Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส : Daily Trading Focus

230



ภาวะตลาด : SET Index วานนี้ปรับขึ้นต่อ +11.52 จุด (+1.03%) ปิ ดที่ 1127.21 ซึ่งเป็นระดับเกือบสูงสุดของวัน มูลค่าซื้อขาย 3.5 หมี่นลบ. นำโดยกลุ่มอิเลคทรอนิกส์ นิคมฯ และส่งออก โดยหวังว่าผลเจรจาการค้าสหรัฐ-ไทยจะออกมาดี และไทยไม่เสียเปรียบเวียดนาม ซึ่งต้องติดตามกันต่อ ส่วนนักลงทุนสถาบันในปท.ซื้อสุทธิต่อ +1.03 พันลบ. ด้านนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิอีก -827 ลบ.


ปัจจัยต่างประเทศ
• สหรัฐ: จ้างงานนอกภาคเกษตรมิ.ย.เพิ่ม 1.47 แสนตาแหน่ง ดีกว่าตลาดคาด ที่ 1.1-1.2 แสนตาแหน่ง อัตราว่างงานลดลงเป็น 4.1% สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 4.3% ค่าจ้างรายชั่วโมงเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 3.7%YoY และ 0.2%MoM ในเดือนมิ.ย.25 ด้านส่งออกเดือนพ.ค.หดตัว -4%YoY ขาดดุลการค้าเพิ่มขึ้นเป็น 7.15 หมื่นล้านUS$ มากว่าตลาดคาด...ล่าสุดตลาดคาดเฟดคงดบ.ในเดือนก.ค. และปรับคาดการณ์ว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยเพียง 2 ครั้งในช่วงที่เหลือของปีนี้
• สหรัฐ: กม.ภาษีและการคลังผ่านสภาฯในที่สุด สภาผู้แทนฯมีมติด้วยคะแนนเสียง 219 ต่อ 213 เสียงร่างกม.ด้านภาษีและการคลังทรัมป์ หลังจากนี้สภาผู้แทนฯจะอภิปรายและลงมติร่างกม.อีกครงั้ แล้วส่งต่อให้ปธน.ทรัมป์ ลงนามเพื่อบังคับใช้เป็นกม.ต่อไป
• ยูโรโซน: เศรษฐกิจกระเตื้องขึ้น ดัชนี PMI ภาคผลิตและบริการเดือนมิ.ย.ขยับขึ้นเป็น 50.6 (จาก 50.2 ในเดือนพ.ค.)...บ่งชี้ว่าเดือนมิ.ย.ขยายตัวดีขึ้นเล็กน้อย
• Update สงครามการค้า: 1) สหรัฐยกเลิกข้อจำกัดส่งออกซอฟต์แวร์ออกแบบชิปไปยังประเทศจีนแล้ว, 2) สหรัฐระบุใกล้จะได้ข้อยุติในการเจรจาการค้ากับอินเดีย, 3) ทรัมป์ หนุนร่างกม.ของวุฒิสภาที่จะกำหนดอัตราภาษีศุลกากรต่อจีน-อินเดียสูงถึง 500% ถ้าซื้อน้ำมันจากรัสเซีย (กดดันรัสเซียให้ยุติสงครามกับยุเครน)
• ตลาดหุ้นสหรัฐปรับขึ้น หลัง NFP เดือนมิ.ย.ดีกว่าคาด ราคาน้ำมันดิบอ่อนลงเล็กน้อยเป็น 67-69 US$/bbl จับตาการประชุมโอเปกพลัส 6 ก.ค.นี้ ด้านสัญญาทองคำ ส่งมอบส.ค.ลด -16.80 US$ เป็น 3342.90 US$/ออนซ์ ด้านดัชนีค่าเงิน US$ แข็งขึ้นสู่ 97.20 เงินบาทอ่อนเล็กน้อยเป็น 32.4 บาท/ดอลลาร์ ด้าน US bond yield 10 ปีปรับขึ้นเป็น 4.34% ดัชนีราคาถ่านหิน (NC) อ่อนสู่ 111.25 (สูงสุด 149) ดัชนี Baltic Dry Index ถอยลงสู่ 1434 (สูงสุด 1975)


