Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

บล.เมย์แบงก์ : บทสรุปจากงาน Invest ASEAN

222


Thai Market Compass
บทสรุปจากงาน Invest ASEAN

ความสนใจในตลาดหุ้นไทยเพิ่มขึ้นจากมูลค่าที่น่าดึงดูด
เราได้นำบริษัทไทย 7 แห่งเข้าร่วมงานประชุม Invest ASEAN ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ได้แก่ BCP, PTTEP, TLI, PR9, CENTEL, CPF และ TU แม้ดัชนี SET จะยังคงเคลื่อนไหวแย่กว่าเมื่อเทียบกับตลาดในภูมิภาคและระดับโลก รวมถึงความกังวลทางการเมืองที่ยังคงมีอยู่ แต่บริษัทไทยกลับได้รับความสนใจอย่างมาก และมีผู้เข้าร่วมการประชุมเป็นจำนวนมาก หลายบริษัทที่เข้าร่วมบอกกับเราว่าสามารถพบกับนักลงทุนรายใหม่จำนวนมาก แสดงให้เห็นถึงความสนใจที่เพิ่มขึ้นต่อตลาดหุ้นไทย ทั้งนี้ เราได้เข้าพบกองทุนรวม 20 แห่งเพื่อหารือเกี่ยวกับกลยุทธ์การลงทุนในไทย ซึ่งประเด็นที่นักลงทุนให้ความสำคัญมากที่สุดคือพัฒนาการทางการเมืองและการเจรจาภาษีนำเข้าสินค้า โดยภาคส่วนที่ได้รับความสนใจมากที่สุดคือ นิคมอุตสาหกรรม การดูแลสุขภาพ และการท่องเที่ยว


การเมืองยังคงเป็นประเด็นหลัก
ตามคาด นักลงทุนส่วนใหญ่สอบถามเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองในประเทศไทย โดยส่วนใหญ่รับทราบเกี่ยวกับกรณีคลิปหลุดการสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างนายกฯ แพทองธาร และสมเด็จฮุน เซน ของกัมพูชา รวมถึงการที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้นายกฯ หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว เรามองว่าหากท้ายที่สุดนางสาวแพทองธารถูกถอดถอน (เช่นเดียวกับอดีตนายกฯ คนก่อน) พรรคการเมืองในฝ่ายรัฐบาลจะเสนอชื่อนายชัยเกษม นิติสิริ เป็นนายกฯ คนใหม่ ซึ่งน่าจะช่วยให้เกิดเสถียรภาพทางการเมือง และส่งผลให้รัฐบาลสามารถดำเนินนโยบายต่อเนื่องได้ ที่สำคัญที่สุดคือ จะไม่กระทบต่อกระบวนการจัดทำงบประมาณปีงบประมาณ 2569 และไม่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในวงกว้าง

 

การเจรจาภาษีกับสหรัฐฯ เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่ได้รับความสนใจ
อีกคำถามที่เราได้รับในการประชุมทุกครั้งคือ ความคืบหน้าในการเจรจาการเก็บภาษีสินค้านำเข้าสหรัฐฯ เราได้ชี้แจงว่าคาดว่าไทยจะได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นมิตรจากสหรัฐฯ เนื่องจากไทยถือเป็นพันธมิตรสำคัญในภูมิภาคทั้งด้านการค้า ความมั่นคง และความร่วมมือทางทหาร สมมติฐานหลักของเราคือ ไทยจะได้รับการจัดเก็บภาษีในอัตรา 10% หรืออย่างน้อยได้รับการขยายอัตรา 10% ออกไป ทั้งนี้ การที่เวียดนามประกาศภาษี 20% ถือเป็นระดับอ้างอิงที่ไทยจะถูกเปรียบเทียบ ซึ่งหากไทยได้รับภาษีในระดับที่ต่ำกว่า 20% จะถือเป็นผลบวกต่อไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของไทยได้เดินทางไปยังกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เพื่อหารือกับ USTR และคาดว่าจะมีข่าวสารความคืบหน้าในเร็วๆ นี้


กลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับความสนใจ นิคมอุตสาหกรรม, สุขภาพ, การท่องเที่ยว, ค้าปลีก
กลยุทธ์การลงทุนของเรายังเน้นที่ 1) การสนับสนุนทางการคลังอย่างต่อเนื่อง 2) การฟื้นตัวของการลงทุนภาคเอกชน โดยเฉพาะในกลุ่มดาต้าเซ็นเตอร์ และ 3) ผลบวกจากการเจรจาภาษีนำเข้าสหรัฐฯ กลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับความสนใจมากที่สุดคือ นิคมอุตสาหกรรม, สุขภาพ และการท่องเที่ยว ในกลุ่มนิคมฯ นักลงทุนให้ความสนใจอย่างมากในหุ้น WHA ซึ่งเป็นหุ้นเด่นของเราในกลุ่มนี้ เนื่องจากมีฐานลูกค้าเป็นดาต้าเซ็นเตอร์ในสัดส่วนสูง และมีมูลค่าหุ้นที่น่าสนใจ ในกลุ่มสุขภาพ นักลงทุนให้ความสนใจกับคำแนะนำของเราที่ชื่นชอบ PR9 มากกว่า BDMS และ BH เราเห็นว่า PR9 มีปัจจัยสนับสนุนเชิงโครงสร้างจากการเติบโตของผู้ป่วยต่างชาติ ขณะที่ BDMS ไม่มีปัจจัยกระตุ้นใหม่ และ BH ยังเผชิญความไม่แน่นอนจากการฟื้นตัวของผู้ป่วยจากตะวันออกกลาง สำหรับกลุ่มท่องเที่ยว นักลงทุนสนใจในหุ้น AOT อย่างไรก็ตาม เราคาดว่านักท่องเที่ยวปีนี้จะอยู่ที่ 36 ล้านคน และเรายังคงมองว่า CENTEL น่าสนใจกว่า AOT ในฐานะตัวแทนการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยว เนื่องจาก CENTEL มีฐานลูกค้าในประเทศ และยังสามารถได้รับประโยชน์จากมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวของรัฐบาล สุดท้าย เรายังได้รับคำถามเกี่ยวกับ CPALL ซึ่งเรามองว่าราคาหุ้นยังไม่จูงใจพอ เนื่องจากการบริโภคในประเทศยังชะลอตัว

 

 

 

 


บล.เมย์แบงก์ : บทสรุปจากงาน Invest ASEAN


Thai Market Compass
บทสรุปจากงาน Invest ASEAN

ความสนใจในตลาดหุ้นไทยเพิ่มขึ้นจากมูลค่าที่น่าดึงดูด
เราได้นำบริษัทไทย 7 แห่งเข้าร่วมงานประชุม Invest ASEAN ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ได้แก่ BCP, PTTEP, TLI, PR9, CENTEL, CPF และ TU แม้ดัชนี SET จะยังคงเคลื่อนไหวแย่กว่าเมื่อเทียบกับตลาดในภูมิภาคและระดับโลก รวมถึงความกังวลทางการเมืองที่ยังคงมีอยู่ แต่บริษัทไทยกลับได้รับความสนใจอย่างมาก และมีผู้เข้าร่วมการประชุมเป็นจำนวนมาก หลายบริษัทที่เข้าร่วมบอกกับเราว่าสามารถพบกับนักลงทุนรายใหม่จำนวนมาก แสดงให้เห็นถึงความสนใจที่เพิ่มขึ้นต่อตลาดหุ้นไทย ทั้งนี้ เราได้เข้าพบกองทุนรวม 20 แห่งเพื่อหารือเกี่ยวกับกลยุทธ์การลงทุนในไทย ซึ่งประเด็นที่นักลงทุนให้ความสำคัญมากที่สุดคือพัฒนาการทางการเมืองและการเจรจาภาษีนำเข้าสินค้า โดยภาคส่วนที่ได้รับความสนใจมากที่สุดคือ นิคมอุตสาหกรรม การดูแลสุขภาพ และการท่องเที่ยว


