Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

บล.คิงส์ฟอร์ด : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน

104

Market Wrap-Up

  • SET วันที่ 14 ก.ค.68 ปิด +22.18 จุด อยู่ที่ 1,143.31 จุด มูลค่าการซื้อขาย 33,684 ลบ. ต่างชาติซื้อ 1,374 ลบ. สถาบันซื้อ1,674 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 107 ลบ. และรายย่อยขาย 2,942 ลบ. NVDR มียอดซื้อสุทธิ 1,162 ลบ.โดยมียอดซื้อในหุ้น PTT,ADVANC,BBL,KTB,DELTA และยอดขายหุ้น AOT,CPN,MINT,SCB,SCC มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 1,489 ลบ.หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ OR,HMPRO,THANI โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Long ใน Index Futures จำนวน 13,997 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 118,626 สัญญา ต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตรไทย 822 ลบ.
  • ตลาดหุ้นสหรัฐ +0.20%, S&P500 +0.14%, Nasdaq +0.27% ประคองตัวระหว่างรอความคืบหน้าประเด็นภาษีศุลกากรสหรัฐฯกับประเทศคู่ค้า ส่วนตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 -0.06% นักลงทุนยังกังวลกับประเด็นสหรัฐฯขู่จะเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากEUในอัตราสูง แต่มีหุ้นกลุ่มการแพทย์และการเงินช่วยพยุง           
  • Market View
  • ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ปรับขึ้นเล็กน้อย ถูกกดดันจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขู่เรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจาก EU และ Mexico ในอัตรา 30% ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.หลังการเจรจาดำเนินไปอย่างล่าช้า ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจ เช่น US CPI เดือนมิ.ย.คาด +6%YoY เทียบกับเดือน พ.ค.+2.4%YoY ส่วน Core CPI เดือนมิ.ย.คาด +3.0%YoY เทียบกับเดือน พ.ค.+2.8%YoY นอกจากนี้นักลงทุนยังรอรายงานกำไร 2Q68 ขอ JPMorgan, Netflix และ Johnson & Johnson โดย LSEG คาดกำไร บจ.ใน S&P500 2Q68 +5.7%YoY ส่วนประเด็นภูมิรัฐศาสตร์ทรัมป์จะกลับมาสนับสนุนอาวุธให้ยูเครนผ่านนาโตและขู่ว่าจะใช้มาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่กับประเทศที่ซื้อน้ำมันจากรัสเซีย เว้นแต่ว่ารัสเซียจะยอมทำข้อตกลงสันติภาพภายในเวลา 50 วัน
  • ตลาดหุ้นยุโรปวานนี้ลดลงเล็กน้อย ดัชนี STOXX 600 ปิดลบ -06% โดยหุ้นกลุ่มยานยนต์ปรับลดลงจากความกังวลว่าทรัมป์ขู่จะเก็บภาษีในอัตราสูงจาก EU ในวันที่ 1 ส.ค. และ EU กำลังพิจารณามาตรการตอบโต้ ส่วนในสัปดาห์นี้จะเริ่มมีการรายงานกำไร บจ. เช่น ASML ในวันพุธ รวมถึงรอดูการรายงานตัวเลขเงินเฟ้อรายเดือนจากสหรัฐฯ, สหราชอาณาจักร และยูโรโซน ส่วนทางด้านตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ระดับสูงสุดใหม่จากความคาดหวัง BoE จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในเดือนส.ค. โดยจากข้อมูลของ LSEG คาดการณ์ความเป็นไปได้ 89% ว่า BoE จะลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ขณะที่ดัชนี FTSE 100 ปรับเพิ่มขึ้นจากหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์จากแผนการเรียกเก็บภาษีของทรัมป์
  • ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ ดัชนีเซี่ยงไฮ้ +27%, ฮั่งเส็ง +0.26% หลังจากที่สำนักงานศุลกากรจีนเปิดเผยว่า ยอดส่งออกของจีนปรับตัวขึ้น 5.8% ในเดือนมิ.ย. มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 5% Kospi เกาหลีใต้ +0.83% รับความหวังเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงการแจกเงิน เพื่อรับมือผลกระทบจากนโยบายภาษีนำเข้าของรัฐบาลสหรัฐฯ ขณะที่ดัชนีนิกเกอิ -0.28% จากความกังวลต่อมาตรการภาษีของสหรัฐฯ ที่ยังต้องรอความคืบหน้า
  • SET ปิด +1.98% ปริมาณการซื้อขาย 37 หมื่น ลบ. ต่างชาติซื้อ 1,374 ลบ. สถาบันซื้อ1,674 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 107 ลบ. และรายย่อยขาย 2,942 ลบ. ดัชนีมีแรงซื้อกลับโดยเฉพาะในกลุ่ม Big Cap. นำโดย DELTA, GULF, AOT, PTT, PTTEP ซึ่งทั้ง 5 ตัวดังกล่าวเป็นบวกต่อดัชนีราว 9.58 จุด ภาพรวม นักลงทุนคาดว่าการจรจาภาษีกับสหรัฐฯยังดูมีความหวัง ขณะที่ Bloomberg Consensus ประเมิน 12 mos forward PE ยังอยู่ในระดับต่ำที่ 12.30x ทั้งนี้ ปัจจัยในประเทศที่ยังต้องติดตาม ได้แก่ 1.ความคืบหน้าการเจรจาการค้าสหรัฐฯ-ไทยก่อนวันที่ 1ส.ค.68 นี้ 2.การรายงานงบ Q2/68 ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ และ 3.การประชุมศาลรธน.วันที่ 17 ก.ค. กรณีคลิปเสียง ฮุน เซน จะมีการขยายเวลาชี้แจงหรือไม่  

