หุ้นไทยขึ้นแรงอันดับ 4 ของโลก QTD…ซื้ออะไร
TOP PICK BDMS / TIDLOR / ERW

EXTERNAL FACTOR

• ตลาดการเงินเริ่มไม่ตอบสนองกับประเด็น TARIFF แม้จะมีกระแสข่าว EU เตรียมออกมาตรการตอบโต้ภาษีสหรัฐฯ อีกทั้ง ปธน. ทรัมป์ขู่เก็บภาษีรัสเซีย100% พร้อมส่งอาวุธใหม่ให้ยูเครน แต่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ วานนี้ ดีดตัวขึ้นราว +0.1 ถึง +0.7%
• ขณะเดียวดันความคาดหวังเศรษฐกิจจีนฟื้นตัวเริ่มมีมากขึ้น หลังรัฐบาลจีนเร่งอัดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านนโยบายการเงินและการคลัง เพื่อรองรับผลกระทบTARIFF สะท้อนจากธนาคารต่าง ๆ ของจีนปล่อยสินเชื่อใหม่เป็นมูลค่า 2.24 ล้านล้านหยวน ในเดือนมิ.ย. ซึ่งมากกว่าเมื่อเดือนพ.ค. ถึง 3 เท่าตัว นอกจากนี้ ยอดส่งออกของจีนในเดือน มิ.ย. 68 เพิ่มขึ้น +5.8%YOY สูงกว่าคาด

INTERNAL FACTOR
• เลขาธิการนายกฯ ขอเวลารวบรวมหลักฐานชี้แจง หากไม่ทันจ่อขอขยายเวลาอีก 15วัน ซึ่ง ASPS คาดหวังว่า การพิจารณา ร่าง พ.ร.บ. งบประมาณปี 2569 ซึ่งจะเข้าสู่การลงมติในวาระที่ 2 และ 3 น่าจะผ่านไปได้ เพื่อเป็นแรงช่วยพยุงภาวะเศรษฐกิจไทย
• ปัจจัยการเมืองในประเทศ และ TRADE TARIFF ที่ผ่อนคลายลงและมีโอกาสเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ บวกกับผู้ว่า ธปท.คนใหม่ ทั้ง 2 ท่านก็มีความคิดที่จะใช้นโยบาย
ทางการเงินในการพยุงเศรษฐกิจ จึงมองว่าเป็นจังหวะที่ดีในการทยอยสะสม SET

INVESTMENT STRATEGY
• ไตรมาสที่ 3 มาครึ่งเดือน หุ้นเอเชียกลับมาได้รับความสนใจและขึ้นโดดเด่น รวมถึงตลาดหุ้นไทย +4.9%QTD ขึ้นแรงสุดเป็นอันดับ 4 ของโลก เป็นรองตลาดหุ้นปากีสถาน 8.8% (ขึ้นแรงสุด), เวียดนาม 6.9%, ศรีลังกา5.4%
• ขณะเดียวกันยังมี FUND FLOW กลับมาหนุนหุ้นเอเชีย และหุ้นไทยเองต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิ 5 วัน มูลค่ารวม4.3 พันล้านเหรียญ น่าจะมี MOMENTUM ผลักดันหุ้นไทยให้ขยับขึ้นต่อได้ แนะนำหุ้นดัก FUND FLOW ที่มีแนวโน้มกำไรกลุ่มขึ้นเป็นขั้นบันไดช่วง 2Q –3Q อย่าง กลุ่ม ETRON : KCE, HANA, กลุ่ม HELTH : BH, BCH
• กลุ่ม PROP: SPALI, SIRI กลุ่ม FIN: MTC, TIDLOR, SAWAD, KTC

