สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(24 มิถุนายน 2568)--------ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศคงอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาว (Long-Term Issuer Default Rating) ของธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBank ที่ 'BBB' และคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวที่ 'AA+(tha)' แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ นอกจากนี้ ฟิทช์ประกาศคงอันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน (Viability Rating หรือ VR) ที่ 'bbb' อันดับเครดิตสนับสนุนจากรัฐบาล (Government Support Rating: GSR) ที่ 'bbb' และคงอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะสั้นที่ 'F2'
ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต
อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวพิจารณาจากอันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน:อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาว และอันดับเครดิตภายในประเทศของ KBank พิจารณาจากโครงสร้างเครดิตของตัวธนาคารเองซึ่งสะท้อนจากอันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน และอยู่ในระดับเดียวกันกับอันดับเครดิตสนับสนุนจากรัฐบาล อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะสั้น 'F2' เป็นตัวเลือกที่สูงกว่า เพื่อสะท้อนถึงโอกาสที่รัฐบาลจะให้การสนับสนุนซึ่งมีความแน่นอนกว่าในระยะสั้น อันดับเครดิตภายในประเทศยังสะท้อนถึงโครงสร้างเครดิตของธนาคารในเชิงเปรียบเทียบกับธนาคารหรือบริษัทอื่นที่ได้รับการจัดอันดับในประเทศด้วย
ภาวะอุตสาหกรรมมีแนวโน้มที่อ่อนแอลง: อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มที่จะยังคงทรงตัวอยู่ในระดับต่ำในปี 2568 ซึ่งเป็นผลมาจากความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจโลกที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยเนื่องจากเป็นระบบเศรษฐกิจแบบเปิด (open economy) ที่มีสัดส่วนการค้าระหว่างประเทศค่อนข้างสูง สถานการณ์ดังกล่าวจะเป็นข้อจำกัดต่อโอกาสการเติบโตและผลการดำเนินงานของธนาคาร ฟิทช์ให้อันดับคะแนนปัจจัยด้านสภาพแวดล้อมในการดำเนินงานที่ 'bbb' ซึ่งเป็นในระดับที่สูงกว่าเมื่อเทียบกับอันดับคะแนนตามเกณฑ์เนื่องจากฟิทช์เชื่อว่ารัฐบาลไทย (BBB+/Stable) มีบทบาทสำคัญในการสร้างเสถียรภาพให้กับตลาดการเงิน อาทิ มาตรการกำกับดูแลและมาตรการทางการคลังที่นำมาใช้ระหว่างช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า
เครือข่ายธุรกิจภายในประเทศที่แข็งแกร่ง: KBank เป็นหนึ่งในธนาคารที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศไทย โดยมีส่วนแบ่งการตลาดที่ 16% ซึ่งช่วยให้ธนาคารมีขนาดธุรกิจเพียงพอที่จะสามารถดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและสามารถแข่งขันได้ในหลากหลายกลุ่มผลิตภัณฑ์ อีกทั้งธนาคารมีการดำเนินงานที่หลากหลายและมีฐานลูกค้าที่มั่นคงทั่วประเทศ รวมถึงเป็นหนึ่งในธนาคารชั้นนำของไทยในการให้บริการด้านธุรกรรมธนาคาร (transactional banking) อย่างไรก็ตามฟิทช์พิจารณาว่าสภาพแวดล้อมในการดำเนินงานเป็นข้อจำกัดที่เพิ่มขึ้นต่อผลการดำเนินงานของธนาคารตลอดวัฏจักรเศรษฐกิจ ซึ่งสอดคล้องกับธนาคารขนาดใหญ่รายอื่น ๆ จึงปรับลดอันดับคะแนนปัจจัยด้านโครงสร้างการดำเนินธุรกิจของ KBank เป็น ‘bbb’ จาก 'bbb+'