Daily Strategy

  • ประเมินดัชนี SET เคลื่อนไหวในกรอบแนวรับ 1,125-1,130 และแนวต้าน 1,145-1,155 จุด ลุ้นทยอยฟื้นตัวจาก Flow ที่ดูไหลเข้าเอเชียมากขึ้น รวมถึงตลาดไทยมี Valuation ที่ยังไม่สูง(เทียบกับตลาดไทยในอดีต) แนะนำ หุ้นกลุ่ม China play / Earning Play 2Q68 / High Season 3Q68/ คาดหวังการลดดอกเบี้ยและกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ เช่น SCC, PTTGC, IVL, ADVANC, BDMS, GULF, TIDLOR, SGC.
  • PRM* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 9.35 บาท) แนวโน้มผลประกอบการ 2Q68 คาดกำไรปกติดีขึ้น QoQ เนื่องจากเรือมีจำนวนวันทำงานมากขึ้นหลังผ่านการเข้า Dry Dock และทยอยรับเรือใหม่เข้ามาใน 1Q68 ประกอบกับ 2Q68 จะมีการรับเรือ FSU และ Crew Boat ใหม่เข้ามาอย่างละ 1 ลำ ส่วนแนวโน้ม 2H68 น่าจะกลับมาโต YoY ได้ตามกำลังการให้บริการที่เพิ่มขึ้นและเรือใหญ่มีตารางเข้า Dry Dock น้อยลง โดยแผนการลงทุนในอนาคตจะมีการทยอยรับเรือ PCT 6 ลำในปีหน้าเพื่อทดแทนเรือเก่า และสนใจลงทุนในเรือ Anchor Handling Tug ที่สนับสนุนกิจกรรมการสำรวจปิโตรเลียมซึ่งมีค่าบริการที่สูง ทั้งนี้ปี 68-69 ตลาดคาดการณ์กำไรที่ 4 พันล้านบาท (+14%YoY) และ 2.5 พันล้านบาท (+4%YoY)

NSL* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 40.54 บาท) กำไรสุทธิ 1Q68 +YoY +QoQ มีปัจจัยบวกตามฤดูกาล และ สินค้ายังเป็นที่นิยม มีการออกของใหม่รวมถึงเป็นพันธมิตรกับร้านเนื้อแท้ ส่วนการดำเนินงานในช่วง 2Q68 แม้เป็น Low Season กดดัน QoQ แต่คาดว่า YoY ยังมีแรงหนุนจากการรับรู้รายได้จาก NB และ PNF (ธุรกิจสินค้าจากมะพร้าว/ข้าวโพดอ่อน) โดยทาง NSL* วางเป้ารายได้ปี68 ที่ราว 6.7-6.8 พันลบ. +16%YoY/ออกสินค้าใหม่ในช่วง 2H68 เดือนละ 5-6 รายการ ทั้งนี้ ตลาดคาดว่าปี67 และ68 กำไรสุทธิของ NSL* จะอยู่ที่ระดับ 649 ลบ. (+20%YoY) และ 720 ลบ.(+11%YoY)

