---อุปสงค์แข็งแกร่ง แม้ภาษีทรัมป์ยังไม่แน่นอน---
Preview ผลประกอบการ 2Q25F: คาดกำไรสุทธิดีขึ้น q/q จากอุปสงค์ฟื้นตัวและต้นทุนดาเนินงานลดลง โดยเราคาดการณ์กำไรสุทธิ 2Q25F ไว้ที่ 970 ล้านบาท ลดลง -33% y/y แต่เติบโต +8% q/q ซึ่งการฟื้น q/q มาจาก 1) อุปสงค์บรรจุภัณฑ์กลุ่มสินค้าบริโภคเพิ่มขึ้นทั้งในไทย อินโดนีเซีย และเวียดนาม และการเร่งซื้อสินค้าอุปโภคในช่วงระยะเวลาผ่อนปรนภาษีทรัมป์, 2) ต้นทุนวัตถุดิบลดลง, 3) EBITDA ของ Fajar ดีขึ้น
คาด EBITDA รวมไตรมาสนี้ไว้ที่ 4.24 พันล้านบาท (-2% y/y แต่ +6% q/q) ด้าน EBITDA margin ประเมินไว้ที่ 12.8% (เทียบกับ 12.7% ใน 2Q24 และ 12.4% ใน 1Q25)
Outlook: อุปสงค์ยังแข็งแกร่งต่อใน 3Q25F โดยเฉพาะในเวียดนามและอินโดนีเซีย อย่างไรก็ตาม การปรับขึ้นราคาบรรจุภัณฑ์ยังทำได้ยาก เนื่องจาก ผู้ประกอบการในจีนลดราคาเพื่อระบายสินค้า และความต้องการซื้อบรรจุภัณฑ์สินค้าคงทนชะลอตัวลง ในด้านราคาวัตถุดิบ AOCC ใน 3Q25F คาดว่าจะอ่อนลง ส่วนต้นทุน RCP ของบริษัทคาดลดลง -2% q/q
Recommendation: แนะนำถือ ให้ราคาพื้นฐาน 15 บาท (DCF, WACC : 9.78%) ทั้งนี้บริษัทยังเผชิญความท้าทายจากผลกระทบภาษีศุลกากรทรัมป์ แรงกดดันจากราคาบรรจุภัณฑ์ที่ต่ำจากจีน และการฟื้นตัวของ Fajar ที่อาจจะใช้เวลามากกว่าที่บริษัทประเมินไว้เนื่องจากสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่ไม่เอื้ออำนวย เราปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรสุทธิปี 25F-26F ขึ้น +12%/+14% สะท้อนดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลง 150 ล้านบาท และ300 ล้านบาท ตามลำดับ
นักวิเคราะห์ : ดุลเดช บิค : duladethbik@dbs.com : Tel. 02 857 7833