Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

แอล ดับเบิลยู เอสฯ แนะ ใช้เทคโนโลยี IoT พลิกโฉม การก่อสร้างไทย

85

 


สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(23 มิถุนายน 2568)-------แอล ดับเบิลยู เอสฯ แนะ ใช้เทคโนโลยี IoT มาเพิ่มประสิทธิภาพ การบริหารจัดการ และ ความปลอดภัยในการก่อสร้าง
 
นายประพันธ์ศักดิ์ รักษ์ไชยวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล ดับเบิลยู เอส วิสดอม แอนด์ โซลูชั่นส์ จำกัด บริษัทวิจัยและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ในเครือ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)แนะแนวทางการบริหารจัดการ และ ความปลอดภัยในกระบวนการก่อสร้างในยุคดิจิทัล โดยการใช้เทคโนโลยี Internet of Things (IoT) มายกระดับการก่อสร้างในประเทศไทย จากพื้นที่ก่อสร้างทั่วไป ให้กลายเป็น พื้นที่ก่อสร้างอัจฉริยะ
 
โดยการนำ IoT มาใช้กระบวนการก่อสร้าง ได้แก่ การนำเซ็นเซอร์และอุปกรณ์ IoT มาใช้ภายในโครงการก่อสร้าง ทำให้เราสามารถติดตาม ตรวจสอบ และ ควบคุมการทำงานในส่วนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องจักร วัสดุ คนงาน หรือ สภาพแวดล้อมภายในโครงการก่อสร้างได้แบบเรียลไทม์ ซึ่งส่งผลให้การบริหารงานก่อสร้างมีความแม่นยำ ต้นทุนลดลง และอุบัติเหตุน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด
 
นอกจากการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานแล้ว ผลงานวิจัยที่รายงานโดย Digi International เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2567 ระบุว่า โครงการที่นำ IoT มาใช้สามารถลดต้นทุนได้มากถึง 29% เมื่อเทียบกับการก่อสร้างปกติ
 
โดยการลงทุนเพื่อพัฒนา IoT ในพื้นที่ก่อสร้าง แต่ละพื้นที่จะแตกต่างกันจากข้อมูลของ MatamindZ บริษัทสถาปนิกที่ออกแบบโดยใช้เทคโนโลยี ดิจิทัล ได้ระบุในบทความประจำเดือนมีนาคม 2568 ผ่าน website https://www.metamindz.co.uk/company ว่า การลงทุนนำ IoT มาใช้มีค่าใช้จ่ายโดยเฉลี่ยในด้านของฮาร์ดแวร์ เริ่มต้นประมาณ 30,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 1.02 ล้านบาท ในส่วนของ ซอฟท์แวร์ ในกลุ่มของการพัฒนา แพลตฟอร์ม แอพพลิเคชั่น มีค่าใช้จ่ายประมาณ 50,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 1.7 ล้านบาท ซึ่งค่าใช้จ่ายส่วนนี้เป็นค่าใช้จ่ายเพียงครั้งเดียว และมีค่าใช้จ่ายเรื่องของการพัฒนาและปรับปรุงระบบเฉลี่ย 10,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี หรือประมาณ 340,000 บาท และมีค่าเชื่อมต่อระบบ (Network) ประมาณ 4 - 12 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ ประมาณ 136 - 408 บาทต่อการเชื่อมต่อกับ 1 อุปกรณ์ต่อปี
 
"เมื่อเทียบต้นทุนการก่อสร้างที่ลดลง 29% เมื่อนำเทคโนโลยี IoT มาใช้แล้ว ผมมองว่าคุ้มมาก นี่จึงเป็นโอกาสสำคัญของอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยในการขับเคลื่อนเข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ" นายประพันธ์ศักดิ์ กล่าว
 
4 นวัตกรรม IoT พลิกโฉม ก่อสร้างไทย
นายประพันธ์ศักดิ์ ขยายความการนำ IoT มาใช้ในกระบวนการก่อสร้าง  ประกอบด้วย 4 นวัตกรรม ได้แก่
 
1. IoT กับ การติดตามสถานะเครื่องมือและอุปกรณ์
IoT ช่วยให้สามารถติดตามตำแหน่งของเครื่องมือและอุปกรณ์ภายในโครงการก่อสร้างได้แบบเรียลไทม์ ลดปัญหาการสูญหายและลดค่าใช้จ่ายจากการซื้อซ้ำ นอกจากนี้ยังสามารถตรวจสอบประสิทธิภาพของเครื่องจักรและยานพาหนะ พร้อมวางแผนการบำรุงรักษาเชิงป้องกัน (Predictive Maintenance) เพื่อยืดอายุการใช้งานและลดความเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุในอนาคตได้
 
2. IoT กับควบคุมจากระยะไกล
นอกเหนือจากช่วยเรื่องการติดตามแล้ว IoT ยังช่วยให้สามารถควบคุมการทำงานของเครื่องจักร และอุปกรณ์ต่างๆ ได้จากระยะไกลแม้ไม่ได้อยู่หน้างานโดยตรงก็ตาม ทำให้สามารถลดจำนวนคนควบคุมงานภายในพื้นที่ก่อสร้าง


