Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย แนวโน้มธุรกิจดีลเลอร์รถยนต์ไทย-ธุรกิจดีลเลอร์รถยนต์ปี 2568 รายได้ของธุรกิจในภาพรวมคาดหดตัว 5.6% (YoY)

93

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(30 มิถุนายน 2568)----------• สำหรับธุรกิจดีลเลอร์รถยนต์ปี 2568 รายได้ของธุรกิจในภาพรวมคาดหดตัว 5.6% (YoY) นำโดยการลดลงของรายได้จากการขาย 6.3% (YoY) หลังยอดขายรถยนต์ในประเทศคาดลดเหลือ 565,000 คัน จากกลุ่มรถเพื่อการพาณิชย์ที่คาดหดตัวสูงจากปัญหากำลังซื้อ แม้กลุ่มรถยนต์นั่งอาจพลิกกลับมาขยายตัว หลังกลุ่มรถยนต์นั่ง xEV โดยเฉพาะ PHEV และ BEV คาดเติบโตสูง


• ส่วนรายได้จากการซ่อมบำรุงคาดว่าจะหดตัว 1.2% (YoY) หลังจำนวนรถยนต์ที่มีอายุไม่เกิน 10 ปี ซึ่งเป็นลูกค้าหลักคาดทยอยลดลงจนเหลือ 8.99 ล้านคัน หลังยอดขายรถยนต์ในช่วงหลังเผชิญกับหลายวิกฤติ


• จำนวนดีลเลอร์รถยนต์ปี 2568 คาดหดตัวมากกว่า 2.3% (YoY) เหลือไม่ถึง 2,146 แห่ง จาก 2,197 แห่ง ในปีก่อน โดยสาเหตุหลักมาจากจำนวนดีลเลอร์รถยนต์ค่ายญี่ปุ่น&ค่ายตะวันตกที่คาดว่าจะลดลงกว่า 5.7% (YoY)


ปี 2568 ธุรกิจดีลเลอร์รถยนต์ในไทยยังคงต้องเผชิญกับแรงกดดันต่อจากปีที่แล้ว จากยอดขายรถยนต์ใหม่ในประเทศที่คาดว่าจะหดตัว และการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นมาก ซึ่งกระทบต่อรายได้ของดีลเลอร์ เมื่อผนวกกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นทั้งสต๊อกรถยนต์ที่ยังขายไม่ได้และดอกเบี้ยเงินกู้ ทำให้ธุรกิจดีลเลอร์รถยนต์ยังต้องเร่งปรับตัวต่อเพื่อหาช่องทางเพิ่มรายได้ให้ธุรกิจแม้จะไม่ง่าย ทั้งการปรับรูปแบบธุรกิจเหลือเพียงสำนักงานขายที่ไม่สต๊อกรถยนต์ การเพิ่มรายได้จากการซ่อมบำรุง และการขยายหรือเปลี่ยนไปทำดีลเลอร์ค่ายอื่น เป็นต้น
แนวโน้มรายได้ดีลเลอร์รถยนต์ปี 2568

รายได้รวมของดีลเลอร์รถยนต์ปี 2568 คาดปรับลดลง 5.6% (YoY)

รายได้ดีลเลอร์โดยรวมหดตัวต่อเนื่องจากปี 2567 ที่หดตัวสูงกว่า 30.4% (รูปที่ 2) จากปัจจัย 2 ด้าน คือ (1) การหดตัวของรายได้จากการขาย 6.3% (YoY) หลังยอดขายรถยนต์ในประเทศคาดว่าจะหดตัวต่อ และ (2) การหดตัวของรายได้จากการซ่อมบำรุงที่ 1.2% (YoY) ตามจำนวนรถเข้าใช้บริการที่ลดลง

 

รายได้จากการขายที่ลดลงมาจากยอดขายรถยนต์ในประเทศที่คาดว่าจะลดลงต่อในปี 2568

ในปี 2568 คาดยอดขายรถยนต์ในประเทศหดตัว 1.3% (YoY) เหลือ 5.65 แสนคัน (รูปที่ 3) ต่อเนื่องจากปี 2567 ที่หดตัว 26.2% (YoY) หลังกำลังซื้อยังอ่อนแอจากภาวะเศรษฐกิจที่เสี่ยงสูง

 


กลุ่มรถเพื่อการพาณิชย์คาดยังเป็นกลุ่มที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุด โดยอาจหดตัว 14.2% (YoY) ต่อเนื่องจากปี 2567 ที่หดตัวสูงถึง 38.4% (YoY) นำโดยปิกอัพ ที่มีส่วนแบ่งถึง 87% ของยอดขายรถเพื่อการพาณิชย์รวม (รูปที่ 4) โดยเฉพาะเมื่อรายได้เกษตรกรปีนี้มีแนวโน้มหดตัว จากปัญหาอุปทานล้นตลาดนำมาสู่ราคาสินค้าเกษตรที่ตกต่ำ ขณะที่ภาคธุรกิจก็เพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น

 

