Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

บล.คิงส์ฟอร์ด : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน

146

Market Wrap-Up

  • SET วันที่ 16 ก.ค.68 ปิด -3.38 จุด อยู่ที่ 1,157.63 จุด มูลค่าการซื้อขาย 42,928 ลบ. ต่างชาติซื้อ 475.78 ลบ. สถาบันซื้อ 52 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 388 ลบ. และรายย่อยขาย 140 ลบ. NVDR มียอดขายสุทธิ 2,052 ลบ.โดยมียอดซื้อในหุ้น PTT,KTB,ADVANC,SCB,WHA และยอดขายหุ้น AOT,KTC,CPALL,CPN,GULF มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 1,851 ลบ.หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ CPAXT,SPALI,AOT โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Short ใน Index Futures จำนวน 13,881 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 112,245 สัญญา ต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตรไทย 680 ลบ.
  • ตลาดหุ้นสหรัฐ +0.53%, S&P500 +0.32%, Nasdaq +0.25% หลังปธน.ทรัมป์ออกมาปฏิเสธข่าวการปลดประธานเฟด ส่วนตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 -0.57% หลัง ASML ออกมาให้ไกด์ไลน์ว่ารายได้ปี 69 อาจจะไม่เติบโต
  • Market View
  • ตลาดหุ้นสหรัฐปิดปรับบวก โดย Nasdaq ยังทำ new high ขณะที่ S&P500 หนุนจากกลุ่มเฮลธ์แคร์และอสังหาริมทรัพย์ ระหว่างวันเคลื่อนไหวผันผวนจากกระแสข่าวทรัมป์จะปลดพาวเวลออกจากตำแหน่งประธานเฟด ก่อนที่ทรัมป์จะออกมาปฏิเสธข่าวดังกล่าว ส่งผลให้ VIX index ลดลงและหุ้นฟื้นตัว นอกจากนี้ตลาดยังได้ปัจจัยหนุนจากการรายงานตัวเลขดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนมิ.ย.+ 3%YoY (ต่ำกว่าคาด +2.5%YoY) vs เดือนพ.ค.+2.7%YoY ส่วน Core PPI ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงานเดือนมิ.ย.+ 2.6%YoY (ต่ำกว่าคาด +2.7%YoY) vs เดือนพ.ค.+3.2%YoY ด้าน FedWatch Tool นักลงทุนให้น้ำหนัก 56.2% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนก.ย.รวมถึงการรายงานกำไร 2Q68 ของธนาคารขนาดใหญ่ออกมาดีกว่าคาดทั้ง Goldman Sachs, BoA, Morgan Stanley ส่วน Johnson & Johnson พุ่งขึ้นจากการเพิ่มคาดการณ์ยอดขาย-กำไร ส่วนค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับภาษีศุลกากรลดลงในปีนี้
  • ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับลบ ดัชนี STOXX 600 -0.57% ถูกกดดันจากข่าวทรัมป์จะปลดพาวเวล อีกทั้งหุ้นกลุ่มชิป นำโดย ASML -11.4% หลังคาดการณ์รายได้ในปี 69 อาจจะไม่เติบโต ส่งผลให้หุ้นอื่นๆ อย่าง BE Semiconductor, ASMI, STMicroelectronics ปรับลดลง 2-5% นอกจากนี้การคาดการณ์ผลประกอบการของ บจ.ล่าสุดบ่งชี้ถึงแนวโน้มที่แย่ลงของภาคธุรกิจยุโรปสาเหตุมาจากความไม่แน่นอนจากภาษี ความเชื่อมั่นทางธุรกิจที่อ่อนแอ และแรงกดดันต่ออัตรากำไรจากการกักตุนสินค้า โดยเงินเฟ้อของอังกฤษในเดือนมิ.ย.+6%YoY vs เดือนพ.ค.+3.4%YoY สูงเกินคาด ซึ่งต้องรอตัวเลขการจ้างงานและค่าจ้างที่จะประกาศในวันพฤหัสบดี โดยตลาดยังคงคาดการณ์ว่า BoE จะลดดอกเบี้ยลงในเดือนส.ค. 0.25%
  • ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ ดัชนี Shanghai Composite -0.04% ดัชนี Hang Seng -0.29% นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนด้านการค้า ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐบาลจีนเพื่อต่อสู้กับแรงกดดันด้านเงินฝืดและการชะลอตัวของอุปสงค์ภายในประเทศ ด้านดัชนี Nikkei -0.04% รอการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา ดัชนี KOSPI -0.9% หลังสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อ CPI ที่สูงเกินคาด
  • SET ปิด -0.29% ปริมาณการซื้อขาย 29 หมื่น ลบ. ต่างชาติซื้อ 475.78 ลบ. สถาบันซื้อ 52 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 388 ลบ. และรายย่อยขาย 140 ลบ. ภาพรวมดัชนีมีแรงขายทำกำไรออกมาบางส่วนหลังช่วงก่อนหน้าฟื้นตัวดีติดกัน 3 วันทำการโดยมีปัจจัยเชิงลบจาก US CPI ที่สูงกว่าตลาดคาด กดดันเฟดชะลอปรับลดอัตราดอกเบี้ย รวมถึงการที่อินโดฯสามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้ากับสหรัฐฯ โดยจะเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากอินโดฯที่ 19% (เดิม 32%) และน้อยกว่าเวียดนามที่ 20% สร้างแรงกดดันต่อการเจรจาของไทย ส่วนประเทศถัดไปที่จะปิดข้อตกลงการค้าได้อาจจะเป็นอินเดีย ทั้งนี้ กลุ่มที่เข้ามาช่วยพยุง SET วานนี้หลักๆ คือ 1.กลุ่มหุ้น Big Cap. เช่น BDMS, CPALL ที่มี Upside จากราคาพื้นฐานมาก(ราคาลงมาลึก) และ 2.กลุ่มขนส่ง +0.64% นำโดย AOT ซึ่งยังซึมซับข่าวรัฐเลื่อนการจัดเก็บภาษีเหยียบแผ่นดิน/ข่าวกองทุนสิงคโปร์ ต่ออีกวัน ด้านปัจจัยหลักๆที่ยังต้องติดตามในประเทศได้แก่ 1.การเจรจาการค้าไทย-สหรัฐฯ ก่อน 1ส.ค. 2.ประเด็นการเมือง คลิปเสียง ฮุนเซน(ศาลรธน.) และ 3.การรายงานผลประกอบการ 2Q68 ซึ่งเริ่มด้วยกลุ่มธนาคารพาณิชย์