โครงสร้างความเสี่ยงสะท้อนความผันผวน: อันดับคะแนนปัจจัยด้านโครงสร้างความเสี่ยงของ KBank ที่ 'bbb-' สะท้อนถึงการมีสัดส่วนสินเชื่อกลุ่มลูกค้า SME ที่มากกว่าธนาคารขนาดใหญ่รายอื่น ซึ่งสินเชื่อกลุ่มลูกค้า SME มีความเปราะบางมากกว่า ทั้งนี้ในช่วงที่สภาพเศรษฐกิจอ่อนแอธนาคารได้ปรับนโยบายการให้สินเชื่อให้มีความระมัดระวังมากขึ้นและมีการเติบโตของสินเชื่อในระดับต่ำตั้งแต่ปี 2565 อย่างไรก็ตาม ฟิทช์คาดว่าธนาคารอาจมีนโยบายกลับมาเน้นการเติบโตเมื่อสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้น
แนวโน้มคุณภาพสินทรัพย์มีเสถียรภาพ: อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมของ KBank อยู่ที่ 3.7% ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2568 (ปี 2567: 3.6%, ปี 2566: 3.7%) โดยมีการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย เนื่องจากธนาคารมุ่งเน้นในการบริหารความเสี่ยงของพอร์ตสินเชื่ออย่างต่อเนื่อง ฟิทช์คาดว่าสินเชื่อด้อยคุณภาพที่เพิ่มเข้ามาใหม่ของธนาคารจะยังคงอยู่ในระดับที่สามารถบริหารจัดการได้ โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการนโยบายสินเชื่อที่ระมัดระวังเพิ่มขึ้นและมีอัตราการเติบโตของสินเชื่อที่ค่อนข้างต่ำมาตั้งแต่ปี 2565 ดังนั้น อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมเฉลี่ย 4 ปี น่าจะยังอยู่ต่ำกว่า 4% ได้ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนคะแนนด้านปัจจัยด้านคุณภาพสินทรัพย์ของธนาคารที่ 'bbb-' ในปัจจุบัน
กำไรมีแนวโน้มลดลงแต่ยังอยู่ในเกณฑ์ดี: KBank มีความสามารถในการทำกำไรที่แข็งแกร่ง โดยมีอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานต่อสินทรัพย์เสี่ยงที่ 2.8% ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2568 (ปี 2567: 2.3%) ซึ่งจะช่วยหนุนผลประกอบการทั้งปีได้ในระดับหนึ่ง เนื่องจากฟิทช์คาดว่าอัตรากำไรอาจจะลดลงในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 จากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิที่ลดลงและแนวโน้มภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอลง อย่างไรก็ตาม ฟิทช์คาดว่าอันดับคะแนนปัจจัยด้านความสามารถในการทำกำไรจะยังคงสอดคล้องกับอันดับคะแนนปัจจุบันที่ 'bbb-'
ฐานะเงินกองทุนที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง: อันดับคะแนนปัจจัยด้านเงินกองทุนและระดับหนี้สินของ KBank ที่ 'bbb+' สะท้อนถึงอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของ (CET1) ที่อยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง โดยเพิ่มขึ้นเป็น 17.6% ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2568 (ปี 2567: 17.3%, ปี 2566: 16.5%) จากการสะสมกำไร ฟิทช์คาดว่าอัตราส่วน CET1 จะยังคงช่วยรองรับความเสี่ยงเชิงลบที่อาจเกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่การเติบโตของสินเชื่อจะยังอยู่ในระดับต่ำต่อเนื่องในช่วงสองปีข้างหน้า
เครือข่ายธุรกิจด้านเงินฝากเงินสนับสนุนสภาพคล่อง: อันดับคะแนนปัจจัยด้านการระดมทุนและสภาพคล่องของ KBank ที่ 'bbb' สะท้อนถึงโครงสร้างการระดมทุนที่มีเสถียรภาพ โดยธนาคารมีอัตราส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากที่ 90% ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2568 (ปี 2567: 92.8%) เงินฝากบัญชีกระแสรายวันและบัญชีออมทรัพย์คิดเป็น 80% ของเงินฝากทั้งหมด เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของกลุ่มธนาคารที่ 68% ซึ่งสะท้อนถึงความแข็งแกร่งของฐานลูกค้าและความสามารถของธนาคารในการเข้าถึงเงินฝากที่มีเสถียรภาพและต้นทุนต่ำ