อย่างไรก็ดี อาจได้เห็นการพลิกกลับมาขยายตัว 7.9% (YoY) ในกลุ่มรถยนต์นั่งปี 2568 จากยอดขายรถยนต์นั่งกลุ่มใช้พลังงานไฟฟ้า (xEV) ทั้ง HEV PHEV และ BEV ที่ต่างขยายตัวเพิ่มขึ้นมาก จนแทนที่รถยนต์นั่งเครื่องยนต์สันดาปภายในล้วน (ICE) ทำให้เหลือส่วนแบ่งตลาดเพียง 25% (YoY) (รูปที่ 5) โดยปัจจัยที่ดันให้รถยนต์นั่งกลุ่ม xEV ขยายตัวสูง โดยเฉพาะ PHEV และ BEV มาจากการแข่งขันกันอย่างรุนแรงด้านราคา และการมีตัวเลือกรถยนต์เพิ่มขึ้นของค่ายรถหน้าใหม่ ส่งผลให้กลุ่มผู้ซื้อที่มีกำลังซื้อและได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจน้อย อาศัยจังหวะนี้เข้าซื้อรถยนต์นั่งกลุ่มนี้มากขึ้น ซึ่งก็จะกระทบกับดีลเลอร์ที่เน้นขายรถยนต์นั่ง ICE ที่จะเจอปัญหายอดขายลดลงมาก

รายได้จากการซ่อมบำรุงคาดหดตัวเช่นกันจากคาดการณ์จำนวนรถอายุไม่เกิน 10 ปีที่ลดลง

แม้การหาทางเพิ่มรายได้จากการซ่อมบำรุงเพื่อชดเชยกับการเสียรายได้จากการขายจะเป็นแนวทางแรกที่ดีลเลอร์เร่งปรับตัวทำ ทว่าในปี 2568 ปริมาณรถยนต์ที่อายุไม่เกิน 10 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของดีลเลอร์รถยนต์กลับคาดว่าจะยังหดตัวต่อที่ 3.7% (YoY) เหลือ 8.99 ล้านคัน (รูปที่ 6) เป็นผลต่อเนื่องจากการเร่งซื้อล่วงหน้าของรถยนต์คันแรก ปัญหาโควิด และล่าสุดปัญหาหนี้เสียสูง ทำให้ปริมาณรถยนต์อายุไม่เกิน 10 ปี สะสมบนนถนนลดลงต่อเนื่อง


จำนวนดีลเลอร์รถยนต์ค่ายญี่ปุ่น&ตะวันตกลดลง ขณะที่ดีลเลอร์รถยนต์ค่ายจีนเพิ่มขึ้น

รายได้ดีลเลอร์ที่ลดลงรวมกับการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นมาก ส่งผลให้ปี 2568 จำนวนดีลเลอร์รถยนต์คาดลดลงเหลือน้อยกว่า 2,146 แห่ง จาก 2,197 แห่ง ในปีก่อน โดยดีลเลอร์รถยนต์ค่ายญี่ปุ่น&ตะวันตกมีโอกาสหดตัวสูงกว่า (รูปที่ 7) เนื่องจากทั้งยอดขายรถยนต์เพื่อการพาณิชย์และรถยนต์นั่ง ICE ที่ค่ายทำตลาดเป็นหลักมีแนวโน้มลดลง ตรงข้ามกับดีลเลอร์รถยนต์ค่ายจีนที่ยังมีโอกาสเพิ่มขึ้น (รูปที่ 8) ตามยอดขายรถยนต์นั่งกลุ่ม xEV โดยเฉพาะเมื่อ PHEV และ BEV ที่ค่ายจีนทำตลาดเป็นหลักกำลังได้รับความนิยมจากตลาด

 

ความเสี่ยงของธุรกิจดีลเลอร์รถยนต์ไทย

• การเปลี่ยนผ่านสู่รถยนต์พลังงานทางเลือกกลุ่ม xEV ที่แม้เทคโนยีจะยังไม่นิ่ง แต่ทิศทางการพัฒนาของค่ายรถต่างมุ่งไปทางรถยนต์กลุ่ม xEV ทำให้ยอดขายรถยนต์ ICE ได้รับผลกระทบโดยตรง โดยเฉพาะในกลุ่มรถยนต์นั่ง
• การแข่งขันที่สูงขึ้นจากค่ายรถใหม่ที่ลงทุนในประเทศกับรถยนต์นำเข้าจากประเทศคู่ค้าที่มี FTA ทำให้มีโอกาสเกิดการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น
• ความกังวลเรื่องคุณภาพรถยนต์ BEV และการดูแลหลังการขาย โดยเฉพาะการจัดหาอะไหล่ อาจเป็นประเด็นที่กระทบการเติบโตของยอดขายรถยนต์ BEV ได้ เนื่องจากราคาไม่ใช่ปัจจัยสำคัญเดียวในการตัดสินใจซื้อรถของผู้บริโภค

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

ครึ่งปีแรก By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ วันนี้ ตลาดหุ้นไทย จะสีเขียวแบบไหน เข้ม อ่อน แก่ ปิดตลาด คงรู้กัน แต่บ่ายวันนี้ จับตาแรง....

LEO อัปเดตแผนธุรกิจในงาน mai FORUM 2025

LEO อัปเดตแผนธุรกิจในงาน mai FORUM 2025

มัลติมีเดีย

รู้จักพร้อมเปิดพื้นฐาน NUT ก่อนเทรด 11 มิ.ย.- สายตรงอินไซด์ - 9 มิ.ย.68

รู้จักพร้อมเปิดพื้นฐาน NUT ก่อนเทรด 11 มิ.ย.- สายตรงอินไซด์ - 9 มิ.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้