Market Wrap-Up

  • SET วันที่ 14 ก.ค.68 ปิด +22.18 จุด อยู่ที่ 1,143.31 จุด มูลค่าการซื้อขาย 33,684 ลบ. ต่างชาติซื้อ 1,374 ลบ. สถาบันซื้อ1,674 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 107 ลบ. และรายย่อยขาย 2,942 ลบ. NVDR มียอดซื้อสุทธิ 1,162 ลบ.โดยมียอดซื้อในหุ้น PTT,ADVANC,BBL,KTB,DELTA และยอดขายหุ้น AOT,CPN,MINT,SCB,SCC มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 1,489 ลบ.หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ OR,HMPRO,THANI โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Long ใน Index Futures จำนวน 13,997 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 118,626 สัญญา ต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตรไทย 822 ลบ.
  • ตลาดหุ้นสหรัฐ +0.20%, S&P500 +0.14%, Nasdaq +0.27% ประคองตัวระหว่างรอความคืบหน้าประเด็นภาษีศุลกากรสหรัฐฯกับประเทศคู่ค้า ส่วนตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 -0.06% นักลงทุนยังกังวลกับประเด็นสหรัฐฯขู่จะเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากEUในอัตราสูง แต่มีหุ้นกลุ่มการแพทย์และการเงินช่วยพยุง           
  • Market View
  • ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ปรับขึ้นเล็กน้อย ถูกกดดันจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขู่เรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจาก EU และ Mexico ในอัตรา 30% ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.หลังการเจรจาดำเนินไปอย่างล่าช้า ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจ เช่น US CPI เดือนมิ.ย.คาด +6%YoY เทียบกับเดือน พ.ค.+2.4%YoY ส่วน Core CPI เดือนมิ.ย.คาด +3.0%YoY เทียบกับเดือน พ.ค.+2.8%YoY นอกจากนี้นักลงทุนยังรอรายงานกำไร 2Q68 ขอ JPMorgan, Netflix และ Johnson & Johnson โดย LSEG คาดกำไร บจ.ใน S&P500 2Q68 +5.7%YoY ส่วนประเด็นภูมิรัฐศาสตร์ทรัมป์จะกลับมาสนับสนุนอาวุธให้ยูเครนผ่านนาโตและขู่ว่าจะใช้มาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่กับประเทศที่ซื้อน้ำมันจากรัสเซีย เว้นแต่ว่ารัสเซียจะยอมทำข้อตกลงสันติภาพภายในเวลา 50 วัน
  • ตลาดหุ้นยุโรปวานนี้ลดลงเล็กน้อย ดัชนี STOXX 600 ปิดลบ -06% โดยหุ้นกลุ่มยานยนต์ปรับลดลงจากความกังวลว่าทรัมป์ขู่จะเก็บภาษีในอัตราสูงจาก EU ในวันที่ 1 ส.ค. และ EU กำลังพิจารณามาตรการตอบโต้ ส่วนในสัปดาห์นี้จะเริ่มมีการรายงานกำไร บจ. เช่น ASML ในวันพุธ รวมถึงรอดูการรายงานตัวเลขเงินเฟ้อรายเดือนจากสหรัฐฯ, สหราชอาณาจักร และยูโรโซน ส่วนทางด้านตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ระดับสูงสุดใหม่จากความคาดหวัง BoE จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในเดือนส.ค. โดยจากข้อมูลของ LSEG คาดการณ์ความเป็นไปได้ 89% ว่า BoE จะลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ขณะที่ดัชนี FTSE 100 ปรับเพิ่มขึ้นจากหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์จากแผนการเรียกเก็บภาษีของทรัมป์
  • ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ ดัชนีเซี่ยงไฮ้ +27%, ฮั่งเส็ง +0.26% หลังจากที่สำนักงานศุลกากรจีนเปิดเผยว่า ยอดส่งออกของจีนปรับตัวขึ้น 5.8% ในเดือนมิ.ย. มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 5% Kospi เกาหลีใต้ +0.83% รับความหวังเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงการแจกเงิน เพื่อรับมือผลกระทบจากนโยบายภาษีนำเข้าของรัฐบาลสหรัฐฯ ขณะที่ดัชนีนิกเกอิ -0.28% จากความกังวลต่อมาตรการภาษีของสหรัฐฯ ที่ยังต้องรอความคืบหน้า
  • SET ปิด +1.98% ปริมาณการซื้อขาย 37 หมื่น ลบ. ต่างชาติซื้อ 1,374 ลบ. สถาบันซื้อ1,674 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 107 ลบ. และรายย่อยขาย 2,942 ลบ. ดัชนีมีแรงซื้อกลับโดยเฉพาะในกลุ่ม Big Cap. นำโดย DELTA, GULF, AOT, PTT, PTTEP ซึ่งทั้ง 5 ตัวดังกล่าวเป็นบวกต่อดัชนีราว 9.58 จุด ภาพรวม นักลงทุนคาดว่าการจรจาภาษีกับสหรัฐฯยังดูมีความหวัง ขณะที่ Bloomberg Consensus ประเมิน 12 mos forward PE ยังอยู่ในระดับต่ำที่ 12.30x ทั้งนี้ ปัจจัยในประเทศที่ยังต้องติดตาม ได้แก่ 1.ความคืบหน้าการเจรจาการค้าสหรัฐฯ-ไทยก่อนวันที่ 1ส.ค.68 นี้ 2.การรายงานงบ Q2/68 ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ และ 3.การประชุมศาลรธน.วันที่ 17 ก.ค. กรณีคลิปเสียง ฮุน เซน จะมีการขยายเวลาชี้แจงหรือไม่  

