ภาวะตลาด : SET Index วานนี้ปรับขึ้นต่อ ปิดตลาดในระดับสูงสุดของวันที่ 1143.31 เพิ่มขึ้น +22.18 จุด (+1.98%) โดยนักลงทุนคาดหวังว่าภาษีศุลกากรของไทยจะต่ำกว่า 36%, เก็งว่าถ้าผู้ว่าการธปท.คนใหม่เป็นนายวิทัย รัตนากร ดอกเบี้ยจะลดลงได้เร็วและมากขึ้น รวมถึงเก็งกำไรงบฯ 2Q25F และแนวโน้ม 2H25F ทั้งนี้แรงซื้อ กระจายไปในกลุ่มต่างๆ ทั้ง แบงค์ ไฟแนนซ์ สื่อสาร ขนส่ง & ท่องเที่ยว และส่งออก ต่างชาติซื้อสุทธิ +1.37 พันลบ. สถาบันในปท.ซื้อสุทธิ +1.67 พันลบ.

ปัจจัยต่างประเทศ
• การเจรจาการค้า: ประธานาธิบดีทรัมป์ ระบุว่าญี่ปุ่น, EU และปท.อื่นๆ ปรับเปลี่ยนท่าทีในการเจรจาภาษี "อย่างรวดเร็วมาก" ทำให้เชื่อว่าการเจรจาอาจมีความคืบหน้าและบรรลุข้อตกลงการค้าในไม่ช้า ด้าน EU เตรียมออกมาตรการตอบโต้ภาษีทรัมป์ครอบคลุมสินค้านำเข้าจากสหรัฐมูลค่า 8.4 หมื่นล้านUS$
• จีน: ส่งออกเดือนมิ.ย.เติบโต 5.8% YoY ดีกว่าตลาดคาด ส่วนนำเข้ากลับมาขยายตัวครั้งแรกในรอบปี 25
• สหรัฐจะใช้มาตรการภาษีทุติยภูมิ (Secondary Tariffs) 100% กับรัสเซียและปท.ที่ซื้อน้ำมันจากรัสเซีย ถ้าสงครามรัสเซีย-ยูเครนไม่ยุติภายใน 2 ก.ย.25
• ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐบวกเล็กน้อย รอรายงานผลประกอบการ ด้านสัญญาน้ำมันดิบร่วง -2% เป็น 67-69 US$/bbl จากกังวลอุปสงค์เพราะผลกระทบมาตรการภาษีทรัมป์ สัญญาทองคำลดลง -4.9 US$ เป็นเป็น 3,359.10 US$/ออนซ์
• ดัชนีค่าเงิน US$ แข็งขึ้นเล็กน้อยสู่ 98.03 ค่าเงินบาทอ่อนเป็น 32.44 บาท/ดอลลาร์ ส่วน US bond yield 10 ปีขยับขึ้นเป็น 4.43% ดัชนีราคาถ่านหิน (NC) ทรงที่ 111.1 (สูงสุด 149) ดัชนี Baltic Dry Index พุ่งขึ้นสู่ 1783 (สูงสุด 1975)
• ติดตามตัวเลข CPI มิ.ย.สหรัฐ (15 ก.ค.) & PPI (16 ก.ค.) & ยอดค้าปลีก (17 ก.ค.) & ความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้น (18 ก.ค.), รายงานจีดีพี 2Q25 ของจีน
• วันที่ 31 ก.ค. 68 ศาลอุทธรณ์กลางในกรุงวอชิงตัน ดี ซี.นัดไต่สวนคดีประธานาธิบดีทรัมป์ มีอำนาจในการปรับขึ้นภาษีตอบโต้หรือไม่ แต่ระหว่างที่รอคา ตัดสินยังคงให้ประกาศของทรัมป์มีผลบังคับใช้