TARIFF ถูกเมิน กับความคาดหวังเศรษฐกิจจีนฟื้นตัว
ตลาดการเงินเริ่มไม่ตอบสนองกับประเด็น TARIFF แม้จะมีกระแสข่าว EU เตรียมออกมาตรการตอบโต้ภาษีสหรัฐฯอีกทั้ง ปธน. ทรัมป์ขู่เก็บภาษีรัสเซีย100% พร้อมส่งอาวุธใหม่ให้ยูเครน แต่อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นสหรัฐฯ วานนี้ ดีดตัวขึ้นราว +0.1 ถึง +0.7%อย่างไรก็ดี ช่วงเวลาที่เหลืออีกราว 2 สัปดาห์ ก่อนที่ TARIFF รอบใหม่ เริ่มมีผลบังคับใช้วันที่ 1 ส.ค. 68 ยังต้องติดตามความคืบหน้าอย่างใกล้ชิดว่าประเทศต่างๆ จะมีการตอบโต้กลับสหรัฐฯ (-) หรือบรรลุดีลข้อตกลงได้เพิ่มเติม(+) หรือไม่ ?

ขณะเดียวดันความคาดหวังเศรษฐกิจจีนฟื้นตัวเริ่มมีมากขึ้น หลังรัฐบาลจีนเร่งอัดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านนโยบายการเงินและการคลัง เพื่อรองรับผลกระทบ TARIFF สะท้อนจากธนาคารต่าง ๆ ของจีนปล่อยสินเชื่อใหม่เป็นมูลค่า 2.24 ล้านล้านหยวน ในเดือนมิ.ย. ซึ่งมากกว่าเมื่อเดือนพ.ค. ถึง 3 เท่าตัว

นอกจากนี้ ยอดส่งออกของจีนในเดือน มิ.ย. 68 เพิ่มขึ้น +5.8%YOY ซึ่งสูงกว่าคาดที่ +5.0%YOY และเร่งตัวจากเดือนก่อนที่ +4.8%YOY หลังการส่งออกสินค้าจากจีนไปสหรัฐฯ หดตัวน้อยลง พร้อมกับเห็นสัญญาณการหาตลาดใหม่ส่องออกไปกลุ่มประเทศ ASEAN มากขึ้นเป็น 17%YOY (จีนส่งออกสินค้ามาไทยเดือน มิ.ย. 68 พุ่ง28%YOY)

สำหรับกลยุทธ์การลงทุนหุ้ลกลุ่มธีม CHINA PLAY คาดหวังเศรษฐกิจฟื้นตัว อาทิ
• กลุ่มท่องเที่ยว-โรงแรม และ LOGISTIC อาจได้รับ SENTIMENT เชิงบวกในช่วงที่จีนปิดเทอม : AOT, BA,AAV, SJWD, ERW, CENTEL
• กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์: HANA, KCE
• กลุ่มธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัย : AP, LH, SIRI
• กลุ่มวัสดุก่อสร้าง : SCC, SCGP
• กลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี: PTT, TOP, PTTGC, PTTEP, IVL
• กลุ่มยางพารา : NER, STA

