Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

บล.บัวหลวง : รอบด้านตลาดหุ้น

91

 


ภาพตลาดและแนวโน้ม

 

 

ความเชื่อมั่นตลาดหุ้นสหรัฐและไทยปรับตัวดีขึ้น
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เผชิญแรงขายในปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาจากสถานการณ์การสู้รบระหว่างอิสราเอล-อิหร่าน-สหรัฐฯ อย่างไรก็ตามตลาดกลับปรับตัวขึ้นในช่วง 4 วันที่ผ่านมา โดยล่าสุดดัชนี S&P500 แตะจุดสูงสุดเดิมที่เคยทำไว้ในเดือน ก.พ. 2025 จากปัจจัยบวกเรื่องข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิสราเอล-อิหร่าน ส่วนเครื่องมือชี้วัดด้าน Sentiment ส่งสัญญาณว่าความเชื่อมั่นของตลาดปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย


ดัชนี CNN Fear & Greed ปรับตัวขึ้นจากระดับ 55 คะแนนในสัปดาห์ก่อนหน้า มาอยู่ที่ 58 คะแนนในปัจจุบัน ซึ่งเป็นการกลับจากโซน Neutral สู่โซน Greed อีกครั้ง อย่างไรก็ตามองค์ประกอบย่อยด้าน Market Breadth ได้ปรับตัวลงต่อเนื่องหลังจากทำจุดสูงสุดในช่วงกลางเดือน พ.ค. 2025 ซึ่งอาจะเป็นสัญญาณเตือนเบื้องต้นว่ารอบการปรับขึ้นเริ่มหมดแรง เนื่องจากการปรับขึ้นของดัชนีถูกหนุนจากหุ้นในจำนวนที่น้อยลง

ผลสำรวจความเชื่อมั่นนักลงทุนของ AAII ชี้ถึงมุมมองเชิงบวกของนักลงทุนต่อแนวโน้มตลาดที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยมุมมอง Bullish ของนักลงทุนต่อแนวโน้มตลาดในช่วง 6 เดือนข้างหน้าปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.9% เป็น 35.1% (แต่ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 37.5%) ขณะที่มุมมอง Bearish ลดลง 1.1% เหลือ 40.3% (แต่ยังสูงกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 31.0%) ส่วนนักลงทุนที่มีมุมมอง Neutral ลดลง 0.7% มาอยู่ที่ 24.7% สำหรับ Bull-Bear Spread ปรับเพิ่มขึ้น 3.0% แต่ยังอยู่ในโซนลบที่ -5.2% (ค่าเฉลี่ยเป็น +6.5%) และผลสำรวจพิเศษของ AAII ในสัปดาห์นี้ สมาชิกส่วนใหญ่ 70.7% เห็นว่าการที่ Fed คงดอกเบี้ยไว้เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง ขณะที่ 19.9% เห็นว่า Fed ควรลดดอกเบี้ย และมีเพียง 3.1% ที่คิดว่าควรขึ้นดอกเบี้ย ส่วนอีก 4.7% ยังไม่แน่ใจหรือไม่มีความเห็น

แม้ภาพรวมดัชนีของตลาดหุ้นไทยเริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัวครั้งแรกในรอบกว่า 5 สัปดาห์ แต่ลักษณะการรีบาวด์ยังสะท้อนความเปราะบางของ Sentiment โดย BLS Greed & Fear Barometer แม้จะขยับขึ้นจาก 11 เป็น 17 คะแนน แต่ยังคงอยู่ในโซน Fear สัญญาณที่ดีขึ้น ได้แก่ การดีดกลับของดัชนี Bull-to-Bear ออกจากโซน Lower-bound ได้เป็นครั้งแรกในรอบ 5 สัปดาห์ และดัชนี Momentum Strength ที่ฟื้นตัวหลังจากปรับลงแตะระดับต่ำสุดเดิมที่เคยทำไว้ในเดือน มี.ค. 2025 ยังไม่เพียงพอที่จะหักล้างแรงกดดันจาก Market Breadth ที่ลดลง และความผันผวนที่ยังทรงตัวในระดับสูง สะท้อนว่าแม้จิตวิทยาตลาดจะเริ่มฟื้นตัว แต่แรงขับเคลื่อนในวงกว้างยังไม่เกิดขึ้น ทำให้การฟื้นตัวของตลาดไทยยังอยู่ในเฟส fragile rebound มากกว่าการกลับเข้าสู่ภาวะขาขึ้นอย่างยั่งยืน

