Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

ฟิทช์คงอันดับเครดิต เอสซีจี เคมิคอลส์ ที่ ‘A-(tha)’ แนวโน้มเครดิตเป็นลบ; และเพิกถอนอันดับเครดิต

137

 

 

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(4 กรกฎาคม 2568)--------บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว (National Long-term Rating) และอันดับเครดิตภายในประเทศของหุ้นกู้ไม่มีประกันและไม่ด้อยสิทธิ ของโครงการหุ้นกู้ระยะกลาง (Medium-Term Note Program) มูลค่ารวมหนึ่งแสนล้านบาทของบริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCGC ที่ ‘A-(tha)’   แนวโน้มอันดับเครดิตเป็นลบ ในขณะเดียวกัน ฟิทช์ได้ประกาศยกเลิกอันดับเครดิตของ SCGC

 

อันดับเครดิตของ SCGC อยู่ในระดับต่ำกว่าอันดับเครดิตของบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC อยู่หนึ่งอันดับ ซึ่งสะท้อนถึงแรงจูงใจในการให้การสนับสนุนจากบริษัทแม่ทางด้านความสัมพันธ์เชิงกฎหมาย (Legal Incentive) ในระดับต่ำ ความสัมพันธ์เชิงกลยุทธ์ (Strategic Incentive) ในระดับสูง และความสัมพันธ์เชิงการดำเนินงาน (Operational Incentive) ในระดับปานกลาง แนวโน้มอันดับเครดิตเป็นลบของ SCGC สะท้อนถึงความเสี่ยงที่มีต่อความสามารถในการลดอัตราส่วนหนี้สินของ SCC ในช่วง 12-18 เดือนข้างหน้า

 

นอกจากนี้ฟิทช์ปรับลดสถานะเครดิตโดยลำพัง (Standalone Credit Profile) ของ SCGC เป็น ‘bbb-(tha)’ จากระดับ ‘bbb(tha)’ ซึ่งสะท้อนถึงอัตราส่วนหนี้สินที่สูงของบริษัทฯในช่วงปี 2568-2570 เนื่องจากการฟื้นตัวของกระแสเงินสดที่ช้า สถานะเครดิตโดยลำพังของบริษัทฯ ยังสะท้อนถึงสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งในฐานะหนึ่งในผู้นำในธุรกิจปิโตรเคมีในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งมีฐานลูกค้าอยู่ในหลากหลายกลุ่มอุตสาหกรรม

 

ฟิทช์ได้ประกาศยกเลิกอันดับเครดิตของ SCGC ตามแผนพัฒนาธุรกิจของฟิทช์

 

ปัจจัยที่มีผลต่ออันดับเครดิต

 

อัตราส่วนหนี้สินที่สูงกดดันสถานะเครดิตโดยลำพัง – ฟิทช์คาดว่าอัตราส่วน EBITDA net leverage ของ SCGC จะยังคงอยู่ในระดับสูงมากระหว่างปี 2568-2569 เนื่องจากส่วนต่างระหว่างราคาผลิตภัณฑ์กับวัตถุดิบของผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีที่ยังคงอ่อนแอ  ฟิทช์คาดว่าอัตราส่วนหนี้สินดังกล่าวจะลดลงไปที่ประมาณ 8.5 เท่า ในปี 2570 ตามส่วนต่างระหว่างราคาผลิตภัณฑ์กับวัตถุดิบของผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีที่ค่อยๆ ฟื้นตัว

 

แผนกลยุทธ์ทางเลือกในการลดหนี้สินของ SCGC รวมถึงการขายสินทรัพย์ อาจเพิ่มความยืดหยุ่นในการลดหนี้สินได้เร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยเมื่อไม่นานมานี้ SCC ได้ประกาศความตั้งใจที่จะลดสัดส่วนการถือหุ้นของ SCGC ในบริษัท PT Chandra Asri Pacific Tbk ซึ่งอาจเพิ่มความยืดหยุ่นในการลดหนี้สินได้เร็วกว่าที่ฟิทช์คาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ตามการขายสินทรัพย์ดังกล่าวนี้ยังไม่ได้ถูกนำมารวมในประมาณการณ์ของฟิทช์เนื่องจากความไม่แน่นอนและความเสี่ยงในการดำเนินการ

 