ปัจจัยในประเทศดูเริ่มผ่อนคลาย หนุนเม็ดเงินเข้าสินทรัพย์เสี่ยง
การเมืองไทย 16 ก.ค.68 ครบกำหนดนายกฯยื่นคำชี้แจงต่อ ศาล รธน. โดยเลขาธิการนายกฯ ขอเวลารวบรวมหลักฐานชี้แจง หากไม่ทันจ่อขอขยายเวลาอีก 15 วัน ไปช่วงต้นส.ค.68 ซึ่งเป็นประเด็นต้องตามตามเนื่องจากเริ่มเข้าใกล้ช่วงเวลาพิจารณาร่างงบประมาณปี 69 พอดีอย่างไรก็ตามฝ่ายวิจัยฯคาดหวังว่า การพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2569 ซึ่งจะเข้าสู่การลงมติในวาระที่ 2 และ 3 น่าจะผ่านไปได้ เพื่อเป็นแรงช่วยพยุงภาวะเศรษฐกิจไทย ที่ค่อนข้างเปราะบางในภาวะปัจจุบันสอดคล้องกับอัตราภาษีนำเข้าสหรัฐฯที่ไทยมีโอกาสโดนเก็บที่ระดับ 36% จึงทำคลังพร้อมยื่นข้อเสนอสหรัฐฯเพิ่มเติม ก่อนที่จะถึงวันมีผลบังคับใช้ 1 ส.ค.68 โดย รมต.คลังแย้มข้อเสนอเพิ่มส่งสหรัฐฯเปิดตลาดสินค้า 0% เปิดเสรีสินค้า "ปลานิล ลำไย รถยนต์" ชี้ไม่กระทบตลาดในประเทศ และเตรียมสั่งแบงก์รัฐฯ ออก SOFT LOAN 2 แสนล้านบาท อุ้มผู้ได้รับผลกระทบจากประเด็น TRADE TARIFF ดังนั้นการประชุม ครม.วันนี้ที่เตรียมชงชื่อผู้ว่าธปท.คนใหม่ต้องจับตาว่าจะเสนอชื่อใคร ระหว่างคุณวิทัย รัตนากร หรือ ดร.รุ่ง โปษยานนท์ ซึ่งน่าจะเป็นตัวกำหนดทิศทางนโยบายการเงินในอนาคต อย่างไรก็ตามทั้งสองท่านมีแนวคิดคล้ายกัน คือ การส่งผ่านนโยบายลดดอกเบี้ยไปยังธนาคารพาณิชย์ทำได้ช้า และมีข้อจำกัดอยู่บ้าง ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายภาคส่วน และมีมาตรการอื่นควบคู่กันไปเพื่อแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง โดยมีผลงานโดดเด่นของทั้ง 2 ท่านไว้ในรูปด้านล่าง

ดังนั้น ปัจจัยการเมืองในประเทศ และ TRADE TARIFF ที่ผ่อนคลายลงและมีโอกาสเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ บวกกับผู้ว่า ธปท.คนใหม่ ทั้ง 2 ท่านก็มีความคิดที่จะใช้นโยบายทางการเงินในการพยุงเศรษฐกิจ จึงมองว่าเป็นจังหวะที่ดีในการทยอยสะสม SET INDEX

หุ้นไทยขึ้นแรงอันดับ 4 ของโลก QTD…ซื้ออะไรต่อดี?
ไตรมาสที่ 3 มาครึ่งเดือน หุ้นเอเชียกลับมาได้รับความสนใจและขึ้นโดดเด่น รวมถึงตลาดหุ้นไทย +4.9%QTD ขึ้นแรงสุดเป็นอันดับ 4 ของโลก เป็นรองตลาดหุ้นปากีสถาน 8.8%QTD (อันดับ 1), เวียดนาม 6.9% QTD, ศรีลังกา 5.4%QTD อีกทั้งยังเห็นตลาดหุ้นเพื่อนบ้านในเอเชียขึ้นดดีเช่นกัน

ขณะเดียวกันยังมี FUND FLOW กลับมาหนุนหุ้นเอเชีย และหุ้นไทยเองต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิ 5 วัน มูลค่ารวม 4.3พันล้านเหรียญ น่าจะมี MOMENTUM ผลักดันหุ้นไทยให้ขยับขึ้นต่อได้

แนะนำหุ้นดัก FUND FLOW ที่เข้ามาซื้อเยอะในช่วงที่ผ่านมา และมีแนวโน้มกำไรกลุ่มขึ้นเป็นขั้นบันไดช่วง 2Q – 3Qอย่าง
กลุ่ม GLOBAL PLAY :
▪ ETRON : KCE, HANA, DELTA
▪ TRANS : AOT, BEM, BA, AAV
▪ HELTH : BH, BCH

กลุ่มดอกเบี้ยขาลง ปันผลสูง :
▪ PROP : SPALI, SIRI
▪ FIN : MTC, TIDLOR, SAWAD, KTC

Research Division
จัดทำโดย
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์