สรุปภาพตลาดวานนี้
SET พักฐานหลังขึ้นมาต่อเนื่อง โดยช่วงเช้ายังบวกต่อ แต่พอบ่ายย่อมาปิดลบเล็กน้อย โดยแรงกดดันหลักมาจากการขายทำกำไร DELTA AOT KTC MTC เป็นต้น ส่วนหุ้นใหญ่หลายๆ ตัวยังยืนบวกได้ ADVANC PTT PTTEP CPAXT OR HMPRO และกลุ่มธนาคารบวกกลับ

 


แนวโน้มตลาดวันนี้

FOMO Vs. JOMO ก่อนวันหยุด
อาทิตย์นี้ประเด็นลบที่เริ่มบรรเทา พาหุ้นไทยรีบาวด์ขึ้นมาทดสอบโซน 1120 จุด (แนวต้านเรกตามที่เราระบุ) แต่หลังจากชนแนวต้าน และยังไม่มีประเด็นบวกใหม่หนุนตลาด คาดแรงซื้อคืนจะเริ่มแผ่ว

อิง Momentum ภาพระยะสัปดาห์ ซึ่งเราคาดแรงซื้อคืนจากฝั่ง นลท.สถาบัน น่าจะหนุนตลาดหุ้นไทยไปได้อีกระยะหนึ่ง แต่เมื่อกลับไปใกล้ ต้นทุน 1120 ในวันที่กองทุน ขายลงมาหนักกว่า 6 พันลบ.และเมื่อจบ Window Dressing ของไตรมาส 2 ซึ่งก็สอดคล้องกับแนวต้านเทคนิคที่ค่าเฉลี่ย 25 วันพอดี คาดตลาดหุ้นไทยจะเริ่มแผ่วหลังจากนั้น (คาดกองทุนชะลอซื้อเมื่อราคาสูงเกินจุดที่ขายไปก่อนหน้า) เพื่อรอประเมินสถานการณ์ใหม่อีกครั้ง

ส่วนปัจจัยบวก จากประเด็นข่าวในประเทศ จะเห็นได้ว่ามีอิทธิพลต่อราคาหุ้นจำกัด ไม่ว่าจะเป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ หรือการปรับเพิ่ม GDP ไทยของแบงก์ชาติ
ประเด็นที่ต้องรอการประเมินในช่วงสุดสัปดาห์นี้ 1) การเมือง (การเมืองระหว่างประเทศเพื่อนบ้านกัมพูชา, การชุมนุมในประเทศ 28 มิ.ย. และการปรับครม.) 2) รอดูท่าที ปธน.ทรัมป์ หลังอิหร่าน ปฎิเสธการกลับสู่โต๊ะเจรจา

ดังนั้น เราจึงยังไม่รีบเข้าเล่นหุ้นตามกระแส (กลุ่มนี้จัดเป็น JOMO) โดยเลือกกอดหุ้นปันผลต่อไปก่อนระยะนี้

ส่วนสัปดาห์หน้า หากไม่มีประเด็นใหม่ที่ร้อนแรงไปกว่านี้ เชื่อว่าน้ำหนักของการ เก็งกำไรคาดการณ์งบฯ ไตรมาส 2 จะเพิ่มขึ้น เบื้องต้นเรามองกลุ่ม Domestic Play (แต่เล่น Pair-trade ได้) ส่วนมากจะงบฯ ไม่โดดเด่นเท่า Global Play

