฉพาะกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า มีแนวโน้มจะสูญเสียส่วนแบ่งตลาดให้คู่แข่งในอาเซียน, ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ นอกจากนี้ ไทยอาจเผชิญความเสี่ยงจากการถูกเก็บภาษีสินค้าสวมสิทธิ เช่นเดียวกับเวียดนาม ซึ่งจะยิ่งเพิ่มต้นทุนการค้า รวมถึงสินค้าไทยอาจต้องเผชิญมาตรการตรวจสอบแหล่งกำเนิดสินค้าของสหรัฐฯ ที่เข้มงวดขึ้น กระทบการส่งออกสินค้าไทยที่มีสัดส่วนการนำเข้า (Import content) สูงเพิ่มเติมอีกด้วย

 

สำหรับกรณีเลวร้ายหากไทยเจรจาไม่สำเร็จ (Worse case) สหรัฐฯ เก็บภาษีตอบโต้ไทย 36% เท่าเดิมเริ่มตั้งแต่ 1 ส.ค. แต่คู่แข่งสำคัญในตลาดสหรัฐฯ เช่น เวียดนาม เสียภาษีตอบโต้ในอัตราต่ำกว่ามากอยู่ที่ 20% SCB EIC ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยจะเติบโตเหลือเพียง 1.1% ในปีนี้ และขยายตัวต่ำลงมากเหลือ 0.4% ในปี 2569 จากการส่งออกและการลงทุนภาคเอกชนที่จะหดตัวมากต่อเนื่อง

 

ในระยะต่อไปต้องจับตาข้อเสนอใหม่ของไทยในการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ โดยปัจจุบันรัฐบาลยังคงพิจารณาการเปิดตลาดเสรีตามข้อเรียกร้องของสหรัฐฯ โดยเฉพาะภาคเกษตร เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อเกษตรกรและผู้ประกอบการ โดย SCB EIC ประเมินว่า อุตสาหกรรมเกษตรและปศุสัตว์ โดยเฉพาะสุกร, ไก่เนื้อ และข้าวโพด จัดอยู่ในกลุ่มที่มีความอ่อนไหวสูง หากไทยต้องเปิดตลาดเสรีให้สินค้าสหรัฐฯ เนื่องจาก (1) ต้นทุนการผลิตของไทยสูงกว่าสหรัฐฯ (รวมค่าขนส่งมาไทย) ค่อนข้างมาก (2) ปัจจุบันไทยพึ่งพาผลผลิตในประเทศเป็นหลัก หากจะต้องพึ่งพาการนำเข้ามากขึ้น ภาครัฐจะต้องพิจารณาประเด็นความมั่นคงทางอาหารของประเทศอย่างสมดุล และ (3) ผู้ผลิตและผู้เล่นที่เกี่ยวข้องในห่วงโซ่การผลิตในประเทศอาจได้รับผลกระทบในวงกว้าง โดยเฉพาะเกษตรกรรายย่อยที่มีต้นทุนผลิตสูงกว่า ดังนั้น หากไทยจะเปิดเสรีสินค้าเกษตรกับสหรัฐฯ ภาครัฐจะต้องเตรียมมาตรการรองรับเพื่อช่วยเหลือเยียวยาผู้ประกอบการและเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบและช่วยให้สามารถปรับตัวได้อย่างเหมาะสม

 

นอกจากผลการเจรจาต่อรองการค้ากับสหรัฐฯ ที่ยังไม่แน่นอน เศรษฐกิจไทยในช่วงที่เหลือของปีนี้จะมีแรงกดดันเพิ่มเติมจากหลายปัจจัย คือ (1) การท่องเที่ยวไทยยังเผชิญปัจจัยเสี่ยงสูง แม้นักท่องเที่ยวจีนจะเริ่มฟื้นตัวดีขึ้นเล็กน้อย แต่เศรษฐกิจโลกยังมีความไม่แน่นอนจากกำแพงภาษีของสหรัฐฯ อาจส่งผลต่อการใช้จ่ายท่องเที่ยวในระยะข้างหน้า (2) ความขัดแย้งระหว่างไทยและกัมพูชาที่จะกระทบเศรษฐกิจไทยได้ ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของมาตรการตอบโต้ระหว่างกัน และ (3) ความไม่แน่นอนทางการเมืองที่อาจกระทบต่อการเบิกจ่ายงบประมาณในปี 2568 – 2569

 

