SET มีคนมากมายต้องการจะหยุดฉานน
TOP PICK MTC / ERW / CK

 

EXTERNAL FACTOR
• ปัจจัยแวดล้อมกลับไปให้น้ำหนักกับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่ง ช่วยหนุนความ เชื่อมั่นของนักลงทุนทั่วโลก ทั้งยอดขายปลีกสหรัฐฯ เดือน มิ.ย. เพิ่มขึ้น รวมถึงจำนวน ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานลดลงต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 5
• สำหรับความคืบหน้าของมาตรการ TARIFF ปธน. ทรัมป์ เตรียมส่งจดหมายกว่า 150 ประเทศ แจกภาษี 10%-15%โดยประเทศที่จะได้รับจดหมายเหล่านี้เป็นประเทศเล็ก ๆ และไม่ได้ทำการค้ากับสหรัฐฯ มากนัก เมื่อเปรียบเทียบอัตราภาษีตอบโต้ 60 ประเทศ ที่ สหรัฐฯ รอบใหม่ คาดการณ์เฉลี่ยอยู่ที่ 20% ซึ่งมีแนวโน้มต่ำกว่าการประกาศช่วง เม.ย. 68 เฉลี่ยอยู่ที่ 31%

 

INTERNAL FACTOR
• มติอนุฯ กกต.ฟันคดีฮั้วคดีสว. 229 คน โดยแบ่งเป็น ส.ว. 138 คน และ กรรมการบริหารพรรคภูมิใจไทยและเครือข่าย 91 คน ซึ่งหาก กกต.ชุดใหญ่เห็นชอบ อาจนำไปสู่การยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อ ยุบพรรคภูมิใจไทย
• อย่างไรก็ตามเศรษฐกิจไทยเตรียมได้แรงพยุงจากหลายโครงการ ดังที่คุณทักษิณ กล่าวในงาน UNLOCKING THAILAND’S FUTURE อาทิ การจัดการเรื่องเงินไหล ออกพนันออนไลน์, ถมทะเล และ SANDBOX CRYPTO, GOLDEN VISA, SMART CITY, THAKSIN INSURE รวมถึง การปรับค่าใช้บริการสนามบินเพิ่มขึ้น

 

INVESTMENT STRATEGY
• วานนี้ SET INDEX ขึ้นแรง 40 จุด ถือเป็นการขึ้นแรงอันดับ 2 ของปีนี้ พร้อมกับมูลค่าซื้อขาย 6.3 หมื่นล้านบาท สูงสุดเมื่อเทียบกับ TOP5 ในวันที่ SET ขึ้นแรงสุดของปี หนุนให้ SET +109 จุด หรือ 10%(QTD) สูงสุดเป็นอันดับ 2 ของโลก แต่การขึ้นเร็วและแรงช่วงสั้นๆ อาจมีการย่อตัวลงมาได้บ้าง
• อีกมุมระดับ MARGIN ที่คงค้างในตลาดเดือน มิ.ย. ลดลง 17.4%MOM เหลือน้อยมากเพียง 1.5 แสนล้านบาท (1.1% ของ MARKET CAP)ซึ่งใกล้เคียงกับ ช่วงเดือนมี.ค. 20 (COVID-19) แล้วดัชนีค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้น นอกจากนี้ฝ่ายวิจัยฯ หาหุ้นที่แรงกดจาก MARGIN หายไปเยอะเกิน 50% ในเดือนเดียว ซึ่งมีโอกาส FLOW ไหล เข้าเพิ่มหลังตลาดฟื้นมาแรง อย่าง SPALI, KTC, BEC, BCPG, SHR

 

“เศรษฐกิจไทย” ยังไม่น่าวางใจจากผลกระทบ TARIFFS
ปัจจัยแวดล้อมกลับไปให้น้ำหนักกับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่ง ช่วยหนุนความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั่วโลก โดยล่าสุดสหรัฐฯ เผยยอดค้าปลีกเดือน มิ.ย. 68 ขยายตัว +0.6%MOM สูงกว่างตลาดคาด อีกทั้งจำนวนผู้ขอรับ สวัสดิการว่างงานลดลงต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 5 ซึ่งในมุมของตลาดหุ้นวานนี้ดีดขึ้นไปราว +0.5% ถึง +1.2% ทำให้ ดัชนี S&P500 ขึ้นไปทำ ALL TIME HIGH