การเมืองยังคงเป็นประเด็นหลัก
ตามคาด นักลงทุนส่วนใหญ่สอบถามเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองในประเทศไทย โดยส่วนใหญ่รับทราบเกี่ยวกับกรณีคลิปหลุดการสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างนายกฯ แพทองธาร และสมเด็จฮุน เซน ของกัมพูชา รวมถึงการที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้นายกฯ หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว เรามองว่าหากท้ายที่สุดนางสาวแพทองธารถูกถอดถอน (เช่นเดียวกับอดีตนายกฯ คนก่อน) พรรคการเมืองในฝ่ายรัฐบาลจะเสนอชื่อนายชัยเกษม นิติสิริ เป็นนายกฯ คนใหม่ ซึ่งน่าจะช่วยให้เกิดเสถียรภาพทางการเมือง และส่งผลให้รัฐบาลสามารถดำเนินนโยบายต่อเนื่องได้ ที่สำคัญที่สุดคือ จะไม่กระทบต่อกระบวนการจัดทำงบประมาณปีงบประมาณ 2569 และไม่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในวงกว้าง

 

การเจรจาภาษีกับสหรัฐฯ เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่ได้รับความสนใจ
อีกคำถามที่เราได้รับในการประชุมทุกครั้งคือ ความคืบหน้าในการเจรจาการเก็บภาษีสินค้านำเข้าสหรัฐฯ เราได้ชี้แจงว่าคาดว่าไทยจะได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นมิตรจากสหรัฐฯ เนื่องจากไทยถือเป็นพันธมิตรสำคัญในภูมิภาคทั้งด้านการค้า ความมั่นคง และความร่วมมือทางทหาร สมมติฐานหลักของเราคือ ไทยจะได้รับการจัดเก็บภาษีในอัตรา 10% หรืออย่างน้อยได้รับการขยายอัตรา 10% ออกไป ทั้งนี้ การที่เวียดนามประกาศภาษี 20% ถือเป็นระดับอ้างอิงที่ไทยจะถูกเปรียบเทียบ ซึ่งหากไทยได้รับภาษีในระดับที่ต่ำกว่า 20% จะถือเป็นผลบวกต่อไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของไทยได้เดินทางไปยังกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เพื่อหารือกับ USTR และคาดว่าจะมีข่าวสารความคืบหน้าในเร็วๆ นี้


กลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับความสนใจ นิคมอุตสาหกรรม, สุขภาพ, การท่องเที่ยว, ค้าปลีก
กลยุทธ์การลงทุนของเรายังเน้นที่ 1) การสนับสนุนทางการคลังอย่างต่อเนื่อง 2) การฟื้นตัวของการลงทุนภาคเอกชน โดยเฉพาะในกลุ่มดาต้าเซ็นเตอร์ และ 3) ผลบวกจากการเจรจาภาษีนำเข้าสหรัฐฯ กลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับความสนใจมากที่สุดคือ นิคมอุตสาหกรรม, สุขภาพ และการท่องเที่ยว ในกลุ่มนิคมฯ นักลงทุนให้ความสนใจอย่างมากในหุ้น WHA ซึ่งเป็นหุ้นเด่นของเราในกลุ่มนี้ เนื่องจากมีฐานลูกค้าเป็นดาต้าเซ็นเตอร์ในสัดส่วนสูง และมีมูลค่าหุ้นที่น่าสนใจ ในกลุ่มสุขภาพ นักลงทุนให้ความสนใจกับคำแนะนำของเราที่ชื่นชอบ PR9 มากกว่า BDMS และ BH เราเห็นว่า PR9 มีปัจจัยสนับสนุนเชิงโครงสร้างจากการเติบโตของผู้ป่วยต่างชาติ ขณะที่ BDMS ไม่มีปัจจัยกระตุ้นใหม่ และ BH ยังเผชิญความไม่แน่นอนจากการฟื้นตัวของผู้ป่วยจากตะวันออกกลาง สำหรับกลุ่มท่องเที่ยว นักลงทุนสนใจในหุ้น AOT อย่างไรก็ตาม เราคาดว่านักท่องเที่ยวปีนี้จะอยู่ที่ 36 ล้านคน และเรายังคงมองว่า CENTEL น่าสนใจกว่า AOT ในฐานะตัวแทนการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยว เนื่องจาก CENTEL มีฐานลูกค้าในประเทศ และยังสามารถได้รับประโยชน์จากมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวของรัฐบาล สุดท้าย เรายังได้รับคำถามเกี่ยวกับ CPALL ซึ่งเรามองว่าราคาหุ้นยังไม่จูงใจพอ เนื่องจากการบริโภคในประเทศยังชะลอตัว

 

 

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้