อันดับเครดิตสนับสนุนจากรัฐบาลพิจารณาจากความสำคัญเชิงระบบ: อันดับเครดิตสนับสนุนจากรัฐบาล (GSR) ของ KBank อยู่ต่ำกว่าระดับอันดับเครดิตภาครัฐของไทยหนึ่งอันดับ ซึ่งสะท้อนมุมมองของฟิทช์ที่ว่าธนาคารเป็นสถาบันการเงินที่มีความสำคัญเชิงระบบ (DSIB) และมีความเป็นไปได้สูงที่ธนาคารจะได้รับการสนับสนุนเป็นพิเศษนอกเหนือจากการดำเนินงานตามปกติจากรัฐบาลไทยในกรณีที่จำเป็นจากรัฐบาล โดย KBank เป็นหนึ่งในธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และได้รับกำหนดโดยธนาคารแห่งประเทศไทยให้เป็น DSIB เนื่องจากขนาดของธนาคารและความเชื่อมโยงกับระบบการเงิน
ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต
ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงลบหรือส่งผลให้เกิดการปรับลดอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)
การปรับลดอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวและอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ KBank จะเกิดขึ้นเมื่อทั้งอันดับเครดิตสนับสนุนจากรัฐบาลและอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินถูกปรับลดอันดับลงพร้อมกัน นอกจากนี้อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของธนาคารอาจได้รับการปรับลดเป็น 'AA(tha)' หากฟิทช์มองว่าโครงสร้างเครดิตของธนาคารปรับตัวอ่อนแอลงเมื่อเทียบกับธนาคารอื่นที่ได้รับการจัดอันดับในประเทศไทย
อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะสั้นของธนาคารอาจถูกปรับลดอันดับหากอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของธนาคารถูกปรับลดลงเป็น 'BBB-'
อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของธนาคารอาจถูกปรับลดอันดับลงได้ หากภาวะเศรษฐกิจอ่อนแอกว่าที่คาดการณ์อย่างมีนัยสำคัญและส่งผลกระทบในเชิงลบต่ออันดับเครดิตของประเทศไทย ซึ่งอาจส่งผลให้ต้องมีการทบทวนการประเมินอันดับคะแนนปัจจัยด้านสภาพแวดล้อมในการดำเนินงานของอุตสาหกรรมธนาคาร และรวมถึงปัจจัยในการพิจารณาอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินด้านอื่นของกลุ่ม เช่น อันดับคะแนนปัจจัยด้านโครงสร้างธุรกิจและอันดับคะแนนปัจจัยด้านโครงสร้างความเสี่ยง
นอกจากนี้อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินอาจได้รับการปรับลดอันดับหากอัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญในด้านต่างๆ ปรับตัวด้อยลงอย่างมีนัยสำคัญ เช่น อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพเฉลี่ย 4 ปี ที่สูงเกิน 6% อัตราส่วนสำรองหนี้สูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพที่ต่ำกว่า 120% อัตราส่วน CET1 ต่ำกว่า 13% และ อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานต่อสินทรัพย์เสี่ยงที่ต่ำกว่า 1.5% อย่างต่อเนื่อง (ปี 2567: 2.3%)
อันดับเครดิตสนับสนุนจากรัฐบาลอาจถูกปรับลดอันดับหากอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของประเทศไทยถูกปรับลด ซึ่งจะบ่งชี้ถึงความสามารถที่ลดลงของรัฐบาลในการสนับสนุน KBank ทั้งนี้การลดลงของโอกาสที่รัฐบาลจะให้การสนับสนุนแก่ KBank อาจทำให้อันดับเครดิตถูกปรับไปในทางลบได้เช่นกัน เช่น หากธนาคารมีส่วนแบ่งการตลาดที่ลดลงอย่างมากหรือมีการเปลี่ยนแปลงของกฎระเบียบอย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตาม ฟิทช์เชื่อว่าโอกาสที่ KBank จะได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาลไม่น่าจะเปลี่ยนแปลงไปในระยะปานกลาง
ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงบวกหรือส่งผลให้เกิดการปรับเพิ่มอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)
อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศ และ อันดับเครดิตภายในประเทศของ KBank อาจได้รับการปรับเพิ่มอันดับหากอันดับเครดิตสนับสนุนจากรัฐบาลหรืออันดับความแข็งแกร่งทางการเงินได้รับการปรับเพิ่มอันดับ ทั้งนี้อันดับเครดิตภายในประเทศของ KBank จะพิจารณาถึงโครงสร้างอันดับเครดิตของธนาคารเทียบกับธนาคารอื่นในประเทศที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตภายในประเทศด้วย
อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของ KBank ไม่น่าจะได้รับการปรับเพิ่มอันดับเป็น 'bbb+' ในระยะสั้นเนื่องจากสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่ยังคงอ่อนแอ ซึ่งอาจจำกัดการปรับตัวดีขึ้นของผลการดำเนินงานและคุณภาพสินทรัพย์ อย่างไรก็ตาม การปรับเพิ่มอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินอาจเกิดขึ้นได้ในระยะยาว หากธนาคารดำเนินการตามกลยุทธ์ได้สำเร็จและนำไปสู่การปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องของฐานะทางการเงินอย่างยั่งยืนโดยที่โครงสร้างความเสี่ยงของธนาคารไม่ได้ปรับตัวแย่ลง เหตุการณ์ดังกล่าวน่าจะได้รับการสนับสนุนจากสภาพแวดล้อมการดำเนินงานที่มีเสถียรภาพหรือแข็งแกร่งขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญมีการปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญและยั่งยืน เช่นอัตรากำไรจากการดำเนินงานต่อสินทรัพย์เสี่ยงเฉลี่ย 4 ปีที่ระดับสูงกว่า 3% และอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมเฉลี่ย 4 ปีที่ระดับต่ำกว่า 3% ร่วมกับการดำรงความสามารถในการรองรับความเสี่ยงอื่นๆ เช่น อัตราส่วนเงินกองทุน CET1 ที่ระดับสูงกว่า 16%
อันดับเครดิตสนับสนุนจากรัฐบาลอาจได้รับการปรับเพิ่มอันดับหากอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของประเทศไทยได้รับการปรับเพิ่มอันดับ ซึ่งจะบ่งชี้ถึงความสามารถที่รัฐบาลจะให้การสนับสนุนแก่ธนาคารที่มีความสำคัญเชิงระบบรวมถึง KBank อย่างไรก็ตามฟิทช์ยังต้องพิจารณาว่าโอกาสในการให้การสนับสนุนแก่ธนาคารที่มีความสำคัญเชิงระบบว่าจะยังคงไม่เปลี่ยนแปลงไปหากอันดับเครดิตของประเทศปรับตัวสูงขึ้นกว่าเดิม
อันดับเครดิตหุ้นกู้และอันดับเครดิตอื่น
หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ
อันดับเครดิตของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิสกุลเงินเหรียญสหรัฐฯ ของ KBank ได้รับการจัดอันดับเครดิตให้อยู่ในระดับเดียวกันกับอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศ เนื่องจากหุ้นกู้ดังกล่าวนับเป็นภาระผูกพันที่ไม่ด้อยสิทธิของธนาคาร
อันดับเครดิตภายในประเทศของโครงการหุ้นกู้ MTN มูลค่าโครงการ 3 หมื่นล้านบาทของ KBank อยู่ในระดับเดียวกันกับอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวและระยะสั้นของธนาคารเนื่องจากอันดับเครดิตของโครงการใช้กับหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิไม่มีหลักประกันที่ออกภายใต้โครงการ
หุ้นกู้ด้อยสิทธิ
ฟิทช์คงอันดับเครดิตหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 ตามเกณฑ์บาเซล 3 มูลค่า 800 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ของ KBank ที่ ‘BB+’ โดยอยู่ต่ำกว่าอันดับเครดิตอ้างอิงซึ่งคืออันดับความแข็งแกร่งทางการเงินอยู่สองอันดับเพื่อสะท้อนความเสี่ยงของการขาดทุนจากการชำระคืนเงินกู้ (loss severity risk) ที่มีสูงกว่าเมื่อเทียบกับตราสารหนี้ที่ไม่ด้อยสิทธิ ทั้งนี้ไม่ได้มีการลดทอนอันดับเครดิตเพิ่มเติมเนื่องจากข้อกำหนดสิทธิของหุ้นกู้ด้อยสิทธิดังกล่าวไม่ได้มีคุณสมบัติรองรับผลขาดทุนในระหว่างการดำเนินกิจการ (going-concern loss absorption)
