---ซื้อขายบน P/B ต่ำกว่าอดีตมาก---
Key Point :

2Q68 การดำเนินงานปกติดีขึ้น q-q แต่อ่อนลง y-y ตามดัชนี BSI+17.3% q-q แต่ -29.5% y-y ในขณะที่ MML อ่อนตัวลง q-q, y-y จากเรือเข้าอู่ซ่อมและรับรู้รายได้ Backlog ลดลง 2H68 ปกติเดินเรือดีกว่า 1H68 แต่ปีนี้มีภาษีของทรัมป์ ที่ต้องติดตามดู และ MML คาดดีขึ้นหลังเรือเข้าอู่กลับมาทำงาน ยังคงคาดกำไรที่ 1,029 บาท ราคาพื้นฐาน 4.52 บาท บน P/B ที่ 0.29 เท่า มีส่วนลด 50% จากค่าเฉลี่ย 5 ปี ย้อนหลัง ปรับคำแนะนำขึ้นเป็น “ซื้อ”

 1Q68 TTA มีขาดทุนจากการดำเนินงานที่ 182 ล้านบาท แต่มีกำไรสุทธิ ที่ 852 ล้านบาท เพราะ 1Q68 มีกำไรขายสินทรัพย์ดิจิทัล 1,320 ล้านบาท กำไรอัตราแลกเปลี่ยน 10 ล้านบาท และด้อยค่าสินทรัพย์ดิจิทัล (Mark to Market) 296 ล้านบาท จากการลงทุนใหม่ ซึ่งถูกบันทึกอยู่ในค่าใช้จ่ายบริหาร

2Q68 การดำเนินงานปกติคาดจะฟื้นตัวขึ้น q-q แต่จะลดลง y-y หลักมาจากธุรกิจเดินเรือที่ดีขึ้น q-q จากดัชนี BSI ที่อ้างอิง +17.3q-q แต่ -29.5% y-y ที่ 962 จุด และอุตสาหกรรมมีค่าระวางเรือเฉลี่ยที่ 10,126 ดอลลาร์/วัน/ลำ จาก 8,321 ดอลลาร์ใน 1Q68 โดยปกติ TTA จะทำค่าระวางเรือได้ดีกว่าอุตสาหกรรม (ปี 2567 +6.4% และ 1Q68 +27% จากอุตสาหกรรม) และยังสูงกว่าต้นทุนการเดินเรือใน 1Q68 ที่ 8,370 ดอลลาร์/วัน/ลำ คาดธุรกิจเดินเรือกำไรดีขึ้นจาก 1Q68 ที่ 174 ล้านบาท แต่ต่ำกว่า 2Q67 ที่ 533 ล้านบาท ส่วน MML คาด 2Q68 ขาดทุนเพิ่มขึ้นจาก 1Q68 ที่ TTA รับรู้ขาดทุนใน MML ที่ 153 ล้านบาท จากเรือที่เข้าอู่ซ่อมนอกแผน ทำงานได้ไม่เต็มที่และยังมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ประกอบรับรู้รายได้ จาก Backlog ที่ 109 ล้านดอลลาร์ ต่ำกว่า 1Q68 ที่ 117.2 ล้านดอลลาร์ และ 2Q67 ที่ 158 ล้านดอลลาร์ และ PMTA คาดดีต่อเนื่อง จากเป็นช่วงฤดูเพาะปลูกและเวียดนามมีแผนเก็บ VAT ในเดือน ก.ค. ราคาปุ๋ยจะสูงขึ้น ทำให้ผู้ค้าและเกษตรกรสต๊อกปุ๋ยก่อนเก็บภาษี แต่กำไรที่ TTA รับรู้จาก PMTA ไม่ได้สูงอย่างเดินเรือและ MML จึงไม่กระทบภาพรวมนัก ส่วนกำไรสุทธิ 2Q68 คาดจะอ่อนตัวลง q-q และ y-y โดย q-q คาดกำไรขายสินทรัพย์ดิจิทัลจะลดลงหรือไม่มี เงินบาทแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์คาดจะมีขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน แม้จะมีการกลับด้อยค่าสินทรัพย์ดิจิทัลที่ปรับตัวขึ้น และลดลง y-y จากการดำเนินงานที่อ่อนตัวลงของเดินเรือและ MML รวมถึงขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน

