Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

บล.เอเซีย พลัส : Market Talk

89

 

 

หวังปันใจ จากตราสารหนี้ มาหุ้นปันผลสูง
TOP PICK WHA / PTT / CBG

 

EXTERNAL FACTOR

• สหรัฐฯ บรรลุข้อตกลงการค้ากับเวียดนาม โดยจะเก็บภาษี 20% สำหรับสินค้านำเข้าจากเวียดนาม ส่วนสินค้าที่ถูกมองว่า “TRANSSHIPPING” จะถูกเก็บภาษี 40% ส่วน
เวียดนาม ตกลงยกเลิกภาษีทั้งหมดสำหรับสินค้าสหรัฐฯ
• อย่างไรก็ตาม ยังต้องจับตาท่าที่ของประเทศที่มีการส่งส่งต่อผ่านเวียดนามที่จะถูกเก็บภาษี 40% โดยเฉพาะ “จีน”
• ทีมไทยกำหนดประชุมกับนายเจมิสัน กรีเออร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) ในวันที่ 3ก.ค.2568 เวลา 21.00 น. ตามเวลาไทย เพื่อลดอัตราภาษีตอบโต้ของสหรัฐที่เก็บกับ
ไทยจาก 36% ให้เหลือต่ำที่สุด


INTERNAL FACTOR
• กกร. คาด GDP ปีนี้อยู่ในช่วง 1.5–2.0% เท่านั้น ซึ่งหากอิง GDP GROWTH ตลอดปีของ กกร.ทำให้ GDP GROWTH(QOQ) ตั้งแต่ไตรมาส 2-4 มีโอกาสไม่ฟื้นตัว
(0%QOQ) และเกิดความกังวลการเกิด TECHNICAL RECESSION ได้
• ความกังวลปัจจัยกดดันเศรษฐกิจไทยในแง่มุมต่างๆ ทำให้นักลงทุนโยกย้ายเม็ดเงินเข้าสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด BOND YIELD ช่วงอายุ 1-10 ปีต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายทั้งสิ้น โดย BOND YIELD 10 ปี ล่าสุดอยู่ 1.59% สะท้อนการลดดอกเบี้ยราว 1 ครั้งในช่วงเวลาที่เหลือของป

 

 

INVESTMENT STRATEGY
• สัญญาณตลาดหุ้นผ่อนคลายขึ้น จากบ่วง 4 สงคราม : ตะวันออกกลาง, ภาษีตอบโต้, เขมร, การเมือง ที่เบาลงหนุนให้ SET ทยอยฟื้น ถึง 7 ใน 8 วันทำการที่ผ่านมา ที่กราฟปิดเขียว ผิดกับช่วงก่อนที่ปิดแดงเกือบทุกวัน อีกทั้งหุ้นใน SET100 ไม่มีตัวไหนทำจุดต่ำสุดใหม่ของปีนี้ คาดเกิด MOMENTUM ผลักดัน SET ขึ้นต่อ
• ภาวะแบบนี้ เม็ดเงินที่เคยกระจุกตัวอยู่ในตลาดตราสารหนี้ไทยมากเกินไปในช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีโอกาสกระจายกลับมาที่หล่อเลี้ยงตลาดหุ้นไทยเพิ่มขึ้นได้ อีกทั้ง ณ SET ระดับ 1100 จุด มี MARKET EARNINGYIELD GAP สูงถึง 6.25% และมี DIVIDEND YIELD GAP สูงเกือบ 3% แนะนำหุ้นปันผลสูงที่เริ่มฟื้นตัว อย่างSIRI DIVIDEND YIELD 11%, ITC 9%, M 9%, AP 8.9%, LH 8.8%, KKP 8.4%, TU 7%, KTC 5%

 


เจรจาการค้าสหรัฐฯ – เวียดนามบรรลุดีล ส่วนไทยได้คิวคุยวันนี้
สหรัฐฯ บรรลุข้อตกลงการค้ากับเวียดนามแล้ว หลังเจรจากันมาแล้วหลายครั้ง โดยมีดีลดังนี้สหรัฐฯ จะเก็บภาษี 20%สำหรับสินค้านำเข้าจากเวียดนาม ส่วนสินค้าที่ถูกมองว่า “TRANSSHIPPING” (นำเข้าจากจีนแล้วส่งต่อผ่านเวียดนาม) จะถูกเก็บภาษี 40%เวียดนาม ตกลงยกเลิกภาษีทั้งหมดสำหรับสินค้าสหรัฐฯ และเปิดตลาดให้สหรัฐฯ แบบปลอดภาษี (0%)