โครงการปิโตรเคมีหยุดการผลิตชั่วคราว: ฟิทช์คาดว่าโครงการ Long Son Petrochemicals (LSP) จะยังคงหยุดดำเนินการในปี 2568 เกือบทั้งปี  เนื่องจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์กับวัตถุดิบของผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีจะยังคงอ่อนแอ ฟิทช์คาดว่า LSP จะเริ่มกลับมาดำเนินการในปี 2569 เมื่อส่วนต่างราคาดังกล่าวฟื้นตัวอยู่ในระดับที่เหมาะสม ในช่วงเวลานี้ SCGC จะให้ความสำคัญกับโครงการเพิ่มวัตถุดิบก๊าซอีเทนที่โรงงาน LSP ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันด้านต้นทุนและความยืดหยุ่นในการใช้วัตถุดิบในการผลิตได้ในระยะยาว SCGC ได้ประกาศแผนการลงทุนดังกล่าวนี้ ซึ่งรวมถึงการสร้างระบบการจัดการและถังเก็บรักษาวัตถุดิบก๊าซอีเทน ด้วยงบลงทุนรวมประมาณ 1.8 หมื่นล้านบาทในระหว่างปี 2568-2570

 

แรงจูงใจในการสนับสนุนเชิงกลยุทธ์ในระดับสูง – แรงจูงใจในการให้การสนับสนุนในระดับสูงสะท้อนถึงสัดส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อม และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ของ SCGC ต่อ EBITDA รวมของ SCC ที่อยู่ในระดับที่สูงในช่วงกลางของวัฎจักรปิโตรเคมี ซึ่งเป็นสัดส่วนที่มากที่สุดในกลุ่มธุรกิจหลักของ SCC โดยกลุ่มธุรกิจอื่นของ SCC ได้แก่ ธุรกิจเอสซีจีซีเมนต์แอนด์กรีนโซลูชันส์  และธุรกิจแพคเกจจิ้ง

 

นอกจากนี้ SCGC ยังเป็นสัดส่วนที่สูงที่สุดในการลงทุนสินทรัพย์ถาวรรวมของกลุ่ม และสัดส่วนดังกล่าวได้เพิ่มขึ้นอย่างมากจากการลงทุนในโครงการ LSP แรงจูงใจในการให้การสนับสนุนระดับสูงยังสะท้อนถึงการให้การสนับสนุนจาก SCC ผ่านการให้เงินให้กู้ยืมระหว่างกันแก่ SCGC ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 40 ของหนี้สินทั้งหมดของ SCGC

 

แรงจูงใจในการสนับสนุนเชิงการดำเนินงานในระดับปานกลาง – ฟิทช์พิจารณาว่าแรงจูงใจในการให้การสนับสนุนจากโครงสร้างการบริหารและการใช้แบรนด์สินค้าร่วมกัน (Management and Brand Overlap) จาก SCC ต่อ SCGC อยู่ในระดับสูง โดย SCC มีบทบาทในการกำหนดและประสานการบริหารในบริษัทย่อยหลักๆ รวมถึง SCGC ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกับกลุ่ม และมีการใช้แบรนด์ของกลุ่มร่วมกันในนาม “SCG”  ในทุกกลุ่มธุรกิจหลัก อย่างไรก็ตาม ฟิทช์พิจารณาว่าความสัมพันธ์ด้านการดำเนินงานร่วมกัน (Operational Synergies) ระหว่าง SCC และ SCGC อยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากธุรกิจหลักในกลุ่มของ SCC เป็นธุรกิจที่แตกต่างกัน ส่งผลให้ประโยชน์ในด้านการลดต้นทุนการดำเนินงานที่บริษัทแม่ได้รับจาก SCGC มีไม่มากนัก ซึ่งเป็นปัจจัยลดทอนความสัมพันธ์ด้านการดำเนินงานโดยรวมให้อยู่ที่ระดับปานกลางตามเกณฑ์การพิจารณาของฟิชท์

 

แรงจูงใจในการสนับสนุนในเชิงกฎหมายในระดับต่ำ – ฟิทช์ประเมินแรงจูงใจของ SCC ในการให้การสนับสนุนทางด้านความสัมพันธ์เชิงกฎหมายแก่ SCGC  เป็นระดับต่ำ เนื่องจากไม่มีการค้ำประกัน หรือเงื่อนไขการผิดนัดไขว้ (Cross Default) ของหนี้ของทั้งสองบริษัท ตามหลักเกณฑ์การจัดอันดับเครดิตของฟิทช์ในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทแม่กับบริษัทลูก

 

สถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่ง – สถานะเครดิตโดยลำพังของ SCGC ได้รับการสนับสนุนจากสถานะความเป็นผู้นำตลาดทั้งในประเทศไทยและในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดย SCGC มีกำลังการผลิตใหญ่เป็นอันดับสองในกลุ่มสินค้าพอลิโอเลฟินส์และใหญ่ที่สุดในกลุ่มสินค้าพีวีซี (คำนวณตามสัดส่วนการถือหุ้น) ในประเทศไทยและกลุ่มประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  ฟิทช์คาดว่าสถานะทางการตลาดของ SCGC จะแข็งแกร่งขึ้นในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า จากโครงการ LSP ซึ่งเป็นโครงการปิโตรเคมีครบวงจรแห่งแรกและมีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศเวียดนาม ซึ่งจะเพิ่มกำลังการผลิตพอลิโอเลฟินส์ให้กับบริษัทฯ ซึ่งจะส่งผลให้ SCGC มีสถานะเป็นผู้ผลิตพอลิโอเลฟินส์รายใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