Daily Strategy

  • ประเมินดัชนี SET เคลื่อนไหวในกรอบ 1,145-1,175 จุด ประคองตัวรอปัจจัยใหม่ๆ รวมถึงติดตามทิศทาง Fund Flow ต่างประเทศหลังการรายงานตัวเลข CPI ของแต่ละภูมิภาค(US, UK ออกมาสูงกว่าคาด) แนะนำทะยอยซื้อ หุ้นกลุ่มหลักที่P/Eยังไม่สูง เช่น BDMS, CPALL, OSP กลุ่ม China Play เช่น SCC, PTTGC และกลุ่ม Earning Play 2Q68-High Season 3Q68 เช่น GULF, BCPG, SKR, TACC.
  • MTC* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 53.50 บาท) แนวโน้มกำไร 2Q68 ยังขยายตัวได้ QoQ, YoY หนุนจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่เพิ่มขึ้นตามพอร์ตสินเชื่อ ขณะที่การค่าใช้จ่ายสำรองหนี้ปรับลดลงจากการชำระเงินของลูกหนี้และควบคุมคุณภาพสินเชื่อที่ดี โดยการขยายตัวของสินเชื่อส่วนใหญ่จากสินเชื่อจำนำทะเบียน ทั้งนี้คาดปี 68 บริษัทยังสามารถเติบโตได้ตามเป้าหมายสินเชื่อโต 10-15% มีแผนเปิดสาขาเพิ่ม 600 สาขา ขณะที่ credit cost มีแนวโน้มลดลงการค่าใช้จ่ายสำรอง ECL (NPL ไม่เกิน 7%) ส่วน NIM อาจถูกกดดัน แต่เชื่อต้นทุนทางการเงินน่าจะดีขึ้นจากการลดดอกเบี้ยนโยบายใน 2H68 ต่อเนื่องไปยังไป 69 ทั้งนี้อิงจาก consensus ตลาดคาดกำไรสุทธิปี 68 ที่ 6.8 พันล้านบาท +16%YoY