ปัจจัยในประเทศ & ข่าวหุ้นเด่น
• รมว.คลังเปิดข้อเสนอเพิ่มเติมในการเจรจาการค้ากับสหรัฐ เช่น การเปิดตลาดให้สินค้าสหรัฐเข้าไทยเพิ่มเป็น 69% ในสินค้าที่สหรัฐอยากขาย-ไทยอยากซื้อ (เดิม 63.-64%), ส่งเสริมการลงทุนธุรกิจไทยในสหรัฐมากขึ้น, ให้ความสำคัญกับการป้องกันสินค้าสวมสิทธิ์ & ปรับเพิ่มสัดส่วน local content สำหรับสินค้าส่งออกเป็น 60-80% (เดิม 40%) และเตรียมซอฟท์โลน 2 แสนลบ. อัตราดอกเบี้ยต่า 0.01% เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการโดยเฉพาะ SME ที่ได้รับผลกระทบ
• กลุ่มธ.พ.: จะทยอยรายงานผลประกอบการ 2Q25 ซึ่งเราคาดว่าแทบทุกธนาคารมีกำไรสุทธิที่ลดลงทงั้ YoY และ QoQ โดยหลักมาจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิลดลง (สินเชื่อหดตัว และ NIM แคบลง) ยกเว้น KKP ที่คาดกำไรสุทธิโต YoY และ QoQ รวมถึง SCB ที่คาดว่ากำไรจะเติบโต YoY จากค่าใช้จ่ายดำเนินงานลดลงและต้นทุนเครดิตต่ำลง...ให้น้ำหนักลงทุนกลุ่มธ.พ.เป็น Neutral โดยให้ KTB และ TTB เป็นหุ้น Top picks
• ไทย: เสนอชื่อผู้ว่าการธปท.คนใหม่ให้ครม.พิจารณาวันนี้ (15 ก.ค.) ถ้าเป็นนายวิทัย ก็เป็นไปตามตลาดคาด ซึ่งมีโอกาสที่ดอกเบี้ยนโยบายจะลดได้เร็วและมาก เป็นบวกกับกลุ่มไฟแนนซ์ เช่น KKP, TISCO, MTC, AEONTS, TIDLOR, SAWAD ฯลฯ และเป็นบวกกับหุ้นที่มีหนี้เงินบาทสูง เช่น ERW, CRC, BGRIM, GPSC, TRUE, BEM, CK เป็นต้น สิ่งที่ต้องจับตาต่อ คือ ความเป็นอิสระของธปท. เพราะส่วนนี้มีผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งไทยและตปท.
• การเมืองไทย : นพ.พรหมินทร์ เลขาธิการนายกฯ กล่าวว่าถ้าส่งคำชี้แจงศาลรธน.ปมคลิปเสียงไม่ทันกรอบเวลา 15 วัน ก็จะขอขยายเวลาออกไป

กลุยทธ์ : ระยะสั้นมากสัญญาณทางเทคนิคเป็นบวก โดยดัชนีทดสอบและปิดเหนือ 1140 รวมทงั้ อยู่สูงกว่า SMA10 แนวต้านระยะสั้นถัดไปอยู่ที่ 1150, 1160 ส่วนการอ่อนตัวมีแนวรับ 1130-1127, 1120-1117 โดยให้แนวฟิวเตอร์ที่ไม่ควรหลุดไว้ที่ 1115 ถ้าหลุดก็มีสิทธิลงไปที่ 1110 หรือต่ำกว่าได้

หุ้นพื้นฐานแนะนำวันนี้ : BDMS– คาดกำไร 2Q25F โต +3% YoY จากรายได้เพิ่ม (ทั้งคนไข้ไทยและต่างชาติ โดยรายได้คนไข้ตะวันออกกลางยังโตแกร่ง+30%YoY แต่รายได้คนไข้กัมพูชาลดลง) มาร์จิ้น ทรงตัว YoY หากเทียบ QoQ กำไรจะลดลงเพราะรายได้และมาร์จิ้น อ่อนลง ประเมินว่ากำไร 2H25F จะเติบโต HoH เพราะไตรมาส 3 เป็น high season เพราะฤดูฝน และรายได้คนไข้ตะวันออกกลางเพิ่มขึ้น ราคาหุ้นลดลงรับข่าวลบไปแล้วพอควร โดยปัจจุบันซื้อขายที่ P/E ระดับ Mean-2.5SD แนะนำ ทยอยซื้อสะสม ให้ราคาพื้นฐาน 33 บาท (DCF)

นักวิเคราะห์&กลยุทธ์: อาภาภรณ์ แสวงพรรค : arparporns@dbs.com : Tel 02 587 7829