กลยุทธ์การลงทุน

กลยุทธ์การลงทุนช่วงนี้ ถือหุ้นปันผล

วิเคราะห์ทางเทคนิค

SET Index บวกอยู่ดีๆ เริ่มออกอาการแผ่ว! อย่างไรก็ตามการฟื้นตัว +5% ภายในระยะเวลาอันสั้น ทำให้ดัชนีอยู่ในภาพความร้อนแรง! ดังนั้นเราซูมส่องกล้องขยายภาพ SET 20 นาที ล่าสุดพบว่า กำลังก่อร่างสร้างตัว อยู่ในคลื่น Corrective wave a-b-c จับตาหากวันนี้ขึ้น แต่ไม่ผ่าน high ที่ 1,117 มีโอกาสสูงที่ดัชนีจะปรับฐานลงเข้าสู่คลื่นขาลง C ย่อย ซึ่งจะมีโซนรับ 38.2% ที่ 1,190 จุด (ลงไม่ลึก) หากมองแย่กว่านั้นปรับลง 50% จะอยู่ที่ 1,185 จุด สรุป: แนวโน้มตลาดระยะสั้น 1-3 วันข้างหน้า บ่งชี้สัญญาณพักตัว เพื่อลดดีกรีความร้อนแรง (RSI ก็เตือน divergence)
ไฮไลท์: เก็งหุ้นแบบไหน…จากเรื่องนโยบายรถไฟฟ้า 20 บ / หุ้นแนะนำ BAM ชนเป้า7.3… วางแผนอย่างไรต่อ ไปหาคำตอบกันครับ

 

 

 


What to watch
ติดตามการเมืองในประเทศ การปรับ ครม., การชุมนุม และคดีสำคัญ
ติดตามสถานการณ์ไทย-กัมพูชา
รอดูท่าที ปธน.ทรัมป์ หลังอิหร่าน ปฎิเสธการกลับสู่โต๊ะเจรจา
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 3 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 1/2568 โดยระบุว่า GDP หดตัวลง 0.5% ย่ำแย่กว่าการประมาณการครั้งที่ 2 ที่ระบุว่าหดตัว 0.2% ขณะที่ตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ระบุว่าหดตัว 0.3% โดยเศรษฐกิจสหรัฐฯ หดตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี เนื่องจากผลกระทบจากการชะลอตัวของการใช้จ่ายผู้บริโภค
ข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอทำให้นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ โดยล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักกว่า 20% ในการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนก.ค. และให้น้ำหนักกว่า 75% ในการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย.
ปธน.ทรัมป์กำลังพิจารณาที่จะคัดเลือกและประกาศผู้ที่จะมารับตำแหน่งประธานเฟดแทนเจอโรม พาวเวล ภายในเดือนก.ย.หรือต.ค. แม้ว่าพาวเวลจะหมดวาระการดำรงตำแหน่งประธานเฟดในเดือนพ.ค. 2569
ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า การดำเนินการดังกล่าวของปธน.ทรัมป์ถือเป็นการแต่งตั้ง "ประธานเฟดเงา" แข่งกับพาวเวล ซึ่งจะบั่นทอนอำนาจของพาวเวล ก่อนที่เขาจะหมดวาระการดำรงตำแหน่ง และจะส่งผลกระทบต่อการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด
ตลาดคาด ดัชนี US PCE จะเพิ่มขึ้น 2.3% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบรายปี หลังจากปรับตัวขึ้น 2.1% ในเดือนเม.ย. และคาดว่าดัชนี PCE พื้นฐาน (Core PCE) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะเพิ่มขึ้น 2.6% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบรายปี หลังจากปรับตัวขึ้น 2.5% ในเดือนเม.ย.