3. IoT กับ เสริมสร้างความปลอดภัยของคนงาน
  • อุปกรณ์สวมใส่อัจฉริยะ (Wearables) : เช่น หมวกนิรภัยอัจฉริยะและรองเท้าบู๊ตที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต สามารถตรวจจับอัตราการเต้นของหัวใจ อุณหภูมิร่างกาย หรือสัญญาณความเหนื่อยล้า และแจ้งเตือนให้คนงานหยุดพักเมื่อจำเป็น
  • ระบบติดตามตำแหน่ง : ตรวจสอบตำแหน่งของคนงานแบบเรียลไทม์ เพื่อระบุจุดเสี่ยง จุดคอขวด และบริหารจัดการคนงานได้อย่างเหมาะสม
  • เซ็นเซอร์ตรวจจับความเสี่ยง : เช่น Proximity Sensor ที่สามารถแจ้งเตือนเมื่อมีคนงานเข้าใกล้พื้นที่อันตราย หรือเซ็นเซอร์ที่ตรวจสอบควัน ความร้อน โครงสร้างที่ไม่มั่นคง เมื่อมีความเสี่ยง ระบบจะส่งสัญญาณเตือนหรือสั่งหยุดการทำงานโดยอัตโนมัติ
 
4. IoT กับการตรวจสอบคุณภาพงานก่อสร้าง
IoT ยังสามารถใช้ในงานตรวจสอบคุณภาพวัสดุ เช่น เซ็นเซอร์บ่มคอนกรีตที่ฝังไว้ในโครงสร้าง เพื่อวัดอุณหภูมิและความแข็งแรงของคอนกรีตแบบเรียลไทม์ โดยข้อมูลจะถูกส่งไปยังระบบคลาวด์ ทำให้สามารถติดตามความคืบหน้าได้อย่างแม่นยำและวางแผนงานต่อเนื่องได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยแจ้งเตือนความเสื่อมโทรมหรือรอยร้าวที่เกิดขึ้น เพื่อซ่อมแซมได้ก่อนเกิดปัญหาใหญ่
 
แม้ว่า IoT จะมีศักยภาพสูง แต่การประยุกต์ใช้ในโครงการก่อสร้างยังไม่แพร่หลายมากนัก เพราะอุปกรณ์ IoT เป็นต้นทุนที่จะเพิ่มเข้ามาในการก่อสร้าง ทั้งนี้เพื่อให้การเลือกใช้ IoT เกิดประโยชน์สูงสุด ควรมีแนวทางในการพิจารณาดังต่อไปนี้
 
  • เริ่มจากโครงการนำร่องที่วัดผลได้ เลือกใช้อุปกรณ์ IoT กับกระบวนการที่มีปัญหาหรือเป้าหมายชัดเจน เพื่อแสดงผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม
  • เลือกเทคโนโลยีให้เหมาะสมกับไซต์งานก่อสร้าง พิจารณาจากขนาด ลักษณะงาน และสภาพแวดล้อม เพื่อไม่ให้ลงทุนเกินความจำเป็น
  • จัดการข้อมูลอย่างมีระบบ ต้องมีระบบจัดเก็บ วิเคราะห์ และนำข้อมูลมาใช้ในการตัดสินใจจริง ไม่ใช่เพียงเก็บไว้เฉยๆ โดยไม่ได้นำไปใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริง
  • พัฒนาบุคลากร ฝึกอบรมให้พนักงานและผู้บริหารเข้าใจการใช้เทคโนโลยีอย่างถูกต้อง เพื่อเสริมสร้างการยอมรับและการใช้จริงในระยะยาว

"การก้าวเข้ามาของเทคโนโลยีดิจิทัล ได้เปลี่ยนแปลง (Disrupt) ในหลายอุตสาหกรรม รวมทั้งอุตสาหกรรมก่อสร้าง ที่ผมมองว่าเป็นโอกาสในการเพิ่มประสิทธิภาพการก่อสร้าง และลดต้นทุนให้กับผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ในระยะยาว ท่ามกลางสถานการณ์ที่ปัจจัยด้านต้นทุนหลายอย่างปรับตัวขึ้นทั้ง ราคาที่ดิน ค่าแรงขั้นต่ำ ราคาวัสดุก่อสร้าง ฯลฯ
 
ดังนั้นการนำเทคโนโลยี IoT มาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการก่อสร้าง นอกจากจะช่วยลดต้นทุนในการดำเนินงานแล้ว ยังเพิ่มความเร็วในการก่อสร้าง(Speed) ลดต้นทุนทางการเงินได้ทางอ้อม เทคโนโลยี IoT จึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยให้งานก่อสร้างของไทยมีประสิทธิภาพและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น หากถูกวางแผนและนำมาใช้อย่างเหมาะสม IoT จะเป็นรากฐานของการพัฒนาอุตสาหกรรมก่อสร้างให้เข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างยั่งยืน" นายประพันธ์ศักดิ์ กล่าว
 
 
 
 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

บทความล่าสุด

ปิดช่องแคบฮอร์มุช By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ เห็นราคาน้ำมันโลกปรับตัวขึ้น หลังจาก สภาอิหร่าน ลงมติปิดช่องแคบฮอร์มุช ตอบโต้สหรัฐฯจมตี......

NKT เปิดบ้านต้อนรับนักลงทุนเยี่ยมชมโรงพยาบาลนครธน

NKT เปิดบ้านต้อนรับนักลงทุนเยี่ยมชมโรงพยาบาลนครธน

มัลติมีเดีย

รู้จักพร้อมเปิดพื้นฐาน NUT ก่อนเทรด 11 มิ.ย.- สายตรงอินไซด์ - 9 มิ.ย.68

รู้จักพร้อมเปิดพื้นฐาน NUT ก่อนเทรด 11 มิ.ย.- สายตรงอินไซด์ - 9 มิ.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้