การกำหนดอันดับเครดิตโดยสรุป

สถานะเครดิตโดยลำพังของ SCGC ต่ำกว่าสถานะเครดิตโดยลำพังของบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) (TOP, อันดับเครดิต ‘A+(tha)’ แนวโน้มเครดิตเป็นลบ, สถานะเครดิตโดยลำพัง ‘a-(tha)’) ซึ่งเป็นผู้ดำเนินธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันที่มีขนาดใหญ่ที่สุดและมีกระบวนการกลั่นน้ำมันที่มีความคอมเพล็กซ์มากที่สุดในประเทศไทย อยู่สามอันดับ ซึ่งสะท้อนถึงอัตราส่วนหนี้สินที่สูงกว่ามากของ SCGC และสถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งกว่าของTOP โดยทั้งสองบริษัทมีสถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งในอุตสาหกรรมที่แต่ละบริษัทดำเนินงาน และเผชิญกับอุตสาหกรรมที่มีความผันผวนของการกลั่นและเคมีภัณฑ์ แต่ TOP มีการกระจายผลิตภัณฑ์และธุรกิจที่หลากหลายมากขึ้นในด้านการกลั่นและพลังงานหมุนเวียน อย่างไรก็ตาม TOP มีความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับความล่าช้าในการพัฒนาโครงการขยายโรงกลั่น ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดความล่าช้าในกระแสเงินสดจากโครงการและค่าใช้จ่ายเพื่อการลงทุนที่เพิ่มขึ้นที่จำเป็นในการดำเนินการเพื่อให้เสร็จสมบูรณ์ ความเสี่ยงดังกล่าวนี้ได้ถูกสะท้อนใน แนวโน้มเครดิตเป็นลบของบริษัทฯ

 

สถานะเครดิตโดยลำพังของ SCGC เท่ากันกับสถานะเครดิตโดยลำพังของบริษัท เอ็ชเอ็มซี โปลีเมอส์ จำกัด (HMC,  อันดับเครดิต ‘BBB(tha)’ แนวโน้มเครดิตเป็นลบ; สถานะทางเครดิตโดยลำพัง ‘bbb-(tha)’) ซึ่งเป็นผู้ผลิตพอลิโพรพิลีนรายใหญ่ที่สุดในประเทศ SCGC มีขนาดของธุรกิจที่ใหญ่กว่า มีการผลิตผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายกว่า และดำเนินธุรกิจในภูมิภาคที่หลากหลายกว่า HMC อย่างไรก็ตามอัตราส่วนหนี้สินที่ต่ำกว่าของ HMC ช่วยชดเชยสถานะทางธุรกิจที่อ่อนแอกว่า และส่งผลให้สถานะเครดิตโดยลำพังของ HMC เท่ากันกับ SCGC ทั้งนี้ HMC มีความเสี่ยงจากการเพิ่มขึ้นของอัตราส่วนหนี้สินในช่วง 2-3 ปีข้างหน้าซึ่งสะท้อนในแนวโน้มเครดิตเป็นลบ

 

สมมติฐานที่สำคัญ

สมมติฐานที่สำคัญของฟิทช์ที่ใช้ในการประมาณการ

-              กำไรของธุรกิจปิโตรเคมียังคงอยู่ในระดับต่ำจนถึงปี 2569 เป็นอย่างน้อย เนื่องจากกำลังการผลิตใหม่และการเติบโตของอุปสงค์ที่ช้า จะยังคงกดดันส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีกับวัตถุดิบ           

-              รายได้ลดลงประมาณร้อยละ 5 ในปี 2568 และจะเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 16-21 ต่อปีในปี 2569-2570 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลจากการกลับมาเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ของโครงการ LSP

-              อัตราส่วน EBITDA ต่อรายได้ (EBITDA Margin) จะเพิ่มขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปจากร้อยละ 1 ในปี 2568 สู่ระดับระดับร้อยละ 5-8 ในปี 2569-2570

-              ค่าใช้จ่ายเพื่อการลงทุน ประมาณ 3.6 หมื่นล้านบาท ในช่วงปี 2568-2570 ซึ่งรวมการลงทุนในโครงการเพิ่มวัตถุดิบก๊าซอีเทนที่โรงงาน LSP

 

ปัจจัยที่อาจมีผลกับอันดับเครดิตในอนาคต

ไม่มี เนื่องจากฟิทช์ประกาศยกเลิกอันดับเครดิต

 

