สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(24 มิถุนายน 2568)------นาย อมิต ปรากาซ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โพลีเพล็กซ์ (ประเทศไทย) จ่ากัด (มหาชน) ("PTL") เปิดเผยว่า ขอแจ้งต่ลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยถึงข้อพิพาทเกี่ยวกับการลงทนในบริษัท อีโคบลู จำกัด ("EcoBlue')') ซึ่งต้องมีการเปิดเผยข้อมูลเนืองจากมูลค่าของข้อเรียกร้องดังกล่าวมีจำนวนเกินกว่าร้อยละ 5 ของส่วนของผู้ถือห้นรวมของ PTL
PTL ได้ลงทุนใน EcoBlue ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2555 และปัจจุบันถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 66.5 ใน EcoBlue โดยPTL และนายปราเนย์ เจน (ซึ่งเป็นอดีตผู้ถือหุ้นรายย่อย) ได้เข้าทำสัญญาระหว่างผู้ถือหันเกี่ยวกับหุ้นของตนใน EcoBlue ("SHA ) ซึ่งต่อมาในภายหลัง นายปราเนย์ เจน ได้โอนหุ้นของตนใน EcoBlue ให้กับ บริษัทซีโร คาร์บอน พีทีอี ลิมิเด็ด ("ผู้ถือหุ้นรายย่อย") ซึ่งแม้ว่านายปราเนย์ เจน จะได้โอนหุ้นทั้งหมดของตนในEcoBlue ให้กับผู้ถือหุ้นรายย่อยแล้ว นายปราเนย์ เจน ก็ยังคงมีภาระหน้าทีที่ต้องปฏิบัติตามภายใต้ SHA อยู่
ทั้งนี้ Ecoblue ก่อตั้งขึ้นเพื่อด่าเนินธรกิจรีไซเคิลเศษวัสดุจากกระบวนการผลิตฟิล์ม และต่อมาได้ขยายขอบเขตการประกอบธุรกิจการรีไซเคิลขยะหลังการบริโภคและขยะจากภาคอุตสาหกรรม
ในวันที่ 23 มิถุนายน 2568 PTL ได้รับหนังสือจากผู้ถือหุ้นรายย่อย เพื่อแจ้งว่าผู้ถือหุ้นรายย่อยได้ยื่นข้อพิพาทเข้าสู่กระบวนการอนุญาโตตุลาการภายใต้ SHA โดยมีข้อเรียกร้องให้ PTL เข้าซื้อหุ้นของตนในEcoBlue ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 1,312 ล้านบาท โดยที่มูลค่าของข้อเรียกร้องดังกล่าวขึ้นอยู่กับการพิสูจน์ความเสียหายทีเกิดขึ้นจริงตามกฎหมายไทย ทั้งนี้ ในเบื้องต้น PTL เห็นว่า หากในที่สุดแล้วพบว่ามีความรับผิดใด ๆ เกิดขึ้นจริง มูลค่าของข้อเรียกร้องดังกล่าวอาจไม่สะท้อนถึงความรับผิดที่แท้จริงที่เกิดขึ้น เนื่องจากยังมีความไม่แน่นอนหลายประการ ซึ่งรวมถึงการพิจารณาพยานหลักฐานที่ยังอยู่ระหว่างการดำเนินการของทั้งทั้งสองฝ่ายและประเด็นเรื่องเขตอำนาจศาล ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความถูกต้องและความชอบด้วยกฎหมายอย่างมีนัยสำคัญ
สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อพิพาทนั้น นอกเหนือจากข้อต่อสู้อื่น ๆ แล้ว PTL ยังมีความเห็นว่า PTLไม่มีข้อผูกพันใดที่จะต้องซื้อหุ้นใน EcoBlue จากผู้ถือห้นรายย่อยตามที่ถูกกล่าวหา และจะดำเนินการต่อสู้ข้อเรียกร้องตามสิทธิและข้อตกลงที่ระบุไว้ใน SHA ต่อไป
ข้อเรียกร้องของผู้ถือหุ้นรายย่อยต่อ PTL ไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของ PTL แต่อย่างใด โดยบริษัทฯ เห็นว่ากระบวนการทางกฎหมายในกรณีนี้เป็นกลไกในการผดุงความยุติธรรมและแสวงหาข้อเท็จจริงบนพื้นฐานของพยานหลักฐาน ซึ่ง ณ ขณะนี้ กระบวนการอนุญาโตตุลาการยังไม่มีผลกระทบต่อการด่าเนินธุรกิจตามปกติของบริษัทฯ และบริษัทฯ จะยังคงด่าเนินธุรกิจต่อไป โดยยืดมั่นในความรับผิดชอบต่อบต่อผู้มีส่วนได้เสียและธุรกิจที่ดำเนินอยู่อย่างต่อเนื่อง