หุ้นแนะนำวันนี้
PTT แนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 2 เติบโตดี และปันผลสูง
แนวรับ 30 ต้าน 31.5 Stop loss 29

 

 

 

 


รายงานพื้นฐานวันนี้

Commerce Sector (Idea)
ศึกประชันตระกูลเซ็นทรัล: CPN vs CRC ใครดีกว่ากัน
เราได้วัดพลังความแกร่งของ CPN เทียบ CRC ในภาวะที่กำลังซื้อชะลอตัว เพื่อเป็นกลยุทธ์ Pair trade สำหรับนักลงทุนที่จะลงในกลุ่มนี้ ได้ใช้ปรับพอร์ต โดยเราแนะนำ “ขาย” CRC และเข้า “ซื้อ” CPN แทน

ยกที่ 1 ยอดขาย: CPN ชนะในแง่ Same-store performance โดย2Q25 เราคาดว่า SSRR ของ CPN จะเติบโต 5-6% YoY ขณะที่ SSS ของ CRC หดตัว 3-5% YoY ทั้งในเดือน เม.ย. และ พ.ค. แนวโน้มปี 2025–26 เรายังคาดว่า SSRR ของ CPN จะโตเฉลี่ยปีละ 5% แต่ CRC ลดลง 4% ในปี 2025 ฟื้น 2% ในปี 2026
ยกที่ 2 การทำกำไร: CPN ชัดเจนกว่า EBITDA Margin อยู่ในช่วง 60–65% อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งสูงกว่าของ CRC ที่อยู่ในช่วง 12–15% สะท้อนถึงความแตกต่างเชิงโครงสร้างของโมเดลธุรกิจ ซึ่ง CPN มั่นคงกว่าจากสัดส่วนค่าเช่าที่คงที่มากกว่า ทนต่อความผันผวนกว่า

ยกที่ 3 การเติบโต: CPN เด่นกว่า เพราะ CRC มีแรงกดดันมากกว่า จากธุรกิจอาหารขายส่ง, Go Wholesale ที่ไม่เป็นไปตามเป้า ทำให้เราปรับกำไรลง 1-3% ขณะที่ CPN เราปรับขึ้น 3% จาก GM ทั้งนี้ แนวโน้มปี 2025 คาดว่ากำไร CRC จะลดลง 7% ส่วน CPN ยังทรงตัว YoY ได้

ยกที่ 4 ความคุ้มค่า: CPN ดีกว่า CRC ชัดเจน ทั้ง ROE (16.3% vs. CRC 11.3%), PER/ROE (0.75x vs. CRC 1.20x) และ Yield (4.6% vs. CRC 3.5%)

 

Chemical Sector
การวิเคราะห์ผ่าน Data-Driven ชี้ เริ่มสะสม 3Q25 ก่อนฟื้น 4Q25
จากการวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐานประกอบการ Data Driven ชี้ให้เห็นว่า 3Q25 จะเป็นช่วงเวลาสะสมหุ้นกลุ่มเคมีฯ (PTTGC IVL) แม้ว่าเศรษฐกิจโลกจะอ่อนแอใน 3Q25 แต่จะเริ่มฟื้นตัวใน 4Q25 ซึ่งจะส่งผลดีต่อความต้องการและส่วนต่างราคาเคมี (spread) ที่น่าจะฟื้นตัวตาม จากปัจจุบันที่ต่ำกว่า Breakeven
การวิเคราะห์เชิงปริมาณชี้ว่าหลังจาก supply ใหม่เข้าตลาดจำนวนมากในปี 2023-1H24 ตลาดได้ผ่านพ้นช่วง oversupply ไปแล้ว ขณะเดียวกัน อุปสงค์จะเร่งตัวตามเศรษฐกิจโลกที่เริ่มฟื้นตัวใน 4Q25 จากมาตรการกระตุ้นของจีนและเศรษฐกิจสหรัฐพ้นช่วง Trade war คาด spread หลานผลิตภัณฑ์ว่าจะฟื้นขึ้นอย่างมีนัยใน 4Q25
ในอีกด้าน กลุ่มเคมีฯ ซื้อขายที่ 2025 PBV เพียง 0.5x ต่ำสุดนับตั้งแต่วิกฤตการเงินโลก 2008 ขณะที่ Spread น่าจะเริ่มฟื้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า จึงมองว่าเป็นโอกาสสะสม