ทั้งนี้ “เวียดนาม” เป็นผู้ส่งออกอันดับ 6 ของสหรัฐฯ ในปี 2024 มูลค่าเกือบ $137 พันล้าน และเป็นแหล่งผลิตหลักของสินค้าแฟชั่น อาทิNIKE, GAP, LULULEMON เป็นต้น ขณะที่ข้อตกลงนี้ลดภาษีจาก 46% (ที่ประกาศเมื่อ 2 เม.ย.)เหลือ 20% แม้จะสูงกว่าภาษี 10% ที่ใช้กับประเทศส่วนใหญ่ แต่ยังดีกว่า “WORST CASE” ซึ่งก่อนหน้านี้BLOOMBERG ได้ประเมินผลกระทบต่อเศรษฐกิจเวียดนาม

• หากขึ้นภาษีเป็น 35% →อาจทำให้เวียดนามส่งออกไปสหรัฐฯ ลดลงราว50% คาดกระทบ GDP ราว 5%
• หากขึ้นภาษีเป็น 20% →อาจทำให้เวียดนามส่งออกไปสหรัฐฯ ลดลงราว25% คาดกระทบ GDP ราว 2%

 


อย่างไรก็ตาม ยังต้องจับตาท่าที่ของประเทศที่มีการส่งส่งต่อผ่านเวียดนามที่จะถูกเก็บภาษี 40% โดยเฉพาะ “จีน” ที่มีดุลการค้าเกินดุลกับเวียดนามเกือบ $77 พันล้าน (ข้อมูล ณ พ.ค. 2025) หากการส่งออกผ่านเวียดนามถูกตัดออก อาจกระทบ GDP จีนราว 0.4% ซึ่งการกีดกันทางการค้าจากสหรัฐฯ ในทางอ้อมนี้ ต้องรอดูว่าจะมีการตอบโต้
กลับจากจีนหรือไม่?

 

ส่วนบ้านเรา รมว. คลังได้เดินทางไปสหรัฐแล้ว มีกำหนดประชุมกับนายเจมิสัน กรีเออร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) ในวันที่ 3 ก.ค.2568 เวลา 21.00 น. ตามเวลาไทย เพื่อลดอัตราภาษีตอบโต้ของสหรัฐที่เก็บกับไทยจาก 36% ให้เหลือต่ำที่สุด ซึ่งที่ผ่านมาไทยยื่นข้อเสนอหลายครั้ง และได้รับสัญญาณที่ดีจากฝั่งสหรัฐเบื้องต้นมีข้อเสนอสหรัฐฯ ว่าอาจมีการเก็บภาษีตอบโต้ไทย 18% (อัตราเดิม 36%) หากข้อตกลงออกมาต่ำกว่าอัตราที่รับรู้ไป (<18%) เชื่อว่าจะเป็น SETIMENT เชิงบวกต่อไทย แต่ในทางกลับกัน หากเก็บในอัตราที่สูงกว่า (>18%)อาจเพิ่ม DOWNSIDE ให้กับ GDP บ้านเรา ลุ้นแรงหนุนเชิงบวกจากประเด็นที่ไทยเข้าเจรจาสหรัฐฯ ต่อรองเหลือภาษี10%รวมถึงการขยายระยะเวลาผ่อนผันจัดเก็บภาษีอัตราใหม่ แนะเก็งกำไร COCOCO, CCET, KCE, HANA, TU,ITC, WHA, AMATA