 

 

สภาพคล่อง

SCGC มีหนี้สินที่จะครบกำหนดชำระในอีก 12  เดือนข้างหน้าจนถึงสิ้นเดือนมีนาคม 2569 จำนวน 8 หมื่นล้านบาท โดยร้อยละ 41 เป็นเงินกู้ยืมจาก SCC ฟิทช์คาดว่าเงินกู้ยืมระยะสั้นของ SCGC จำนวน 3.3 หมื่นล้านบาท จะสามารถเบิกเงินกู้ใหม่หมุนเวียนทดแทนเงินกู้เดิมได้ในการดำเนินธุรกิจตามปกติ อย่างไรก็ตามเงินสดและเงินลงทุนที่มีสภาพคล่องเทียบเท่าเงินสด (ตามการปรับปรุงตัวเลขของฟิทช์) จำนวนประมาณ 6 พันล้านบาท ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2568 ไม่เพียงพอสำหรับการชำระคืนเงินกู้ระยะยาวและหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดชำระในอีก 12 เดือนข้างหน้า จำนวน 1.3 หมื่นล้านบาท

 

ฟิทช์คาดว่า SCC จะยังคงให้เงินกู้ยืมระหว่างกันเพิ่มเติม ซึ่งจะช่วยให้ SCGC มีสภาพคล่องที่เพียงพอ นอกจากนี้สภาพคล่องของบริษัทฯ ยังได้รับการสนับสนุนจาก วงเงินหมุนเวียนจากสถาบันการเงินที่สามารถเบิกถอนได้และยังไม่ได้เบิกใช้ เนื่องจากบริษัทฯมีความสามารถที่แข็งแกร่งในการเข้าถึงแหล่งเงินกู้ผ่านตลาดทุนและสถาบันการเงิน ในฐานะหนึ่งในกลุ่มบริษัทอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ

 

เกี่ยวกับบริษัท

SCGC เป็นบริษัทย่อยที่ถือหุ้นทั้งหมดโดย SCC และเป็นบริษัทหลักของกลุ่ม SCC ในการดำเนินธุรกิจเคมิคอลส์ ซึ่งกลุ่ม SCC เป็นหนึ่งในกลุ่มบริษัทที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย     SCGC เป็นผู้ผลิตปิโตรเคมีขั้นปลายที่ใหญ่ป็นอันดับสองในประเทศไทยและอาเซียน สำหรับกลุ่มสินค้าหลักของบริษัทฯ ได้แก่ พอลิโอเลฟินส์และพีวีซี 

 

อันดับเครดิตที่เกี่ยวโยงกับอันดับเครดิตอื่น

อันดับเครดิตของ SCGC เกี่ยวโยงกับอันดับเครดิตของ SCC

 

ติดต่อ

Primary Analyst

สิทธิพล สามัคคีนิชย์

Associate Director

+66 2108 0161

บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด

ชั้น 17, อาคารปาร์คเวนเชอร์, เลขที่ 57 ถนนวิทยุ, แขวงลุมพินี, เขตปทุมวัน

กรุงเทพฯ 10330

 

Secondary Analyst

โอบบุญ ถิรจิต

Senior Director

+662 108 0159

 

Committee Chairperson

Nitin Soni

Senior Director

+65 6796 7235

 

ข้อมูลเพิ่มเติมหาได้ที่ www.fitchratings.com

 

ในการจัดอันดับเครดิตฟิทช์ได้ใช้หลักเกณฑ์ตาม National Scale Rating Criteria ลงวันที่ 23 ธันวาคม 2563, Corporates Recovery Ratings and Instrument Ratings Criteria (including rating assumption sensitivity) ลงวันที่ 3 สิงหาคม 2567, Parent and Subsidiary Linkage Rating Criteria ลงวันที่ 28 มิถุนายน 2568, Corporate Rating Criteria (including rating assumption sensitivity) ลงวันที่ 28 มิถุนายน 2568 และ Sector Navigators – Addendum to the Corporate Rating Criteria ลงวันที่ 28 มิถุนายน 2568 หลักเกณฑ์การจัดอันดับเครดิตดังกล่าวหาได้ที่ www.fitchratings.com

 

การจัดอันดับเครดิตในรายงานนี้เกิดจากความต้องการของบริษัทที่ถูกจัดอันดับ ดังนั้น ฟิทช์ จึงได้รับค่าจ้างในการจัดอันดับเครดิตดังกล่าว

 

