AT THE OPEN (#ATO)
SET Index แกว่งออกข้างตามพัฒนาการเจรจาภาษี
เลือกเก็งกำไรหุ้นรายตัว (ที่งบสวย)

Market Strategy
SET Index แกว่งตามกรอบ 1150-1165 จุด ประเด็นกำแพงภาษียังเป็นตัวแปรสำคัญในการขับเคลื่อนตลาด ซึ่งวานนี้ทีมไทยแลนด์เจรจากับสหรัฐฯ รอบ 2 ซึ่งต้องติดตามการตอบสนองของสหรัฐฯ กลยุทธ์เก็งกำไรหุ้นรายตัวที่ผลประกอบการ 2Q68 เติบโต MOSHI SCGP

คุณทรัมป์เผยเตรียมปรับขึ้นภาษียาเร็วสุดปลายเดือนนี้และเซมิคอนเตอร์จะตามมาภายหลัง การปรับขึ้นภาษียากระทบกับไทยจำกัด เพราะเราส่งออกไปสหรัฐฯ คิดเป็นสัดส่วน 0.01% ของมูลค่าส่งออกทั้งหมด ด้านเซมิคอนดักเตอร์มูลค่าการส่งออกไปสหรัฐฯคิดเป็นสัดส่วน 1% ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมด ทั้งนี้ยังต้องตามรายละเอียดเพิ่มเติมว่าจะมีผลกับสินค้าอะไรบ้าง มองเป็นความเสี่ยงต่อกลุ่มอิเล็คทรอนิกส์ ที่มีสัดส่วนรายได้สหรัฐฯ โดย CCET DELTA HANA KCE SVI มีรายได้ทางตรงและทางอ้อมไป U.S.ไม่ต่ำกว่า 30% ในเชิงกลยุทธ์สำหรับกลุ่มนี้แนะนำ Wait & See ไปก่อน ด้านภาษีระหว่างไทยกับสหรัฐฯอยู่ในช่วงเจรจาขอลดภาษี โดยวานนี้ทีมไทยแลนด์ได้มีการหารือเป็นทางการกับ USTR รอบที่ 2 ซึ่งติดตามความคืบหน้าต่อไป โดยมุมมองของเรา คาดว่าไทยจะลดภาษีลงได้จาก 36%

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวก 0.3-0.5% ตลาดให้น้ำหนักประเด็นคุณทรัมป์ออกมาปฏิเสธข่าวการปลดประธาน FED และการรายงานดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือน มิ.ย. ที่แกว่งทรงตัว 0%MoM แต่อย่างไรก็ตาม หากลงรายละเอียด PPI สาเหตุมาหลักจาก PPI ภาคบริการที่ -0.14%MoM แต่ PPI ภาคผลิตไม่รวมอาหารและพลังงานยังเพิ่มขึ้น 0.3%MoM สะท้อนเริ่มมีการส่งผ่านภาษีมาบ้างแล้ว ซึ่งอาจส่งผ่านมายังเงินเฟ้อฯ และส่งผลต่อการดำเนินนโยบายการเงินของ FED ได้ในระยะถัดไป

Market Summary
SET Index ติดลบบางๆ -3 จุด เป็นขายทำกำไรของหุ้นในกลุ่มที่ปรับขึ้นแรงวันก่อนจากการเก็งกำไร ประเด็นผู้ว่า ธปท. คนใหม่ อย่างกลุ่มไฟแนนซ์ -1% กลุ่มอสังหาฯ -1% กลุ่มโรงไฟฟ้า (GPSC -2% BGRIM -1%) ผสานกลุ่มโรงแรม -1.6% ส่วนกลุ่มที่ปรับขึ้นเด่นๆ กลุ่มเกี่ยวกับภาคส่งออกและการลงทุน ITC +2.5% WHA +1.8% กลุ่มขนส่ง BA +2% จากคาดงบ 3Q68 กลับมาฟื้นตัวและกลุ่ม Laggard อย่างโรงพยาบาล +0.2% นักลงทุนสถาบันในประเทศ สลับมาขาย 139 ล้านบาท สวนทางต่างชาติ ซื้อสุทธิ 476 ล้านบาท