ปัจจัยกดดันหลายประเด็น ทำให้ BOND YIELD ไทยต่ำกว่าดอกเบี้ยนโยบายในหลายช่วงอายุ
ตั้งแต่กลางเดือน พ.ค.68 – ปัจจุบัน SET INDEX ปรับตัวลงมาเกิน 10% หรือ 100 จุด จากหลายปัจจัยลบทั้งนอกและในประเทศอาทิ สงครามตะวันออกกลาง, TRADE TARIFF 2.0, นิติสงครามการเมืองไทย เป็นต้น ซึ่งล่าสุด กกร.ไม่เห็นด้วยกับ ธปท.ที่ประเมินเศรษฐกิจไทยช่วง 2H68 ฟื้นตัวมากไป โดย กกร. คาด GDP GROWTH ปีนี้อยู่ในช่วง1.5–2.0% เท่านั้น ซึ่งปัจจัยกดดันมาจากการส่งออกชะลอตัว, การลงทุนภาคเอกชนซบเซา, นักท่องเที่ยวจีนลดลงเป็นต้น ซึ่งหากอิง GDP GROWTH ตลอดปีของ กกร.ทำให้ GDP GROWTH(QOQ) ตั้งแต่ไตรมาส 2-4 มีโอกาสไม่ฟื้นตัว(0%QOQ) และเกิดความกังวลการเกิด TECHNICAL RECESSION ได้ความกังวลปัจจัยกดดันเศรษฐกิจไทยในแง่มุมต่างๆ ทำให้นักลงทุนโยกย้ายเม็ดเงินเข้าสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด BOND YIELD ช่วงอายุ 1-10 ปีต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายทั้งสิ้น และยังต่ำกว่าหรือใกล้เคียงระดับการลดดอกเบี้ยนโยบายไป 1 ครั้งในช่วงที่เหลือของปีแล้ว อาทิ BOND YIELD 10 ปี ล่าสุดอยู่ 1.59%(สอดคล้องกับความเห็นจากฝ่ายวิจัยฯ) ซึ่งประเมินว่าการปรับลดดอกเบี้ย 25 BPS. จะหนุนระดับ PE ขึ้น 0.67 เท่าและดัน TARGET SET INDEX จะขยับขึ้นมาได้ราว 57 จุดดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้ เน้นหุ้น DOMESTIC PLAY ที่มีผันผลสูง อาทิ SIRI AP BEM CPALL CK KTB เป็นต้น


หวังนักลงทุนปันใจ จากตราสารหนี้มาหุ้นปันผลสูงมากขึ้น
สัญญาณตลาดหุ้นผ่อนคลายขึ้น จากบ่วง 4 สงคราม : ตะวันออกกลาง, ภาษีตอบโต้, เขมร, การเมือง ที่เบาลง หนุนให้ SET ทยอยฟื้น ถึง 7 ใน 8 วันทำการที่ผ่านมา ที่กราฟปิดเขียว ผิดกับช่วงก่อนที่ปิดแดงเกือบทุกวัน อีกทั้งหุ้นในSET100 ไม่มีตัวไหนทำจุดต่ำสุดใหม่ของปีนี้ สะท้อนจากผลตอบแทนจากจุดต่ำสุดปีนี้ถึงล่าสุดเป็นบวกหมด คาดเกิด MOMENTUM ผลักดัน SET ขึ้นต่อ


ภาวะแบบนี้ เม็ดเงินที่เคยกระจุกตัวอยู่ในตลาดตราสารหนี้ไทยมากเกินไปในช่วง 1- 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีโอกาสกระจายกลับมาที่หล่อเลี้ยงตลาดหุ้นไทยเพิ่มขึ้นได้ อีกทั้ง ณ SET ระดับ 1115 จุด มี MARKET EARNING YIELDGAP สูงถึง 6.25% และมี DIVIDEND YIELD GAP สูงเกือบ 3% แนะนำหุ้นปันผลสูงที่เริ่มฟื้นตัว อย่าง SIRI DIVIDEND YIELD 11%, ITC 9%, M 9%, AP 8.9%, LH 8.8%, KKP 8.4%, TU 7%, KTC 5%

 



Research Division
จัดทำโดย
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

กองหนุน By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ วานนี้ เห็นพลังกองทุน ซื้อคนเดียว แบกของ วันนี้เชื่อว่า กองทุน กองหนุน คงทำหน้าที่ต่อเนื่อง..

มัลติมีเดีย

รู้จักพร้อมเปิดพื้นฐาน NUT ก่อนเทรด 11 มิ.ย.- สายตรงอินไซด์ - 9 มิ.ย.68

รู้จักพร้อมเปิดพื้นฐาน NUT ก่อนเทรด 11 มิ.ย.- สายตรงอินไซด์ - 9 มิ.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้