การใช้อันดับเครดิตที่จัดทำโดยฟิทช์เรทติ้งส์มีข้อจำกัดและขอบเขตการใช้ ซึ่งข้อจำกัดและขอบเขตของการใช้อันดับเครดิตดังกล่าวสามารถหาได้จาก HTTP://FITCHRATINGS.COM/UNDERSTANDINGCREDITRATINGS  นอกจากนี้รายละเอียดคำจำกัดความของอันดับเครดิตแต่ละประเภทของ ฟิทช์ เรทติ้งส์ รวมถึงคำจำกัดความเกี่ยวข้องกับการผิดนัดชำระหนี้ สามารถหาได้จาก HTTPS://WWW.FITCHRATINGS.COM/RATING-DEFINITIONS-DOCUMENT  ESMA และ FCA กำหนดให้ต้องมีการเปิดเผยอัตราการผิดนัดชำระหนี้ในอดีตไว้ในส่วนกลางเพื่อให้สอดคล้องกับข้อบังคับที่ 11(2) ตามหลักเกณฑ์ (EC) เลขที่ 1060/2009 ของรัฐสภายุโรปและสภาเมื่อวันที่ 16 กันยายน 2552 และเกณฑ์เรื่อง The Credit Rating Agencies (Amendment etc.) (EU Exit) 2019 ตามลำดับ

อันดับเครดิตที่ประกาศ หลักเกณฑ์และวิธีการจัดอันดับเครดิต ได้แสดงไว้ในเว็บไซต์ดังกล่าวตลอดเวลา หลักจรรยาบรรณ การรักษาข้อมูลภายใน ความขัดแย้งทางผลประโยชน์ที่อาจเกิดขึ้น แนวทางการเปิดเผยข้อมูลระหว่างบริษัทในเครือ กฎข้อบังคับรวมทั้งนโยบายและกระบวนการที่เกี่ยวข้องอื่นๆของฟิทช์ ได้แสดงไว้ในส่วน ‘หลักจรรยาบรรณ’ ในเว็บไซต์ดังกล่าวเช่นกัน ข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องกรรมการและผู้ถือหุ้นที่มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้องสามารถดูได้จาก HTTPS://WWW.FITCHRATINGS.COM/SITE/REGULATORY ฟิทช์อาจจะมีการให้บริการจัดอันดับอื่น ๆ หรือบริการเสริมจากบริษัทในเครือที่ได้รับอนุญาตให้แก่บริษัทที่ฟิทช์จัดอันดับเครดิตอยู่หรือบริษัทที่เกี่ยวข้องกับบริษัทที่ฟิทช์จัดอันดับเครดิตอยู่  ซึ่งรายละเอียดสำหรับการให้บริการจัดอันดับอื่น ๆ ดังกล่าวโดยนักวิเคราะห์หลัก (Lead Analyst) ที่อยู่ในหน่วยงานของฟิทช์ที่จดทะเบียนภายใต้ ESMA หรือ FCA หรือบริการของบริษัทในเครือ ได้แสดงไว้ที่หน้าแรกของบริษัทนั้น ๆ ในเว็ปไซต์ของฟิทช์ เรทติ้งส์ www.fitchratings.com