KCG* (ซื้อ/ ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 11.13 บาท) แม้กำไร 2Q68 มองอ่อนตัว QoQ ตามฤดูกาล แต่มีโอกาสที่ YoY จะยังโตได้ดีหนุนจากสินค้ากลุ่ม Food and Bakery Ingredient ด้าน KCG* เอง วางเป้ารายได้ปี68นี้ +High Single Digit%YoY ปัจจัยขับเคลื่อนหลักจะมาจากสินค้าใหม่ๆ การหาตัวแทนกระจายสินค้าเพิ่มเติม และการให้ความสำคัญกับช่องทางออนไลน์ ขณะที่ในส่วนของต้นทุนค่าใช้จ่ายคาดว่าจะได้ประโยชน์จาก Solar Roof รวมถึงการเปิดใช้งาน KCG Logistic Park ทั้งนี้ ตลาดคาดกำไรสุทธิ KCG* ปี68 และ69 จะอยู่ที่ 446 ลบ.(+10%YoY) และ 517 ลบ.(+16%YoY)

 

Daily Key Factors

Oil Update(-) WTI ส.ค.-0.21$ อยู่ที่ $66.38/ บาร์เรล, Brent ก.ย. -0.19$ อยู่ที่ $68.52/บาร์เรล ตลาดกังวลกับ Demand กรณีม.ภาษีศุลการกรตอบโต้ของปธน.ทรัมป์ รวมถึงรายงานสต็อกเชื้อเพลิงที่เพิ่มขึ้น

 

Gold Update(-) Comex Gold ส.ค.+22.40$ อยู่ที่ $3,359.10 /ออนซ์ เคลื่อนไหวผกผันกับ Dollar Index ที่ปรับตัวลง ขณะที่สถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์และกรณีม.ภาษีศุลการกรตอบโต้ของปธน.ทรัมป์ยังคอยเข้ามากดดันเป็นระยะ

 

Fund Flow(-) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ขายสุทธิ -113.40 ล้านดอลลาร์สหรัฐ  ขายหุ้นอินโดฯ -67.21 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นไทย 14.65 ล.ดอลลาร์สหรัฐ  และขายหุ้นฟิลิปปินส์ -60.96 ล.ดอลลาร์สหรัฐ

 

(+) ค่าเงินบาทเช้านี้อ่อนตัวอยู่ที่ 32.49 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(+) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ปรับตัวลดลงอยู่ที่ 4.4673 %

(+) ดัชนี BDI วานนี้ +40 จุด อยู่ที่ 1,906

(-) BitCoin เช้านี้ -0.05% อยู่ที่ 118,492 ดอลลาร์สหรัฐ

 

 

Economic Calendar

 

ในประเทศ

16 ก.ค.     ส.อ.ท. แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม

31 ก.ค.     ธปท. รายงานภาวะเศรษฐกิจและการเงินไทย

สัปดาห์ที4 ส.อ.ท. แถลงยอดผลิตและส่งออกรถยนต์ รถจักรยานยนต์และชิ้นส่วน

ยานยนต์

กระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศ        

สศค.รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง, ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค,ดัชนี

ความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค

สศอ. แถลงดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรม

 

ต่างประเทศ

15 ก.ค.     CN ดัชนีจีดีพี (GDP) ของจีน (ไตรมาส 2)

                US ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) (มิ.ย.)