 

สำหรับความคืบหน้าของมาตรการ TARIFF ปธน. ทรัมป์ เตรียมส่งจดหมายกว่า 150 ประเทศ แจกภาษี 10%-15% โดยประเทศที่จะได้รับจดหมายเหล่านี้เป็นประเทศเล็ก ๆ และไม่ได้ทำการค้ากับสหรัฐฯ มากนัก เมื่อเปรียบเทียบอัตรา ภาษีตอบโต้ 60 ประเทศ ที่สหรัฐฯ รอบใหม่ คาดการณ์เฉลี่ยอยู่ที่ 20% ซึ่งมีแนวโน้มต่ำกว่าการประกาศช่วง เม.ย. 68 เฉลี่ยอยู่ที่ 31%

 

อัตราภาษีรอบใหม่ที่สหรัฐฯ เรียกเก็บไทยอยู่ในระดับเดิมที่ 36% ทำให้บ้านเราอาจกลายเป็นประเทศที่ถูกเก็บภาษีใน อัตราสูงสุดเป็นอับดับ 4 ของโลก รองจากบราซิล (50%) ลาว (40%) และพม่า (40%) ถือเป็นความเสี่ยงต่อการภาค การค้าระหว่างประเทศ FDI ตลอดจนการจ้างงานและภาคบริโภค ซึ่งอาจเพิ่ม DOWNSIDE ให้กับ GDP GRWOTH ไทยตั้งแต่ช่วง 2H68 เป็นต้นไป

 

แรงกดดันต่อเศรษฐกิจไทยทำให้เกิดความคาดหวังว่า จะเห็นการใช้นโยบายการคลังเข้ามาช่วยลดแรงกระแทก รวมถึงใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายมากขึ้น ผ่านการปรับลดดอกเบี้ยในช่วง 2H68 อีกราว 1-2 ครั้ง เพื่อช่วย บรรเทาผลกระทบเชิงลบที่เกิดขึ้น ล่าสุดเห็นสัญญาณ BOND YIELD 10Y ของไทย เคลื่อนไหวไปในทิศทางตรงกัน ข้ามกับสหรัฐฯ โดยย่อตัวลงมาอยู่ที่ 1.54% (ใกล้จะเทียบเท่ากับการลดดอกเบี้ย 1 ครั้ง -25 BPS.)

 

สำหรับกลยุทธ์การลงทุนแนะหุ้นได้ประโยชน์ดอกเบี้ยขาลง หุ้นปันผลสูง อาทิ TIDLOR, MTC, SAWAD, KKP, TISCO, SPALI รวมถึง หุ้นปัจจัย 4 DEFENSIVE อาทิ BDMS, BH, BCH

 

แม้วานนี้ SET ดีดแรง แต่มีโอกาสผันผวนในระยะถัดไป
เดือน ส.ค.68 จับตา 3 คดีทางการเมืองที่อาจชี้ชะตาทิศทาง SET INDEX โดยมีรายละเอียดใน MARKET TALK ฉบับ วานนี้ ได้แก่1.คดีชั้น 14 : ทักษิณ 2. คดี ม.112 : ทักษิณ 3. คลิปเสียงฮุน เซน : แพทองธารซึ่งล่าสุดมีเพิ่มอีก 1 คดี ความ คือ มติอนุฯ กกต.ฟันคดีฮั้วคดีสว. 229 คน โดยแบ่งเป็น ส.ว. 138 คน ถูกกล่าวหาว่าฮั้วเลือกตั้ง และ กรรมการบริหารพรรคภูมิใจไทยและเครือข่าย 91 คน ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนช่วยให้ ส.ว. ได้รับเลือกโดยมิชอบ(เข้าข่าย ขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 113) ซึ่งหาก กกต.ชุดใหญ่เห็นชอบ อาจนำไปสู่การยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อ ยุบ พรรคภูมิใจไทย ซึ่งผลกระทบต่อการเมืองไทย ขอแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ดังนี้

 

1.เสถียรภาพของวุฒิสภา

• การฟันคดี ส.ว. ถึง 138 คน อาจทำให้วุฒิสภาขาดความชอบธรรม
• ส่งผลต่อการพิจารณากฎหมายสำคัญ และการแต่งตั้งบุคคลในองค์กรอิสระ

