ป่วยเรื้อรัง
TOP PICK PTTEP / PTT

EXTERNAL FACTOR

• ประเด็นสงครามแถบตะวันออกกลางเข้ามากดดันให้ตลาดหุ้นโลกผันผวน หนุนราคาน้ำมันเช้านี้ดีดตัว
• แต่ถ้าสถานะการยืดเยื้ออาจเห็น FUND FLOW มีโอกาสเคลื่อนย้ายเข้ามาตลาดหุ้นไทยมากขึ้น เพราะตลาดหุ้นไทยมีสัดส่วนหุ้นพลังงานสูงราว 22% (SECTOR ENERG+ PETRO) ขณะที่หุ้นโลกมีสัดส่วนหุ้นพลังงานเพียง 3.58% แนะนำ TRADING หุ้นน้ำมัน PTT, PTTEP, TOP, BCP รวมถึง DR หลบเลี่ยงความเสี่ยงข้างต้น JAPAN13,OIL03, GOLD03

INTERNAL FACTOR
• นายกฯ กัมพูชาสั่งระงับนำเข้าน้ำมัน-ก๊าซจากไทย และขู่ว่าหากสถานการณ์ด่านชายแดนยังไม่คลี่คลาย จะระงับการนำเข้าสินค้ากระป๋องทุกชนิดจากไทย ทั้งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์, เครื่องดื่มชูกำลัง, ปลากระป๋อง และเนื้อกระป๋อง ซึ่งหุ้นที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบ คือ หุ้นกลุ่มอาหาร-เครื่องดื่ม อาทิ CBG OSP
• โผ ครม.ใหม่ที่ไม่มีพรรคภูมิใจไทยและรวมไทยสร้างชาติ ทำให้การโหวตพิจารณางบประมาณประจำปี 2569 วาระ 2-3 มีความกังวลมากขึ้น ซึ่งหากโหวตไม่ผ่าน ทำให้เม็ดเงินที่จะออกมากระตุ้นเศรษฐกิจในระยะถัดไปขัดสน ซึ่งจะฉุดรั้ง GDP GROWTH

INVESTMENT STRATEGY
• ยุคสมัยปัจจุบันที่พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลมาแล้ว ประมาณ 1 ปี 10 เดือน (22 ส.ค. 23 – 20 มิ.ย. 25) SETINDEX ปรับตัวลงมาแล้ว -30% อยู่ที่ 1067 จุด และเป็นการลดลงจากจุดสูงสุดที่ 1576 จุด มาแล้วกว่า -47%ทั้งปัจจัยภายนอกและภายในกดดันมาตลอด รวมถึงการออกนโยบายได้ไม่เต็มที่จากการเป็นรัฐบาลพรรคร่วม
• จนทำให้มีหุ้นที่มี UPSIDE หากกลับไปจุดสูงสุดเดิมช่วง 22 ส.ค. 23 –20 มิ.ย. 25ได้เกิน 100% ถึง 333 บริษัทจากบริษัททั้งหมดใน SET 736 บริษัท และมีหุ้นใน SET100 ที่มี UPSIDE หากกลับไปจุดสูงสุดเดิมช่วง 22 ส.ค.23 –20 มิ.ย. 25ได้เกิน 100% กว่าครึ่งหรือ 50 บริษัท แนะนำทยอยสะสมหุ้นผู้นำอุตสาหกรรมที่ราคาลงมาลึกเกินครึ่งในช่วงปีเศษๆ จน UPSIDE เปิดกว้าง อย่าง BGRIM, M, CRC, AOT, LH, CENTEL, WHA, SCC

ศึกนอกร้อนรุ่ม เสี่ยงคุมเงินเฟ้อยาก
ช่วงวันหยุดที่ผ่านมา สหรัฐฯ ใช้ระเบิดเจาะบังเกอร์ (BUNKER-BUSTER) โจมตีฐานนิวเคลียร์ของอิหร่านโดยตรงเป็นครั้งแรก มุ่งป้า 3 จุด (FORDOW, NATANZ, ISFAHAN) ซึ่งถือเป็นการยกระดับความขัดแย้งในตะวันออกกลางอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนสำหรับอิหร่านการตอบโต้ของอิหร่านยังไม่แน่นอน โดยประกาศว่า “จะตอบโต้ในเวลาที่เหมาะสม” ขณะที่กองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิสลาม (IRGC) อาจเล็งเป้าฐานทัพสหรัฐฯ ในภูมิภาค อย่างไรก็ตามเป็นการเพิ่มความเสี่ยงที่อิหร่านจะปิดช่องแคบฮอร์มุซ (เส้นทางน้ำมันสำคัญของโลก) ซึ่งล่าสุดรัฐสภาอิหร่าน มีมติเห็นชอบการปิดช่องแคบฮอร์มุซ และรอสภาความมั่นคงสูงสุดอิหร่าน ตัดสินขั้นสุดท้ายในแง่มุมของตลาดการเงิน คาดว่าอยู่ในช่วงรอดูการตอบสนองของอิหร่าน หลังยังไม่ได้มีการอนุมัติปิดช่อแคบฮอร์มุซอย่างเป็นทางการ กดดันให้ตลาดหุ้น FUTURE ย่อตัวลงเช้านี้ราว -0.1% ถึง -0.8% ส่วนราคาน้ำมันดับ WTI ดีดตัวขึ้น +2.6% Vและราคาทองคำขยับขึ้นเล็กน้อยราว +0.2%