อันดับเครดิตที่ไม่รวมปัจจัยสนับสนุนจากรัฐบาล
อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะสั้นที่ไม่รวมปัจจัยสนับสนุนจากรัฐบาล (Short-Term IDR(xgs)) เทียบได้กับ 'F3(xgs)' เนื่องจากคะแนนด้านความสามารถในการระดมเงินและสภาพคล่องของธนาคารไม่สอดคล้องกับตัวเลือกอันดับที่สูงกว่า ตามเกณฑ์การพิจารณาอันดับเครดิตของฟิทช์
ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงลบหรือส่งผลให้เกิดการปรับลดอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)
อันดับเครดิตของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิสกุลเงินเหรียญสหรัฐฯ ของธนาคารอาจถูกปรับลดอันดับลงหากมีการปรับลดอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาว
อันดับเครดิตภายในประเทศของโครงการหุ้นกู้ MTN มูลค่าโครงการ 3 หมื่นล้านบาทของ KBank อาจถูกปรับลดอันดับลงหากมีการปรับลดอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวหรือระยะสั้น
การปรับลดอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของธนาคารจะส่งผลให้อันดับเครดิตหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 ของ KBank ได้รับการปรับลดอันดับเช่นกัน
อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะสั้นที่ไม่รวมปัจจัยสนับสนุนจากรัฐบาลของธนาคาร น่าจะถูกปรับลดอันดับลง หากอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของธนาคารถูกปรับลดลงไปที่ 'bb+' หรือ ต่ำกว่า
ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงบวกหรือส่งผลให้เกิดการปรับเพิ่มอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)
อันดับเครดิตภายในประเทศของโครงการหุ้นกู้ MTN มูลค่าโครงการ 3 หมื่นล้านบาทของ KBank อาจได้รับการปรับเพิ่มอันดับหากมีการปรับเพิ่มอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของธนาคารอย่างไรก็ตามอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นของโครงการหุ้นกู้ไม่มีโอกาสที่จะได้รับการปรับเพิ่มอันดับเนื่องจากเป็นอันดับเครดิตที่สูงที่สุดแล้ว
การปรับเพิ่มอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวน่าจะส่งผลให้อันดับเครดิตของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ของธนาคารได้รับการปรับเพิ่มอันดับเช่นกัน
อันดับเครดิตหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 ของ KBank อาจได้รับการปรับเพิ่มอันดับหากอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินได้รับการปรับเพิ่มอันดับ
อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะสั้นที่ไม่รวมปัจจัยสนับสนุนจากรัฐบาลของธนาคารอาจถูกยกเลิกได้หากอันดับความแข็งแกร่งของธนาคารได้รับการปรับเพิ่มอันดับ เนื่องจากอันดับเครดิตสากลทั้งหมดของธนาคารจะมิได้อ้างอิงจากปัจจัยสนับสนุนจากรัฐบาล
บริษัทย่อยและบริษัทในเครือ: ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต
ฟิทช์ประกาศให้อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวที่ 'BBB' แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ แก่ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) สาขาฮ่องกง (KBankHK) อันดับเครดิตของ KBankHK อยู่ในระดับเดียวกันกับ KBank เนื่องจากเป็นนิติบุคคลเดียวกัน