Daily Strategy

  • ประเมินดัชนี SET เคลื่อนไหวในกรอบแนวรับ 1,125-1,130 และแนวต้าน 1,145-1,155 จุด ลุ้นทยอยฟื้นตัวจาก Flow ที่ดูไหลเข้าเอเชียมากขึ้น รวมถึงตลาดไทยมี Valuation ที่ยังไม่สูง(เทียบกับตลาดไทยในอดีต) แนะนำ หุ้นกลุ่ม China play / Earning Play 2Q68 / High Season 3Q68/ คาดหวังการลดดอกเบี้ยและกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ เช่น SCC, PTTGC, IVL, ADVANC, BDMS, GULF, TIDLOR, SGC.
  • PRM* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 9.35 บาท) แนวโน้มผลประกอบการ 2Q68 คาดกำไรปกติดีขึ้น QoQ เนื่องจากเรือมีจำนวนวันทำงานมากขึ้นหลังผ่านการเข้า Dry Dock และทยอยรับเรือใหม่เข้ามาใน 1Q68 ประกอบกับ 2Q68 จะมีการรับเรือ FSU และ Crew Boat ใหม่เข้ามาอย่างละ 1 ลำ ส่วนแนวโน้ม 2H68 น่าจะกลับมาโต YoY ได้ตามกำลังการให้บริการที่เพิ่มขึ้นและเรือใหญ่มีตารางเข้า Dry Dock น้อยลง โดยแผนการลงทุนในอนาคตจะมีการทยอยรับเรือ PCT 6 ลำในปีหน้าเพื่อทดแทนเรือเก่า และสนใจลงทุนในเรือ Anchor Handling Tug ที่สนับสนุนกิจกรรมการสำรวจปิโตรเลียมซึ่งมีค่าบริการที่สูง ทั้งนี้ปี 68-69 ตลาดคาดการณ์กำไรที่ 4 พันล้านบาท (+14%YoY) และ 2.5 พันล้านบาท (+4%YoY)

NSL* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 40.54 บาท) กำไรสุทธิ 1Q68 +YoY +QoQ มีปัจจัยบวกตามฤดูกาล และ สินค้ายังเป็นที่นิยม มีการออกของใหม่รวมถึงเป็นพันธมิตรกับร้านเนื้อแท้ ส่วนการดำเนินงานในช่วง 2Q68 แม้เป็น Low Season กดดัน QoQ แต่คาดว่า YoY ยังมีแรงหนุนจากการรับรู้รายได้จาก NB และ PNF (ธุรกิจสินค้าจากมะพร้าว/ข้าวโพดอ่อน) โดยทาง NSL* วางเป้ารายได้ปี68 ที่ราว 6.7-6.8 พันลบ. +16%YoY/ออกสินค้าใหม่ในช่วง 2H68 เดือนละ 5-6 รายการ ทั้งนี้ ตลาดคาดว่าปี67 และ68 กำไรสุทธิของ NSL* จะอยู่ที่ระดับ 649 ลบ. (+20%YoY) และ 720 ลบ.(+11%YoY)