สำหรับมุมมองเศรษฐกิจโลกในปี 2569 ปรับดีขึ้นบ้าง หลังสหรัฐฯ เลื่อนเก็บภาษีตอบโต้เป็น 1 ส.ค. และการเจรจากับประเทศคู่ค้ามีความคืบหน้ามากขึ้น แต่ผลของกำแพงภาษีสหรัฐฯ จะชัดเจนมากขึ้นหลังเดือน ส.ค. และจะกดดันเศรษฐกิจโลกต่อเนื่องไปถึงปี 2569 โดยในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ พบว่า เครื่องชี้กิจกรรมเศรษฐกิจของโลกยังขยายตัวได้ดีจากการเร่งผลิตเพื่อส่งออก เช่น เศรษฐกิจจีนขยายตัวได้ดีกว่าคาดในไตรมาส 2 อยู่ที่ 5.2%YOY ส่วนหนึ่งจากการส่งออกที่ยังขยายตัวดี โดยเฉพาะในตลาดอาเซียนและยุโรป อย่างไรก็ดี การนำเข้าของสหรัฐฯ ในไตรมาส 2 เริ่มลดลงต่ำกว่าเทรนด์ปกติหลังเร่งนำเข้าล่วงหน้า (Front-load) ไปมากตั้งแต่ช่วงปลายไตรมาส 4 ปี 2567 ต่อเนื่องมาถึงไตรมาส 1 ปีนี้

 

สหรัฐฯ เจรจาประเทศต่าง ๆ คืบหน้ามากขึ้น โดยเฉพาะหลังประธานาธิบดีทรัมป์ส่งจดหมายถึงคู่ค้าหลักกลุ่มแรก ๆ แจ้งอัตราภาษีตอบโต้ (Reciprocal tariffs) ที่จะเริ่มเก็บตั้งแต่ 1 ส.ค. พร้อมกับเร่งให้คู่ค้ายื่นข้อเสนอที่ดีและเป็นประโยชน์ต่อสหรัฐฯ มากขึ้น นอกจากนี้ สหรัฐฯ ยังขู่จะเริ่มเก็บภาษีรายสินค้า (Specific tariffs) เพิ่มอีกหลายรายการ เช่น ทองแดง, ยา และเซมิคอนดักเตอร์ ภายในปีนี้

 

นโยบายการเงินโลกยังมีแนวโน้มผ่อนคลายในปีนี้ แต่ความเสี่ยงจากสงครามการค้าจะมีผลต่อความไม่แน่นอนของนโยบายการเงินในระยะข้างหน้า เช่น Fed จะยังไม่เร่งปรับลดดอกเบี้ยใน Q3 เนื่องจากตลาดแรงงานสหรัฐฯ ยังคงแข็งแกร่งและผลกระทบกำแพงภาษีต่อเงินเฟ้อยังไม่ชัดเจน ขณะที่ญี่ปุ่นมีแนวโน้มคงดอกเบี้ยนโยบายไว้ จากผลกำแพงภาษีที่อาจกระทบค่าจ้างและชะลอวัฏจักรเชิงบวกของเงินเฟ้อ

 

จากสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนไปเช่นนี้ SCB EIC ประเมินว่ามีโอกาสมากขึ้นที่จะเห็น กนง. ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 2 ครั้งในปีนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับแนวโน้มเศรษฐกิจในระยะข้างหน้าที่จะแย่ลงกว่าที่ กนง. เคยประเมินไว้ แต่หากการเจรจากับสหรัฐฯ ไม่สำเร็จหรือเกิดผลกระทบจากปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ เพิ่มเติม เศรษฐกิจไทยจะยิ่งเผชิญความเสี่ยงด้านต่ำสูงขึ้น อาจมีโอกาสเห็น กนง. ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงมากกว่า 2 ครั้งในปีนี้

 

อ่านต่อบทวิเคราะห์ฉบับเต็มได้ที่... https://www.scbeic.com/th/detail/product/eic-monthly-0725

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

ความหวัง By : แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ ตลาดหุ้นไทย เขียวสดใส แรงซื้อหุ้นบิ๊ก แคป หนุนนำ ท่ามกลางนักลงทุน ลุ้นผลเจรจาภาษีระหว่าง..

ATLAS โชว์ศักยภาพผู้นำตลาด LPG ร่วมเวทีเสวนาสร้างธุรกิจยั่งยืนก่อนเข้า SET

ATLAS โชว์ศักยภาพผู้นำตลาด LPG ร่วมเวทีเสวนาสร้างธุรกิจยั่งยืนก่อนเข้า SET

มัลติมีเดีย

TMILL วางกลยุทธ์ ขยายตลาดควบคู่เน้นบริหารต้นทุน ดันมาร์จิ้นสดใส

TMILL วางกลยุทธ์ ขยายตลาดควบคู่เน้นบริหารต้นทุน ดันมาร์จิ้นสดใส

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้