16 ก.ค.     US ดัชนีผู้ผลิต (PPI) (มิ.ย.)

US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ

17 ก.ค.     EU ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) (ปีต่อปี) (มิ.ย.)

US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก

US ดัชนียอดขายปลีก (มิ.ย.)

US            ดัชนีภาคการผลิตจากธนาคารกลางรัฐฟิลาเดลเฟีย ( ก.ค.)

 

Theme Strategy

Theme หุ้นที่มีปัจจัยบวกตามกระแส Megatend, ทิศทางดอกเบี้ยเริ่มเข้าสู่ขาลง,  และ/หรือ สามารถรับจากความเสี่ยง Trade War ได้  

 

(1) กลุ่มการเงิน Leasing รับแนวโน้มทิศทางดอกเบี้ยในประเทศลดลง NCAP*, S11*, SINGER* ,SGC* ,THANI*

 

(2) กลุ่มสื่อสาร โรงไฟฟ้า หุ้น defensive ได้ประโยชน์จาก Bond yield ที่ปรับลดลง ธุรกิจหลักมีการเติบโตสอดคล้องเศรษฐกิจใหม่ ADVANC ,TRUE ,GULF*, GPSC*, BCPG

 

(3) กลุ่มเกษตรได้ประโยชน์จากราคาสุกรในประเทศที่อยู่ในระดับสูง ขณะที่การส่งออกไก่ไปต่างประเทศยังทำได้ดี CPF, BTG* ,TFG* ,FM* ,GFPT

 

(4) กลุ่ม China Play คาดความดึงเครียดทางการค้าผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว แม้ยังมีความผันผวนแต่หุ้นที่เกี่ยวข้องมี valuation ที่ปรับตัวลงมาต่ำมากแล้ว น่ากลับไปหาจังหวะเก็งกำไร SCC* ,SCGP* ,PTTGC

 

(5) กล่มสินค้า IT ได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนถ่ายเทคโนโลยี ADVICE* ,COM7* SYNEX*,SIS*

 

(6) สินค้าจำเป็นและการบริโภคในชีวิตประจำวันที sensitive น้อยต่อกำลังซื้อในประเทศชะลอตัว เช่น CPALL , MALEE*, BJC ,OKJ*, NSL*

 

**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย

 

Asset Allocation: Equity 50% Fixed Income 35% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%

 

Today Fundamental Research: -

 

 

Monthly Portfolio May 2025: MONO*, PR9*, IVL*,PTTGC*,GULF*, TIDLOR*

 

Analysts

Apichai Raomanachai  

Fundamental and Technical Investment Analysis ID No.  002939

Tel  02-829-6999  Ext  2200

Email : apichai.ra@kfsec.co.th

Meena Tunlayanitigun

Fundamental and Technical Investment Analysis ID No.  033662

Tel  02-829-6999

Email : meena.tu@kfsec.co.th

Nopporn Chaykaew     

Fundamental Analysis ID No.  043964

Tel  02-829-6999  Ext  2203

Email : noppoen.ch@kfsec.co.th

Nattawat Poosunthornsri  

Fundamental Analysis ID No.  087077

Tel  02-829-6999  Ext  2204

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

ใกล้1200 จุด By : แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ เช้าวันนี้ ตลาดหุ้นไทย มีแรงซื้อกลับเข้ามาในหุ้นใหญ่หลายตัว โดยเฉพาะหุ้นDELTA AOT .....

มัลติมีเดีย

MGT มั่นใจสร้างผลงานปี68 โตแกร่ง

MGT มั่นใจสร้างผลงานปี68 โตแกร่ง

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้