ในการจัดทำและติดตามอันดับเครดิตโดยฟิทช์ และการจัดทำรายงานอื่นๆ รวมถึงการทำประมาณการต่างๆ ฟิทช์อาศัยข้อมูลข้อเท็จจริงที่ได้รับจากบริษัทผู้ออกตราสารและบริษัทผู้จัดจำหน่าย และจากแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่ฟิทช์เชื่อว่ามีความน่าเชื่อถือ  ฟิทช์ดำเนินการตรวจสอบข้อมูลข้อเท็จจริงที่ใช้ตามสมควรตามหลักเกณฑ์ที่ฟิทช์ใช้ในการจัดอันดับเครดิต และได้รับการยืนยันความถูกต้องของข้อมูลเหล่านั้นตามสมควรจากแหล่งข้อมูลที่เป็นอิสระ ทั้งนี้ เท่าที่มีแหล่งข้อมูลดังกล่าวสำหรับตราสารนั้น ๆ หรือมีแหล่งข้อมูลดังกล่าวอยู่ภายในประเทศที่มีการออกตราสารนั้น  วิธีการที่ฟิทช์ใช้ในการตรวจสอบข้อมูลข้อเท็จจริงและขอบเขตในการยืนยันความถูกต้องของข้อมูลจากบุคคลที่สามที่ฟิทช์ได้รับจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับลักษณะของตราสารและบริษัทผู้ออกตราสาร, ข้อกำหนดและหลักปฏิบัติในประเทศที่มีการเสนอขายตราสารที่ได้รับการจัดอันดับเครดิต และ/หรือ ที่บริษัทผู้ออกตราสารตั้งอยู่, ลักษณะของข้อมูลที่เปิดเผยที่เกี่ยวข้องที่สามารถหาได้, การเข้าถึงผู้บริหารและที่ปรึกษาของบริษัทผู้ออกตราสาร, การยืนยันความถูกต้องของข้อมูลจากบุคคลที่สามที่มีอยู่ที่สามารถหาได้ (อาทิ รายงานการตรวจสอบบัญชี จดหมายกำหนดกระบวนการตรวจสอบ (agreed-upon procedures letters) รายงานการประเมินราคา รายงานการคำนวณความรับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัยของธุรกิจประกันวินาศภัย (actuarial reports) รายงานทางวิศวกรรม ความเห็นทางกฎหมาย และรายงานอื่นๆ ที่จัดทำโดยบุคคลที่สาม), ความมีอยู่ของแหล่งข้อมูลที่ใช้ในการตรวจสอบจากบุคคลที่สามซึ่งเป็นอิสระและมีความสามารถ ที่เกี่ยวข้องกับตราสารนั้นหรือที่มีอยู่ในประเทศของบริษัทผู้ออกตราสารนั้น, และปัจจัยอื่นๆ   ผู้ใช้อันดับเครดิตและรายงานการจัดอันดับเครดิตของฟิทช์ ควรเข้าใจว่าการตรวจสอบข้อมูลข้อเท็จจริงและการยืนยันความถูกต้องของข้อมูลจากบุคคลที่สามที่ฟิทช์ได้รับไม่สามารถรับประกันได้ว่าข้อมูลเหล่านั้นที่ฟิทช์ใช้ในการจัดอันดับเครดิตและจัดทำรายงานการจัดอันดับเครดิตจะเป็นข้อมูลที่ถูกต้องและสมบูรณ์  ท้ายที่สุดแล้วบริษัทผู้ออกตราสารและที่ปรึกษาของบริษัทจะต้องรับผิดชอบต่อความถูกต้องของข้อมูลในเอกสารแสดงรายการข้อมูลเกี่ยวกับการเสนอขายหลักทรัพย์ (Offering documents) และในรายงานอื่นๆ   ที่ให้แก่ฟิทช์และตลาด ในการจัดทำอันดับเครดิตและรายงานการจัดอันดับเครดิตโดยฟิทช์  ฟิทช์จะต้องอาศัยรายงานของผู้เชี่ยวชาญต่างๆ ซึ่งรวมถึง ผู้สอบบัญชีอิสระในการพิจารณางบการเงินของบริษัท และนักกฎหมายในการพิจารณาเรื่องที่เกี่ยวกับกฎหมายและภาษี   นอกจากนี้ การจัดอันดับเครดิตและการประมาณการทางการเงินรวมถึงข้อมูลอื่นๆ  มีลักษณะเป็นการคาดการณ์ล่วงหน้า ซึ่งอยู่บนพื้นฐานของสมมติฐานต่างๆ ที่ตั้งขึ้น และการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต ซึ่งโดยลักษณะแล้วไม่สามารถยืนยันได้ว่าจะเกิดขึ้นจริง  ดังนั้น แม้ว่าจะมีการยืนยันความถูกต้องของข้อเท็จจริงปัจจุบัน อันดับเครดิตและการประมาณการอาจได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์หรือเงื่อนไขในอนาคตที่ไม่ได้คาดไว้ล่วงหน้า ณ เวลาที่จัดทำหรือยืนยันอันดับเครดิตและประมาณการ  ฟิทช์ เรทติ้งส์ มีการปรับปรุงข้อมูลทางการเงินตามเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องและ/หรือตามมาตรฐานอุตสาหกรรมอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้อัตราส่วนทางการเงินมีความสอดคล้องกันกับบริษัทอื่นที่อยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกันหรือเป็นสินทรัพย์ประเภทเดียวกัน

ขอบเขตของการประมาณการณ์ทางเครดิตในกรณีดีที่สุดและแย่ที่สุด (best- and worst-case scenario) สำหรับทุกกลุ่มอันดับเครดิตจะอยู่ในช่วงตั้งแต่ 'AAA' ถึง 'D' นอกจากนี้ ฟิทช์ ยังมีการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการปรับเพิ่มอันดับเครดิต สำหรับกรณีดีที่สุดและการปรับลดอันดับเครดิตสำหรับกรณีแย่ที่สุด (ซึ่งกำหนดเป็นเปอร์เซ็นไทล์ (percentile) ที่ 99 ของการเปลี่ยนแปลงของอันดับเครดิตทั้งการปรับเพิ่มและปรับลด) สำหรับการจัดอันดับเครดิตสากล โดยอ้างอิงจากผลการดำเนินงานในอดีต ค่าเฉลี่ยของสินทรัพย์แต่ละประเภทแสดงถึงโอกาสในการปรับเพิ่มอันดับเครดิต 4 อันดับสำหรับกรณีดีที่สุด และการปรับลดอันดับเครดิตลง 8 อันดับสำหรับกรณีแย่ที่สุด ซึ่งเป็นเปอร์เซ็นไทล์ที่ 99 สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจัดอันดับเครดิตกรณีดีที่สุดและแย่ที่สุด สำหรับแต่ละอุตสาหกรรม โปรดดูจากเกณฑ์การจัดอันดับเครดิต เรื่อง Best- and Worst-Case Measures บนเว็บไซต์ของ Fitch