  ภาษีตอบโต้ ของทรัมป์ ที่จะใช้ 1 ส.ค. ส่งผลกระทบโดยรวมต่อเศรษฐกิจทั่วโลก และทำให้ IMF มีการปรับคาดการณ์เศรษฐกิจโลกและประเทศต่าง ๆ ลง รวมถึงสหรัฐฯเอง ซึ่งเดินเรืออิงกับเศรษฐกิจโลกเป็นหลัก ครึ่งปีหลัง (2H68) ท้าทายมากกับธุรกิจ อีกทั้งส่วนหนึ่งมีการสต๊อกสินค้าและวัตถุดิบไปใน ช่วงครึ่งปีแรก (1H68) เพื่อหลีกเลี่ยงมาตรการภาษีดังกล่าว ประกอบกับรายงานของ Clarksons Research, เม.ย. 68) การขนส่งที่ไม่ใช้สินค้าหลัก (Minor Bulk) จะเติบโต 0.4% ในรูปของตัน-ไมล์ ส่วนกองเรือ Supramax ที่เป็นขนาดเรือ TTA โต 3.9% มีส่วนต่าง 3.5% เทียบปี 2567 มีส่วนต่าง 1% แนวโน้มค่าระวางอ่อนตัวลงจากปีก่อน ซึ่ง 1H68 ค่าระวางเรือ Supramax ในอุตสาหกรรม -34.8% ประกอบกับใน 2H68 MML จะรับรู้รายได้จาก Backlog ที่ 252 ล้านดอลลาร์ จากปีก่อนที่มีรายได้ 267 ล้านดอลลาร์ แต่ต้นทุนที่สูงขึ้นจากโครงการงานรื้อถอน ขนส่งและติดตั้งอาจยังกระทบกับอัตรากำไรขั้นต้นของ MML แต่มองว่าอัตรากำขั้นต้นจะดีขึ้นจาก 1H68 เพราะคาดไม่มีเรือเข้าอู่ซ่อมนอกแผนเหมือน 1H68 ที่ทำให้ อัตรากำไรขั้นอยู่ที่เพียง 4.9% ส่วนการขายสินทรัพย์ดิจิทัลคาดว่าจะไม่มีการขายก้อนใหญ่เหมือน 1Q68 แต่ยังมีซื้อขายทำกำไรอยู่ ผู้บริหารเคยให้ความเห็นการลงทุนใน บิตคอยน์จะเป็นการลงทุนระยะยาวอาจถือถึง Having ในปี 2571 เพราะต้นทุนส่วนใหญ่ ต่ำราว 25,000-30,000 ดอลลาร์ เทียบปัจจุบันอยู่ระหว่าง 105,000-110,000 ดอลลาร์ ซึ่ง Having รอบก่อน (20 เม.ย. 67) ปิดสิ้นเดือน เม.ย. 67 บิตคอยน์อยู่ที่ 60,800 ดอลลาร์

  เบื้องต้นทางฝ่ายยังคงคาดการณ์รายได้ ปีนี้ที่ 31,063 ล้านบาท และกำไรที่ 1,029 ล้านบาทไว้ เพราะหากดูตามฤดูกาลเดินเรือ 2H68 จะดีกว่าขึ้นจาก 1H68 ตามฤดูกาล แต่ปีนี้พิเศษมีเรื่องภาษีตอบโต้ของทรัมป์เข้ามา และ MML รับรู้รายได้จาก Backlog เพิ่มขึ้นจาก 1H68 รวมถึงคาดอัตรากำไรขั้นต้นจะดีขึ้น เพราะไม่มีเรือเข้าอู่ซ่อม แต่ความเสี่ยงจากเศรษฐกิจโลกที่เพิ่มขึ้น ปรับลดการอิง P/B เฉลี่ย 5 ปีย้อน (2563-2567) -1.25 SD เป็น -1.50 SD จาก 0.34 เท่า เป็น 0.29 เท่าของมูลค่าบัญชี ซึ่ง Discount จากค่าเฉลี่ยลงมา 50% ราคาพื้นฐานอยู่ที่ 4.52 บาท ปัจจุบัน TTA ซื้อขาย P/B ราว 0.25 เท่า ตอบรับผลประกอบการและความเสี่ยงเศรษฐกิจไปมากแล้ว ปรับคำแนะนำขึ้นจาก “ถือ” มาเป็น "ซื้อ"

สยาม ติยานนท์
นักวิเคราะห์การลงทุนด้านหลักทรัพย์ #17970
โทร: 66 2 635 1700 # 483