DAILY Stock Pick
MOSHI
กำไรไตรมาส 2 แข็งแกร่ง SSSG เดือน ก.ค. โตต่อ
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 51.00 บาท
เราคาดกำไรงวด 2Q68E ที่ 123 ล้านบาท (+52%YoY, -21%QoQ) เติบโตผ่านทั้ง SSSG +15%YoY และจำนวนสาขาที่มากขึ้น 11 สาขา พร้อมกับการออก SKU ใหม่เดือนละ 1 พันชิ้น อีกทั้งผลของการประหยัดต่อขนาด หนุนให้ GPM อยู่ที่ 54.7% เพิ่มขึ้น 161 bps เทียบกับปีก่อน
บริษัทให้ข้อมูล SSSG เดือน ก.ค. 68 +10%YoY หนุนจากวันหยุดยาว เบื้องต้นกำไรงวด 3Q68E ชะลอตัวลงตามปัจจัยฤดูกาล แต่ปรับตัวขึ้น YoY ตามการขยายสาขาและ SSSG ที่เติบโตต่อเนื่อง

WEEKLY Stock Pick
SCGP
เก็งกำไร China Play รับจีนกระตุ้นเศรษฐกิจ
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 19.00 บาท
PBOC เสนอรัฐบาลจีน ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม มูลค่า 2.09 แสนล้านดอลลาร์ (ปัจจุบันอยู่ที่ 0.42 แสนล้านดอลลาร์) เพื่อรับมือกับผลกระทบภาษีการค้าที่เกิดขึ้น ผ่านการกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ หนุนการนำเข้าบรรจุภัณฑ์มากขึ้น (50% นำเข้าจาก ASEAN)
บริษัทคาดว่าราคาขายบรรจุภัณฑ์ในประเทศอินโดนีเซียปรับราคาขึ้นตามผู้นำตลาด อีกทั้งปริมาณการขายฟื้นตัวหลังผ่านช่วงหยุดยาวในอินโดนีเซีย หนุนผลประกอบการ Fajar ฟื้นตัวขึ้น QoQใน 2Q68 ณ ราคาปัจจุบัน Bloomberg Consensus คาด ซื้อขายที่ PE ปี 68 ที่ 17.4 เท่า

KEY FACTOR
ประเด็นภาษีศุลกากรของ ปธน. ทรัมป์ ยังคงเป็นปัจจัยที่ตลาดให้น้ำหนัก ล่าสุดขู่ภาษีศุลกากรสูงถึง 200% สำหรับยาและเวชภัณฑ์ พร้อมเตรียมภาษีใหม่สำหรับชิปเซมิคอนดักเตอร์ ในลักษณะ Sectoral tariffs ที่มีแนวโน้มว่าการเจรจาจะยากกว่าภาษีตอบโต้แบบประเทศต่อประเทศ
ตัวเลขดัชนีราคาผู้ผลิตสหรัฐฯ สะท้อนแรงกดดันเงินเฟ้อที่อ่อนตัวลงทั้งใ MoM และ YoY โดย Headline PPI ทรงตัว 0.0% MoM และชะลอลงเหลือ +2.3% YoY จาก +2.6% ในเดือนก่อน ขณะที่ Core PPI (ไม่รวมอาหารและพลังงาน) ก็ทรงตัวที่ 0.0% MoM และลดลงเหลือ +2.6% YoY จาก +3% ทั้งนี้ ตัวเลขที่ออกมาต่ำทั้งรายเดือนและรายปีสะท้อนแรงกดดันด้านต้นทุนในภาคการผลิตที่ผ่อนคลายลง โดยเฉพาะราคาบริการที่ลดลง

EYES ON
17 ก.ค. CPI ยูโรโซน เดือน มิ.ย.

นักกลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ, ออมทรัพย์ โง้วศิริ