ปัจจัยในประเทศ & ข่าวหุ้นเด่น
• ธนาคารโลกลดคาดการณ์จีดีพีไทยปี 25 เป็นโต 1.8% และปี 25 โต 1.7% สะท้อนการเปลี่ยนแปลงนโยบายการค้าโลก แต่ถ้าความเชื่อมั่นการลงทุนดีขึ้นอาจทำให้จีดีพีปีนี้โตเพิ่มเป็น 2.2% และปี 26 โต 1.8%
• ติดตามผลเจรจาการค้าสหรัฐ-ไทย...คาดว่าสหรัฐจะเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าในอัตรา 10-20% จากที่ประกาศไว้ 36% หากสหรัฐเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าจากไทยต่ำกว่าเวียดนาม (ตลาดคาด 18%) ก็จะเป็นข่าวดี โดยเป็นบวกกับกลุ่มนิคมฯ (AMATA, WHA, ROJNA ฯลฯ) กลุ่มอิเลคทรอนิกส์ (DELTA, HANA, KCE, CCET, SVI ฯลฯ) และส่งออก (เช่น TU, ITC, AAI, XO, STA, STGT, NER, COCOCO ฯลฯ) แต่ถ้าอัตราภาษีเท่ากันที่ 20% ก็ไม่มีความได้เปรียบ/เสียเปรียบในความสามารถในการแข่งขัน หากสูงกว่า 20% ก็จะเป็นข่าวลบ โดยไทยจะเสียเปรียบในการแข่งขันกับเวียดนาม สำหรับกรณีถ้าไทยเก็บภาษีนา เข้าสินค้าจากสหรัฐ 0% ในสินค้าที่ไทยผลิตไม่เพียงพอ เช่น ถั่วเหลือง&กากถั่วเหลือง, ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ฯลฯ ก็จะเป็นข่าวดีกับกลุ่มอาหารส่งออกที่จะมีต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์ลดลง (เช่น CPF, TFG, BTG, GFPT ฯลฯ)
• การเมืองไทย: รอผลตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญคดีคลิปเสียงนายกฯแพทองธารกับสมเด็จฮุนเซ็น, การพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณปี 69 โดยในวันที่ 13-15 ส.ค.สภาผู้แทนราษฎรจะพิจารณาร่างฯ วาระที่ 2-3 และ 25-26 ส.ค.วุฒิสภาพิจารณา, การพิจารณาและตัดสินคดีอื่นๆ ของนายกฯแพทองธาร, อดีตนายกฯทักษิณ และอีกหลายคดีของนักการเมืองรายอื่น


กลุยทธ์ : สัญญาณทางเทคนิคดีขึ้น โดยทดสอบแนวต้าน 1127 ไปแล้ว หากยืนเหนือได้ จะมีแนวต้านต่อไปที่ 1140-1150, 1160 ส่วนการอ่อนตัวมีแนวรับ 1120, 1110, 1100 และ 1096 ที่ไม่ควรหลุด โดยถ้าหลุด 1096 มีโอกาสเปลี่ยนกลับมาเป็น Sideways down


หุ้นพื้นฐานแนะนาวันนี้ : TASCO – คาดกำไรสุทธิ 2Q25F โตแกร่ง +82% y/y, +17% q/q เป็น 459 ลบ. หนุนโดย 1) ยอดขายเพิ่ม +33% y/y, 2) GPM ดีขึ้น 11.5% ใน 2Q25F (จาก 9-10% ใน y/y, q/q) จาก product mix โดยมีสัดส่วนยอดขายยางมะตอยในประเทศมากขึ้น (ซึ่งมาร์จิ้นขายในประเทศดีกว่า) คาดกำไรสุทธิ 3Q25F ยังโตต่อ q/q เพราะเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ มีโอกาสกลับหนี้สูญเป็นรายได้ราว 200 ลบ.ในปีนี้ คาด DY ปีนี้สูง 8% แนะซื้อเก็งกำไร ราคาพื้นฐาน 16.70 บาท


นักวิเคราะห์&กลยุทธ์: อาภาภรณ์ แสวงพรรค : arparporns@dbs.com : Tel 02 587 7829

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้