---กำไรปี 25F แข็งแกร่ง หนุนโดยอุปสงค์ในประเทศ---
คาดกำไรหลัก 2Q25F เติบโตแข็งแกร่ง โดยประมาณการไว้ที่ 459 ล้านบาท เติบโต +82% y/y, +17% q/q หนุนโดย 1) ยอดขายที่แข็งแกร่ง 6.7 พันล้านบาท (+33% y/y, -2% q/q) จากปริมาณขายที่เพิ่มเป็น 0.29 ล้านตัน (จาก 0.23 ล้านตันใน 2Q24 และ 0.29 ล้านตันใน 1Q25), 2) GPM (ไม่รวม net realisable value : NRV) คาดว่าจะเพิ่มเป็น 11.5% ใน 2Q25F (เทียบกับ 9.1% ใน 2Q24, 10.3% ใน 1Q25) เนื่องจาก product mix โดยมีสัดส่วนยอดขายยางมะตอยในประเทศมากขึ้น (ซึ่งมาร์จิ้นขายในประเทศดีกว่า)
สเปรดระหว่างราคายางมะตอยกับน้ำมันดิบกว้างขึ้นใน 2Q25 ข้อมูลจาก TOP-Weekly Prices & Spreads แสดงถึงราคาบิทูเมนเฉลี่ยอ่อนลงเป็น 402.5 ดอลลาร์/ตันใน 2Q25 (เทียบกับ 406.4 และ 423.5 ดอลลาร์/ตันใน 2Q24 และ 1Q25) ขณะที่ราคาน้ำมันดิบลดลงสู่ 66.9 ดอลลาร์/บาร์เรลใน 2Q25 (เทียบกับ 85.9 และ 76.9 ดอลลาร์/บาร์เรลใน 2Q24 และ 1Q25)
รายได้ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างหดตัว -29% y/y และทรงตัว q/q ส่วน GPM คาดว่าจะอยู่ที่ 2.3% ใน 2Q25F (เทียบกับ 1.3% ใน 2Q24 และ 2.1% ใน 1Q25) โดยรายได้หลักมาจากการโครงการซ่อมถนน ทั้งนี้รายได้ธุรกิจนี้คิดเป็น 5% ของรายได้รวมใน 2Q25F ปัจจุบันมี backlog ประมาณ 3 พันล้านบาท รับรู้ได้ประมาณ 2 ปีข้างหน้า
แนวโน้มผลประกอบการ 3Q25F คาดว่าจะเติบโต q/q แต่ลดลง y/y เป็น 400-500 ล้านบาท ซึ่งการเพิ่ม q/q มาจาก 1) เป็น high season ยอดการขายยางมะตอยในต่างประเทศ, 2) งานที่ล่าช้าใน 2Q25F เข้ามาใน 3Q25F และ 3) ได้ประโยชน์จากงบกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.15 แสนล้านบาทของรัฐบาล (ซึ่ง 74% ของงบฯใช้ในโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งเรื่องการบริหารจัดการน้าและโครงการด้านคมนาคม ซึ่งเป็นบวกกับกลุ่มรับเหมาก่อสร้างและ TASCO) ส่วนการลด y/y เพราะฐานกำไร 3Q24 สูง เนื่องจากในช่วงนั้นเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ
บริษัทคาดว่าจะมีการกลับรายการสำรองเป็นรายได้ในปี 2025 ซึ่งปัจจุบันบริษัทคาดว่าสำรองฯกว่า 200 ล้านบาทมีโอกาสได้คืน เพราะส่วนใหญ่เกิดจากความล่าช้าในการชาระเงินจากผู้รับเหมาก่อสร้างในโครงการรัฐ ซึ่งเมื่อผู้รับเหมาได้รับเงินก็จะสามารถชำระหนี้คงค้างให้บริษัทได้
TASCO ใช้น้ำมันยางมะตอยที่กลั่นเองเพียง 20% ที่เหลือเป็นการซื้อมาขายไป ปัจจุบันนาเข้าน้ำมันดิบหนักจะอเมริกาใต้
คงคำแนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 16.70 บาท อิงกับ P/E ปีนี้ที่ 13.8 เท่า (Mean+0.5SD) โดยคาดการณ์กำไรสุทธิปี 25F-26F ขยายตัว +15% และ +13% ตามลำดับ หนุนโดยความต้องการใช้ยางมะตอยในประเทศเพิ่มขึ้น และGPM อยู่ในระดับดีที่ 12-12.5% รวมถึงมีการกลับรายการสำรองฯเป็นรายได้ 200 ล้านบาทในปี 25F คาด Dividend yield ปีนี้สูงที่ 8%
นักวิเคราะห์ : ศศิกานต์ อุดมเวศย์ : sasikarnudomvej@dbs.com : Tel. 02 857 7833