ข้อมูลในรายงานนี้ได้ถูกนำเสนอ “ตามที่เป็น” โดยไม่ได้เป็นการรับรองหรือการรับประกันใดๆ และฟิทช์ไม่รับรองหรือรับประกันว่ารายงานหรือเนื้อหาใดๆ ในรายงาน จะตรงตามข้อกำหนดใดๆ ของผู้รับรายงานนี้  การจัดอันดับเครดิตของฟิทช์เป็นความคิดเห็นในเรื่องความน่าเชื่อถือของตราสาร  ความคิดเห็นและรายงานการจัดอันดับเครดิตนี้ถูกจัดทำโดยฟิทช์ตามหลักเกณฑ์และวิธีการจัดอันดับเครดิตที่เป็นที่ยอมรับ ซึ่งฟิทช์จะคอยติดตามประเมินและปรับหลักเกณฑ์และวิธีการจัดอันดับเครดิตให้เป็นปัจจุบันอยู่เสมอ   ดังนั้น การจัดอันดับเครดิตและรายงานการจัดอันดับเครดิตเป็นผลงานของฟิทช์โดยรวม  และไม่มีบุคคลใดบุคคลหนึ่งหรือกลุ่มบุคคลใดกลุ่มบุคคลหนึ่งเป็นผู้รับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียวในการจัดอันดับเครดิตและรายงานการจัดอันดับเครดิตนั้นๆ  การจัดอันดับเครดิตไม่ได้พิจารณาความเสี่ยงในการขาดทุนอันเนื่องมาจากความเสี่ยงอื่นใด นอกเหนือจากความเสี่ยงทางด้านเครดิต เว้นแต่ว่าความเสี่ยงนั้นจะมีการระบุเอาไว้เป็นการเฉพาะ   ฟิทช์ไม่ได้มีส่วนร่วมในการเสนอขายหลักทรัพย์ใดๆ   รายงานการจัดอันดับเครดิตของฟิทช์ทั้งหมดเป็นการจัดทำขึ้นร่วมกัน  รายชื่อบุคคลที่ระบุไว้ในรายงานเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องในการทำรายงานแต่ไม่ได้เป็นผู้รับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียวต่อความคิดเห็นที่เสนอในรายงานนั้น   รายชื่อที่ระบุไว้ในรายงานมีเพื่อใช้สำหรับการติดต่อเท่านั้น   รายงานการจัดอันดับเครดิตของฟิทช์ไม่ได้เป็นหนังสือชี้ชวนในการเสนอขายหลักทรัพย์ หรือสิ่งที่ใช้แทนข้อมูลที่รวบรวม ยืนยันความถูกต้อง และนำเสนอต่อนักลงทุนโดยบริษัทผู้ออกตราสารและตัวแทนในการเสนอขายหลักทรัพย์   อันดับเครดิตอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงหรือยกเลิก ณ เวลาใดๆ และด้วยเหตุผลใดๆ ก็ได้ ซึ่งขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของฟิทช์แต่เพียงผู้เดียว   ฟิทช์มิได้ให้คำปรึกษาในการลงทุนใดๆ ทั้งสิ้น การจัดอันดับเครดิตไม่ได้เป็นการแนะนำให้นักลงทุน ซื้อ ขาย หรือถือตราสารใดๆ  การจัดอันดับเครดิตไม่ได้เป็นการชี้ถึงความพอเหมาะของราคาตลาดและความเหมาะสมของตราสารใดๆ ต่อนักลงทุนรายหนึ่งรายใดโดยเฉพาะ หรือลักษณะการยกเว้นภาษีหรือการเสียภาษีจากการชำระเงินที่เกี่ยวข้องกับตราสารใดๆ   ฟิทช์ได้รับค่าจ้างในการจัดอันดับเครดิตจากบริษัทผู้ออกตราสาร ผู้รับประกัน ผู้ค้ำประกัน ผู้มีภาระผูกพันอื่นๆ และผู้จัดจำหน่าย  โดยปกติค่าจ้างดังกล่าวจะแตกต่างกันไปโดยเริ่มจากหนึ่งพันเหรียญสหรัฐฯ ถึงเจ็ดแสนห้าหมื่นเหรียญสหรัฐฯ (หรือเทียบเท่าสำหรับสกุลเงินอื่น) ต่อครั้งของการออกตราสาร  ในบางกรณีฟิทช์จะได้รับค่าจ้างครั้งเดียวต่อปีจากการจัดอันดับเครดิตตราสารทั้งหมดหรือบางส่วนที่ออกโดยผู้ออกตราสารนั้นๆ หรือตราสารที่รับประกันหรือค้ำประกันโดยผู้รับประกันนั้นๆ หรือผู้ค้ำประกันนั้นๆ โดยค่าจ้างดังกล่าวคาดว่าจะแตกต่างกันไปโดยเริ่มจากหนึ่งหมื่นเหรียญสหรัฐฯ ถึงหนึ่งล้านห้าแสนเหรียญสหรัฐฯ (หรือเทียบเท่าสำหรับสกุลเงินอื่น)   การจัดทำ การประกาศสู่สาธารณะ หรือการเผยแพร่การจัดอันดับเครดิตของฟิทช์ไม่ได้เป็นการแสดงว่าฟิทช์ยินยอมให้ใช้ชื่อฟิทช์ในฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องกับแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ซึ่งได้ยื่นส่งภายใต้กฎหมายหลักทรัพย์ในประเทศสหรัฐอเมริกา (the United States securities laws), the Financial Services and Markets Act of 2000 ของสหราชอาณาจักร หรือภายใต้กฎหมายหลักทรัพย์ในประเทศใดๆ   เนื่องจากประสิทธิภาพในการประกาศสู่สาธารณะและการเผยแพร่ที่รวดเร็วกว่าในระบบอิเล็กทรอนิกส์ รายงานของฟิทช์อาจจะปรากฏแก่สมาชิกในระบบอิเล็กทรอนิกส์เร็วกว่าสมาชิกในระบบสิ่งพิมพ์ถึงสามวัน

สำหรับออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์, ไต้หวัน และเกาหลีใต้เท่านั้น: Fitch Australia Pty Ltd ได้รับใบอนุญาตให้บริการทางการเงิน (Australian Financial Services license no. 337123) ซึ่งอนุญาตให้บริษัทเสนอการจัดอันดับเครดิตให้แก่นักลงทุนรายใหญ่เท่านั้น  อันดับเครดิตที่ประกาศโดยฟิทช์มิได้มุ่งหมายให้นำไปใช้โดยบุคคลซึ่งเป็นนักลงทุนรายย่อยภายใต้คำจำกัดความตาม the Corporations Act 2001

บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ อิงค์ (Fitch Ratings, Inc.) เป็นบริษัทที่จดทะเบียนกับ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ประเทศสหรัฐอเมริกา ในฐานะองค์กรที่เป็น Nationally Recognized Statistical Rating Organization (NRSRO)  โดยที่บริษัทในเครือของบริษัทฟิทช์ เรทติ้งส์ อิงค์ จำนวนหนึ่งเป็นบริษัทจัดอันดับเครดิตที่อยู่ในรายชื่อในหัวข้อที่ 3 ในแบบฟอร์มของ NRSRO ซึ่งได้รับอนุญาตให้ออกอันดับเครดิตในฐานะที่เป็น NRSRO (ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.fitchratings.com/site/regulatory) ในขณะที่บริษัทในเครือของบริษัทฟิทช์ เรทติ้งส์ อิงค์ อีกจำนวนหนึ่งที่เหลือ ไม่อยู่ในรายชื่อในหัวข้อที่ 3 ในแบบฟอร์มของ NRSRO (ซึ่งรวมเรียกว่า non-NRSRO) ดังนั้นอันดับเครดิตที่ออกโดยบริษัทจัดอันดับเครดิตเหล่านี้ไม่ได้ออกในฐานะบริษัทที่เป็น NRSRO  อย่างไรก็ตาม บุคลากรของบริษัทที่เป็น non-NRSRO อาจจะมีส่วนร่วมในกระบวนการจัดทำอันดับเครดิตของบริษัทที่มีฐานะเป็น NRSRO

dv01 ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ Fitch Solutions และบริษัทร่วมของ Fitch Ratings อาจทำหน้าที่เป็นตัวแทนด้านข้อมูลสินเชื่อในบางกรณี สำหรับโครงการ Structured finance บางโครงการซึ่งได้รับการจัดอันดับเครดิตโดย Fitch Ratings

Copyright © 2025 by Fitch Ratings, Inc., Fitch Ratings Ltd. and its subsidiaries. 33 Whitehall Street, NY, NY 10004. Tel: 1-800-753-4824, (212) 908-0500. ห้ามมิให้นำรายงานข้างต้นไปจัดทำใหม่ หรือเผยแพร่ ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนเว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากทางฟิทช์ ฟิทช์ขอสงวนสิทธิทั้งหมดในรายงานนี้  

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้