ฟิทช์คงอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันสกุลเงินเหรียญสหรัฐฯ และอันดับเครดิตหุ้นกู้ด้อยสิทธิสกุลเงินเหรียญสหรัฐฯ ที่ออกโดย KBank โดยหุ้นกู้ดังกล่าวจะถูกย้ายไปยัง KBankHK ในฐานะผู้ออกหุ้นกู้
บริษัทย่อยและบริษัทในเครือ: ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต
ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงลบหรือส่งผลให้เกิดการปรับลดอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)
การปรับลดอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศของ KBank จะส่งผลให้อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศของ KBankHK ถูกปรับลดอันดับ
ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงบวกหรือส่งผลให้เกิดการปรับเพิ่มอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)
การปรับเพิ่มอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศของ KBank จะส่งผลให้อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศของ KBankHK ถูกปรับเพิ่มอันดับ
การปรับคะแนนของปัจจัยในการพิจารณาอันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน
อันดับคะแนนที่ให้แก่ปัจจัยด้านสภาพแวดล้อมในการดำเนินงานที่ 'bbb' อยู่สูงกว่าคะแนนตามเกณฑ์ซึ่งอยู่ในกลุ่ม 'bb' เนื่องจากการปรับเพิ่มคะแนนด้วยปัจจัยด้าน 'อันดับเครดิตของประเทศ'
อันดับเครดิตที่มีความเชื่อมโยงกับอันดับเครดิตอื่น
อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของ KBankHK มีความเชื่อมโยงโดยตรงกับอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศของ KBank
การพิจารณาปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG)
ระดับคะแนนที่สูงที่สุดสำหรับความสัมพันธ์ของ ESG ต่ออันดับเครดิต (หากมีการเปิดเผย) แสดงว่าระดับคะแนนจะอยู่ที่ระดับ 3 ซึ่งหมายความว่าปัจจัยด้าน ESG จะไม่ส่งผลกระทบหรืออาจมีผลกระทบในระดับที่น้อยมากต่ออันดับเครดิตของธนาคาร ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยจากลักษณะของธุรกิจหรือจากการบริหารจัดการของธนาคารก็ตามสำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมหาได้จาก www.fitchratings.com/esg
KBank:
รายละเอียดของอันดับเครดิตทั้งหมดมีดังนี้
- อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาว คงอันดับที่ ‘BBB’; แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ
- อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะสั้น คงอันดับที่ ‘F2’
- อันดับความเข็งแกร่งทางการเงิน คงอันดับที่ ‘bbb’
- อันดับเครดิตสนับสนุนจากรัฐบาล คงอันดับที่ 'bbb'
- อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว คงอันดับที่ ‘AA+(tha)’; แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ
- อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้น คงอันดับที่ ‘F1+(tha)’
- อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของหุ้นกู้ ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน คงอันดับที่ ‘BBB’
- อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของหุ้นกู้ด้อยสิทธิคงอันดับที่ ‘BB+’
-อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะสั้นไม่รวมปัจจัยสนับสนุนจากรัฐบาลของธนาคาร คงอันดับที่ ‘F3(xgs)’
KBankHK:
- อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาว คงอันดับที่ ‘BBB’; แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