คาด SET Index แกว่งตัวออกข้าง: หลังมีแรงหนุนในหุ้นกลุ่มธนาคาร ส่งออก และ นิคมอุตสาหกรรมผ่านการคงดอกเบี้ย และปรับคาดการณ์ GDP ของกนง. ขณะที่เห็น Regulation risk ในตลาดสหรัฐ เพิ่มความน่าสนใจของตลาดเอเชีย ท่ามกลางการเตรียมเจรจา US-Iran ที่กดดันราคาน้ามันดิบให้แกว่งแคบๆ

แนวรับ-ต้าน
1,095–1,120

กลยุทธ์การลงทุน
1) กนง.คงดอกเบี้ย: BBL, KBANK, KTB, SCB
2) มาตรการภาครัฐ: CENTEL, CPALL, CPAXT,ERW, MINT, PYLON, SCC, STECON, UNIQ
3) ส่งออกดี : KCE, HANA, DELTA, TFG, CPF
4) การผลิตโต : WHA, AMATA
5) Anti-comm.: BGRIM, GPSC, SCGP

กนง.คงดอก แต่ทรัมป์คงไม่ยอมแล้ว
กนง.คงดอกเบี้ย ส่งออก และ ผลิตคือพระเอก : ที่ประชุมกนง.มีมติ 6ต่อ 1 เสียงเห็นชอบให้คงอัตราดอกเบี้ย โดยที่ประชุมเห็นถึงการขยายตัวของภาคการผลิต และ ส่งออก ที่ดีกว่าคาด แต่เศรษฐกิจยังมีความเสี่ยงจากประเด็นกำแพงภาษีสหรัฐในระยะถัดไป ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์และ ปัจจัยภายในประเทศ ทำให้นโยบายในเชิงผ่อนคลายยังมีความจา เป็น ซึ่งการปรับลดอัตราดอกเบยี้ ในชว่ งที่ผ่านมาสามารถรองรับความเสี่ยงได้ระดับหนึ่ง ทำให้กรรมการส่วนใหญ่ยังเห็นควรให้คงอัตราดอกเบี้ย นอกจากนี้ประเด็นด้านจังหวะเวลา Policy Spaceรวมถึงประสิทธิภาพของนโยบายการเงินที่มีจำกัด ในช่วงความไม่แน่นอนสูง เป็นเรื่องที่สำคัญ ที่ประชุมยังปรับเพิ่มคาดการณ์GDP ปี68 จากเดิมที่ 2% ใน Reference Scenario เป็น 2.3% มองเป็นบวกต่อหุ้นในกลุ่มธนาคาร ส่งออก และ นิคมอุตสาหกรรม

ทรัมป์ไม่ทน ไม่ลดดอกเบี้ย ก็เตรียมตัวออกไป : ประธานเฟดให้ความเห็นเพิ่มเติมต่อวุฒิสภาในการแถลงนโยบายการเงินวนั ที่ 2 ว่า“คำถามคือ ใครจะเป็นคนจ่ายสำหรับกำแพงภาษีในครั้งนี้และ และมันจะแสดงมูลค่าออกมาในรูปแบบของเงินเฟ้อเท่าไหร่ ซ่ึงยากที่จะคาดการณ์ล่วงหน้า” เป็นสัญญาณในเชิง Hawkish โดยทรัมป์แสดงความไม่พอใจต่อท่าทีดังกล่าวพร้อมเรียกพาวเวลล์ว่า “คุณมันห่วย”และ เตรียมพิจารณา Candidate จำนวน 3-4 คน เพื่อนำมาแทนในตำแหน่งประธานเฟด นักวิเคราะห์บางท่านมองว่าหากทรัมป์ทำสำเร็จจะเป็นการชักนำนโยบายการเงินสหรัฐออกจากเงามืด ทางฝ่ายมองเพิ่ม Regulation risk ซึ่ง เป็นแรงกดดันความน่าสนใจในการลงทุนตลาดหุ้นสหรัฐ และกดดัน Dollar Index ลงแตะระดับ 97.47 จุด ทำจุดต่าสุดในรอบ 4 ปี

สหรัฐเตรียมจัดการประชุมกับอิหร่านในสัปดาห์หน้า: ทรัมป์เผยเตรียมจัดการประชุมเพื่อหาทางออกร่วมกันกับอิหร่านสัปดาห์หน้าในประเด็นสงครามอิสราเอล-อิหร่าน โดยยืนยันว่า สงครามครั้งนี้จบลงได้ด้วยยุทธวิธีทางทหารของสหรัฐ พร้อมเสริมว่าการทิ้งระเบิดแบบนัน้อาจมี หรือไม่มีอีกก็ได้ในอนาคต มองช่วยลดความกังวลความไม่สงบในตะวันออกกลาง กดดัน Upside ของราคาน้ำมันดิบ WTI ล่าสุดแกว่งตัวแคบๆ บริเวณ $65 กดดันหุ้นพลังงานต้นน้ำ และ โรงกลั่น

ปัจจัยเพิ่มเติม
(+)หนึ่งในกรรมการบอร์ดธนาคารกลางญี่ปุ่น เผย BOJ อาจจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย "อย่างเด็ดขาด" เพื่อรับมือกับความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น แม้ยังมีความไม่แน่นอนจากภาษีของสหรัฐฯ มีโอกาสกดดันค่าเงินบาทอ่อนค่า หนุนหุ้นกล่มุ ชิ้นส่วนอเิล็กฯ และ ส่งออก
(+) รมช.คมนาคมเผยว่ากำลังเร่งพิจารณาร่างกฏหมายรถไฟฟ้า 20 บาท ตลอดสาย คาดจะแล้วเสรจ็ในสัปดาห์หน้า และจะเริ่มบังคับใช้ในเดือน ก.ย.– ต.ค. 68มองเป็นบวกต่อกำลังซื้อในประเทศ
(+) นายกฯจีนเผยจีนมีความเชื่อมั่นและมีความสามารถในการรักษาการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยยังเห็นการเติบโตของตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจในไตรมาส 2คาดจีนจะกลายเป็นประเทศรายได้สูง ซึ่งมีสัดส่วนการบริโภคเยอะในอนาคต
(+) กบน.มีมติให้ลดเงินชดเชยกองทุนน้ามันเชื้อเพลิงให้กับน้ำมันดีเซลลง 1.50บาท/ลิตร หลังสงครามตะวันออกกลางมีทางออก บวกต่อกลุ่มค้าปลีกน้ามัน

ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน
ธรีดา ชาญยิ่งยงค์- นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์ และทางเทคนิค #9501
ชุติกาญจน์ สันติเมธวิรุฬ, CISA – นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน และทางเทคนิค #37928
ภัทรดนัย จตุรพร – นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน #094041
พศุตม์ โงวิวัฒน์ชัย, CISA – นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน #127632
ฐนพงษ์ แซ่โล้ – ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
ชนพัฒน์ สุวิยานนท์ – ผู้ช่วยนักวิเคราะห์