Company Note
Thai Union Group
กลุ่มลูกค้าอาหารสัตว์เลี้ยงคาดว่าภาษีนำเข้าสหรัฐฯอาจจะมีการขยายเวลาออกไปจากเดิม 90 วัน ที่จะครบกำหนดในวันที่ 9 ก.ค.25 นี้ และคาดสถานการณ์อัตราภาษีนำเข้าสหรัฐฯ จากไทยที่สูงไม่น่าจะเกิดขึ้น แนวโน้มกำไรสุทธิ 2Q25F ลดลงเล็กน้อย YoY และเพิ่มขึ้น QoQ โดยหากไม่รวมผลกระทบของค่าเงินบาทที่แข็งค่า รายได้จะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย YoY จากรายได้เพิ่มขึ้นทุกกลุ่มยกเว้นธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงที่ได้ผลกระทบจากค่าเงินบาทที่แข็งค่า สำหรับอัตราทำกำไรเพิ่มขึ้นจากปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นและต้นทุนปลาทูน่าที่ลดลง ด้านค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากโครงการ transformation costs และการทำการตลาดโปรโมชั่นเพิ่มขึ้น, บริษัทมีการปรับคาดการณ์ ส่วนภาษีที่เพิ่มขึ้นจาก global minimum tax ทั้งปีเพิ่มขึ้น 100-150 ล้านบาท จากเดิมเพิ่มขึ้น 300 ล้านบาท เนื่องจากการคาดกำไรในประเทศไทยจะต่ำกว่าที่คาดไว้
คาดกำไรสุทธิ 2Q25F ลดลงเล็กน้อย YoY แต่เพิ่มขึ้น QoQ
เราคาดกำไรสุทธิ 2Q25F อยู่ที่ 1,173 ล้านบาท (-4%YoY, +15%QoQ) โดยเราคาดรายได้รวมลดลงเล็กน้อย YoY แต่เพิ่มขึ้น QoQ รายได้แบ่งเป็น 1) ธุรกิจอาหารทะเลแปรรูป (Ambient seafood) เพิ่มขึ้น 2% YoY และ 20%QoQ จากยอดขายในกลุ่มยุโรป สหรัฐฯ และประเทศไทยเพิ่มขึ้น 2) ธุรกิจอาหารทะเลแช่แข็งคาดรายได้ลดลง -7% YoY แต่เพิ่มขึ้น 19% QoQ จากยอดขายที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐฯ และกลุ่มธุรกิจอาหารสัตว์ที่เพิ่มขึ้น 3) ธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงลดลงเล็กน้อย -2% YoY จากผลกระทบค่าเงินบาทที่แข็งค่า แต่เพิ่มขึ้น 5% QoQ จาก จากปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นในยุโรปและสหรัฐฯ เป็นหลัก 4) ธุรกิจผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่าคาดลดลง -7% YoY และทรงตัว +1% QoQ
คาดอัตรามาร์จิ้น 2Q25F เพิ่มขึ้นเล็กน้อยอยู่ที่ 19% (ใกล้เคียงกับเป้าหมายของบริษัทที่คาดทั้งปี 18-19%) จากปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นและต้นทุนวัตถุดิบราคาปลาทูน่าที่ลดลงเทียบกับปีที่ผ่านมา คาดค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขาย 14% (ใกล้เคียงกับที่บริษัทคาดทั้งปีที่ 13.5-14%) เพิ่มขึ้น YoY จากค่าใช้จ่าย transformation ที่เพิ่มขึ้น และค่าทำการตลาดสินค้าใหม่ และค่าขนส่งทางเรือที่ลดลง แต่ลดลง QoQ เนื่องจาก 1Q25 มีสัดส่วนรายได้ค่อนข้างต่ำส่งผลให้อัตราค่าใช้จ่ายและการบริหารเทียบกับยอดขายสูงกว่าปกติ คาดบริษัทรับรู้ส่วนแบ่งกำไร 210 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% YoY แต่ลดลง -28% QoQ จากธุรกิจ Avanti เป็นหลัก และคาดบริษัทรับรู้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ 50 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 26 ล้านบาท QoQ และขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน 237 ล้านบาท YoY เราคาดอัตราภาษีจ่ายที่ 12% เพิ่มขึ้นเนื่องจากสิทธิประโยชน์ภาษี BOI หมดแล้ว และมีผลกระทบจาก global minimum tax เข้ามาเล็กน้อย แต่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง
คงประมาณการเดิม คาดผลประกอบการปีนี้ลดลงจากผลกระทบภาษีนำเข้าสหรัฐฯและเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และคาดผลประกอบการจะเริ่มดีขึ้นปีหน้า
บริษัทเปิดเผยว่า ปัจจุบันลูกค้ามีการสั่งสินค้าเพิ่มขึ้นล่วงหน้าบ้างแต่ไม่มีนัยสำคัญ เนื่องจากลูกค้าในสหรัฐฯ ยังคงรอดูสถานการณ์ คาดว่าจะมีการขยายเวลาจาก 90 วันออกไป และสถานการณ์อัตราภาษีนำเข้าสหรัฐฯ ที่สูงไม่น่าจะเกิดขึ้น สำหรับแนวโน้มผลประกอบการ 3Q25F คาดปริมาณการขายและอัตราทำกำไรใกล้เคียงกับ 2Q25F
เราคาดกำไรก่อนรายการพิเศษ 1H25F ลดลง 12% YoY และคิดเป็น 48% ของกำไรทั้งปี เรายังคงประมาณการเดิม คาดกำไรปี 2025F อยู่ที่ 4.4 พันล้านบาท (-12% YoY) จากผลกระทบจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัวส่งผลต่อ demand ที่ลดลง รวมถึงแนวโน้มปัจจัยลบจากนโยบายภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ คาดกำไรสุทธิปี 2026F จะกลับมาเพิ่มขึ้น 16%YoY จากสถานการณ์การต่างๆเริ่มปรับตัว คาดอัตราทำกำไรขั้นต้นลดลงจากราคาปลาทูน่าที่คาดที่ 1,600 US$/tons เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาประมาณ 11% สำหรับค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารคาดเพิ่มขึ้นจากการทำการตลาดและค่าขนส่งทางเรือที่เพิ่มขึ้น (บริษัทมีการขายสินค้าเป็น FOB ส่วนใหญ่ และบางธุรกิจเป็น CIF คิดเป็น 3% ของค่าใช้จ่ายรวม) และการทำการตลาดเพิ่มขึ้น และคาดอัตราภาษีจ่ายที่ 12%
เราคงคำแนะนำ “ถือ” แนวโน้มผลประกอบการที่เราคาดจะลดลงจากผลกระทบของภาพรวมเศรษฐกิจที่สะดุดจากนโยบายภาษีนำเข้าสหรัฐฯที่กระทบทั่วโลก รวมถึงต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น ราคาเป้าหมายอยู่ที่ 11.3 บาท อ้างอิง historical PE forward ย้อนหลัง 5 ปี -1SD ที่ 12X โดยราคาหุ้นปัจจุบันมี PER25F ที่ 10.6X, PBV25F 0.9X และคาด Dividend Yield 25F ที่ 5.3% ความเสี่ยง : ภาพรวมเศรษฐกิจทั่วโลกที่ชะลอตัว, ความผันผวนของต้นทุนวัตถุดิบ, การขาดแคลนเรือนขนส่ง