 

2. การเปลี่ยนแปลงพรรคการเมือง

• หากศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรคภูมิใจไทย จะกระทบต่อโครงสร้างพรรคร่วมรัฐบาล
• สมาชิกพรรคอาจต้องหาพรรคใหม่ หรือถูกตัดสิทธิทางการเมือง

 

ดังนั้นปัจจัยความไม่แน่นอนทางการเมืองไทยยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ซึ่งน่าจะกดดันให้ SET INDEX ผันผวนใน ช่วงเวลาก่อนมีคำตัดสิน

 

อย่างไรก็ตามเศรษฐกิจไทยยังมีแสงสว่าง หลังคุณทักษิณกล่าวในงาน UNLOCKING THAILAND’S FUTURE โดย ใจความส่วนใหญ่เน้นไปที่กระตุ้นเศรษฐกิจไทยในมุมต่างๆ โดยฝ่ายวิจับฯรวบรวมเฉพาะที่สร้าง SENTIMENT บวก ต่อเศรษฐกิจและหุ้นไทย ดังนี้

 

• จัดการเรื่องเงินไหลออกพนันออนไลน์, ถมทะเล : บวกต่อ GDP ไทย
• นโยบายผู้ว่า CEO, ให้มหาลัยออกแบบงบประมาณแต่ละกระทรวง, ลดงบทางทหาร : บวกต่องบประมาณ ประจำปีนั้นๆ
• SANDBOX CRYPTO, GOLDEN VISA, SMART CITY, THAKSIN INSURANCE : บวกต่อกลุ่ม ท่องเที่ยว CENTEL, ERW, MINT, CPN, BH, BDMS กลุ่มอสังหาฯ SPALI, SIRI, LH
• ปรับค่าใช้บริการสนามบินเพิ่มขึ้น : บวกต่อ AOT
• จัดอบรม AI แล้วให้ประชาชนใช้ฟรี: บวกต่อ TRUE, ADVANC
• จัดตั้ง AMC ลดหนี้ครัวเรือนต่อ GDP : บวกต่อกลุ่ม ธ.พ. KTB, BBL, KBANK, SCB

 

สรุป แม้วานนี้ SET ดีดแรง แต่มีโอกาสผันผวนในระยะถัดไป จากปัจจัยทางการเมืองที่รอผลลัพธ์ในช่วง ส.ค.68 อย่างไรก็ตามเศรษฐกิจไทยเตรียมได้แรงพยุงจากหลายโครงการ ดังที่คุณทักษิณกล่าวในงาน UNLOCKING THAILAND’S FUTURE หากเดินหน้าสร้างให้เกิดขึ้นจริง

 

หลัง SET แรงทะลุมิติ…หาหุ้น MARGIN เบา มีโอกาสเห็น FLOW ไหลเข้าเพิ่ม
วานนี้ SET INDEX ขึ้นแรง 40 จุด ถือเป็นการขึ้นแรงอันดับ 2 ของปีนี้ พร้อมกับมูลค่าซื้อขาย 6.3 หมื่นล้านบาท สูงสุด เมื่อเทียบกับ TOP5 ในวันที่ SET ขึ้นแรงสุดของปี หนุนให้ SET +109 จุด หรือ 10%(QTD) สูงสุดเป็นอันดับ 2 ของโลก แต่การขึ้นเร็วและแรงช่วงสั้นๆ อาจมีการย่อตัวลงมาได้บ้าง

 

อีกมุมระดับ MARGIN ที่คงค้างในตลาดเดือน มิ.ย. ลดลง 17.4%MOM เหลือน้อยมากเพียง 1.5 แสนล้านบาท (1.1% ของ MARKET CAP) ซึ่งใกล้เคียงกับ ช่วงเดือนมี.ค. 20 (COVID-19) แล้วดัชนีค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้น

 

นอกจากนี้ฝ่ายวิจัยฯ หาหุ้นที่แรงกดจาก MARGIN หายไปเยอะเกิน 50% ในเดือนเดียว ซึ่งมีโอกาส FLOW ไหลเข้า เพิ่มหลังตลาดฟื้นมาแรง อย่าง SPALI, KTC, BEC, BCPG, SHR

 

Research Division
จัดทำโดย
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์