Fundamental view: เราปรับคำแนะนำกลุ่มขึ้นเป็น "เท่ากันตลาด" (จากเดิม "น้อยกว่าตลาด") โดยเลือก IVL เป็น Top Pick จากแนวโน้มกำไรที่มั่นคงกว่า ขณะที่ PTTGC มี valuation ที่น่าสนใจและมีโอกาสฟื้นตัวแรง หาก spreads เริ่มฟื้นตัวใน 4Q25 ตามที่คาด โดยเราแนะนำ “ซื้อ” ทั้งคู่

 

 


TCAP
(Visit Note)
ทุนธนชาต ความท้าทายรออยู่ข้างหน้า
ภาพรวมธุรกิจสินเชื่อของ TCAP ยังระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อใหม่ในปีนี้ เพราะกังวลเกี่ยวเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวล่าช้า ทำให้ยังให้ความสำคัญกับคุณภาพลูกหนี้มากกว่าการเติบโต ทำให้เราคาดสินเชื่อของ TTB และ THANI จะลดลงต่อเนื่อง ณ YE25 ทั้งนี้ TCAP ประเมินว่าคุณภาพสินทรัพย์ของ TTB และ THANI จะบริหารจัดการได้
สำหรับธุรกิจโรงแรมและศูนย์การค้าของ MBK จะได้ผลบวกจากการปรับเพิ่มค่าเช่าและและค่าที่พักสูงขึ้น แต่เราเห็นความท้าทายจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามาไทยจะลดลงได้ในปีนี้ ส่วนธุรกิจประกันภัยจะเผชิญปัจจัยกดดันจากการแข่งขันในธุรกิจประกันรถยนต์ที่รุนแรงขึ้นด้วยเช่นกัน
ตลาดปรับลดประมาณการกำไรปี 2025 ของ TCAP ลงต่อเนื่องราว 8% ตั้งแต่ ก.ย. 24 โดยเราประเมินว่ามีความเสี่ยงที่ตลาดจะปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2025 ลงได้อีกในอนาคต หากเศรษฐกิจยังฟื้นตัวช้ากว่าที่คาด ทำให้แม้ว่าตลาดคาด dividend yields ของ TCAP ที่ 7% แต่ก็มีหุ้นในกลุ่มธนาคารหลายตัวที่มี dividend yields สูงกว่า 7% ที่เราชอบมากกว่า ได้แก่ KTB, SCB และ TISCO

 

วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
นภนต์ ใจแสน นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
ภูวดล ภูสอดเงิน, AISA นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

สมเด็จฮุน เซน สุมไฟ By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ สมเด็จฮุน เซน สุมไฟ การเมืองไทย ผ่าน โซเซียล มีเดีย ทำให้ได้เห็น ได้ฟัง....เรียกว่า

"ยูเอซี" ผนึก 3 ภาคส่วน ภาครัฐ-ภาคเอกชน-ภาคประชาสังคม เซ็น MOU พัฒนาต้นแบบระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน

"ยูเอซี" ผนึก 3 ภาคส่วน ภาครัฐ-ภาคเอกชน-ภาคประชาสังคม เซ็น MOU พัฒนาต้นแบบระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน

INETREIT จัดประชุมผู้ถือหน่วยทรัสต์ ไฟเขียวเพิ่มทุนครั้งที่ 2 เสริมแกร่งกองทรัสต์ เดินหน้าลงทุน Data Center ส่วนขยาย

INETREIT จัดประชุมผู้ถือหน่วยทรัสต์ ไฟเขียวเพิ่มทุนครั้งที่ 2 เสริมแกร่งกองทรัสต์ เดินหน้าลงทุน Data Center ส่วนขยาย

มัลติมีเดีย

รู้จักพร้อมเปิดพื้นฐาน NUT ก่อนเทรด 11 มิ.ย.- สายตรงอินไซด์ - 9 มิ.ย.68

รู้จักพร้อมเปิดพื้นฐาน NUT ก่อนเทรด 11 มิ.ย.- สายตรงอินไซด์ - 9 มิ.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้