 

Theme Strategy

Theme หุ้นที่มีปัจจัยบวกตามกระแส Megatend, ทิศทางดอกเบี้ยเริ่มเข้าสู่ขาลง,  และ/หรือ สามารถรับจากความเสี่ยง Trade War ได้  

 

(1) กลุ่มการเงิน Leasing รับแนวโน้มทิศทางดอกเบี้ยในประเทศลดลง NCAP*, S11*, SINGER* ,SGC* ,THANI*

 

(2) กลุ่มสื่อสาร โรงไฟฟ้า หุ้น defensive ได้ประโยชน์จาก Bond yield ที่ปรับลดลง ธุรกิจหลักมีการเติบโตสอดคล้องเศรษฐกิจใหม่ ADVANC ,TRUE ,GULF*, GPSC*, BCPG

 

(3) กลุ่มเกษตรได้ประโยชน์จากราคาสุกรในประเทศที่อยู่ในระดับสูง ขณะที่การส่งออกไก่ไปต่างประเทศยังทำได้ดี CPF, BTG* ,TFG* ,FM* ,GFPT

 

(4) กลุ่ม China Play คาดความดึงเครียดทางการค้าผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว แม้ยังมีความผันผวนแต่หุ้นที่เกี่ยวข้องมี valuation ที่ปรับตัวลงมาต่ำมากแล้ว น่ากลับไปหาจังหวะเก็งกำไร SCC* ,SCGP* ,PTTGC

 

(5) กล่มสินค้า IT ได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนถ่ายเทคโนโลยี ADVICE* ,COM7* SYNEX*,SIS*

 

(6) สินค้าจำเป็นและการบริโภคในชีวิตประจำวันที sensitive น้อยต่อกำลังซื้อในประเทศชะลอตัว เช่น CPALL , MALEE*, BJC ,OKJ*, NSL*

 

**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย

 

Asset Allocation: Equity 50% Fixed Income 35% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%

 

Today Fundamental Research: -

 

 

Monthly Portfolio May 2025: MONO*, PR9*, IVL*,PTTGC*,GULF*

 

 

Analysts

Apichai Raomanachai  

Fundamental and Technical Investment Analysis ID No.  002939

Tel  02-829-6999  Ext  2200

Email : apichai.ra@kfsec.co.th

Meena Tunlayanitigun

Fundamental and Technical Investment Analysis ID No.  033662

Tel  02-829-6999

Email : meena.tu@kfsec.co.th

Nopporn Chaykaew     

Fundamental Analysis ID No.  043964

Tel  02-829-6999  Ext  2203

Email : noppoen.ch@kfsec.co.th

Nattawat Poosunthornsri  

Fundamental Analysis ID No.  087077

Tel  02-829-6999  Ext  2204

Email : nattawat.po@kfsec.co.th

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

สัมผัสต้าน By : แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ เช้าวันนี้ พบหุ้นแบงก์ ถูกแรงขาย หลัง ครม.ไม่มี วาระพิจารณาแต่งตั้ง ผู้ว่าแบงก์ชาต ฝั่งตลาด...

ซื้อหุ้น SET ก็ขึ้น By : เจ๊มดแดง

เจ๊มดแดง ไต่กิ่งมะม่วง มองการซื้อหุ้นไทย ของ สถาบันในประเทศและต่างประเทศ รอบนี้ ถือว่า เล่นเก็งกำไร วันนี้ ....

มัลติมีเดีย

CRD ครึ่งปีหลัง68 เร่งเครื่องสร้างผลงาน ชูBacklog กว่า700 ลบ. #งานmaiforum2025

CRD ครึ่งปีหลัง68 เร่งเครื่องสร้างผลงาน ชูBacklog กว่า700 ลบ. #งานmaiforum2025

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้