ขณะที่ BLOOMBERG ประเมิน 3 ฉากทัศน์หลักของการตอบโต้จากอิหร่าน ดังนี้
- SCENARIO 1: การตอบโต้แบบควบคุมได้ บวกกับผลักดันให้เกิดการหยุดยิง  ราคาน้ำมันอาจลดลงสู่ระดับก่อนสงครามที่ประมาณ $65
- SCENARIO 2: การตอบโต้แบบควบคุมได้ แต่ไม่มีการหยุดยิง  ราคาน้ำมันอาจอยู่ในช่วง $70
- SCENARIO 3: การตอบโต้รุนแรง เช่น โจมตีบุคลากรหรือทรัพย์สินของสหรัฐฯ ปิดช่องแคบฮอร์มุซ(เส้นทางน้ำมัน 1/5 ของโลก)  ราคาน้ำมันอาจพุ่งขึ้นถึง $130

นอกจากนี้BLOOMBERG ยังได้ประเมินกรณีราคาน้ำมันดิบ BRENT พุ่งขึ้นเป็น 100$ และ 130$ อาจทำให้เงินเฟ้อสหรัฐฯ ดีดตัวเป็น +3.2% และ +3.9% ตามลำดับ ในเดือนมิ.ย.68 ทั้งนี้ ความเสี่ยงเงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มสูงขึ้นอาจทำให้การเดินหน้าปรับลดดอกเบี้ยของ FED ดูยากลำบากมากขึ้น

สรุป ประเด็นสงครามแถบตะวันออกกลางเข้ามากดดันให้ตลาดหุ้นโลกผันผวน หนุนราคาน้ำมันเช้านี้ดีดตัว แต่ถ้าสถานะการยืดเยื้ออาจเห็น FUND FLOW มีโอกาสเคลื่อนย้ายเข้ามาตลาดหุ้นไทยมากขึ้น เพราะตลาดหุ้นไทยมีสัดส่วนหุ้นพลังงานสูงราว 22% (SECTOR ENERG + PETRO) ขณะที่หุ้นโลกมีสัดส่วนหุ้นพลังงานเพียง 3.58%แนะนำ TRADING หุ้นน้ำมัน PTT, PTTEP, TOP, BCP รวมถึง DR หลบเลี่ยงความเสี่ยงข้างต้น JAPAN13, OIL03,GOLD03

ความเสี่ยงทั้งศึกขอบ และศึกใน ทำให้ SET จะผันผวนต่อ
หลังจากความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา เริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จากกรณีคลิปเสียงหลุดของผู้นำทั้ง 2 ประเทศ ส่งผลให้เกิดการตอบโต้กันไปมาของทั้ง 2 ฝ่าย โดยล่าสุดนายกฯกัมพูชาสั่งระงับนำเข้าน้ำมัน-ก๊าซจากไทย และขู่ว่าหากสถานการณ์ด่านชายแดนยังไม่คลี่คลาย จะระงับการนำเข้าสินค้ากระป๋องทุกชนิดจากไทย ทั้งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์,เครื่องดื่มชูกำลัง, ปลากระป๋อง และเนื้อกระป๋อง ซึ่งหุ้นที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบ คือ หุ้นกลุ่มอาหาร-เครื่องดื่ม อาทิCBG (สัดส่วนรายได้ หรือ กำไรมากกว่า 10%) OSP (สัดส่วนรายได้ หรือ กำไร5-10%) เป็นต้นขณะที่การเมืองไทยยังร้อนแรง หลังนายกฯไทยประกาศไม่ลาออก-ไม่ยุบสภา ขอเดินหน้าแก้ไขปัญหาต่างๆต่อไป อาทิวิกฤตชายแดน, ภาษีนำเข้าสหรัฐฯ เป็นต้น อีกทั้งมีโผ ครม.ใหม่ที่ไม่มีพรรคภูมิใจไทยและรวมไทยสร้างชาติ ทำให้เกิดความไม่แน่นอนของการโหวตพิจารณางบประมาณประจำปี 2569 วาระ 2-3 ในช่วง 13-15 ส.ค.68 มากขึ้น ซึ่งหากโหวตไม่ผ่าน ทำให้เม็ดเงินที่จะออกมากระตุ้นเศรษฐกิจในระยะถัดไปขัดสน ซึ่งจะกดดันให้ GDP GROWTH ในปี68-69 อาจต่ำกว่าประมาณการที่หลายสำนักเศรษฐกิจคาดการณ์ไว้ อีกทั้งยังมีความร้อนแรงฝั่งนอกสภา(การชุมนุม)มากขึ้น โดยม็อบ คปท. โหมโรงปลุกมวลชน 24-27 มิ.ย.68 ร่วมชุมใหญ่ขับไล่นายกฯ ก่อนที่จะชวนคนกรุงต่างจังหวัดชุมนุมใหญ่ 28 มิ.ย.68 ที่บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิซึ่งโดยปกติแล้วหากมีการชุมนุมนอกสถาจะกดดันGDP ในส่วนของ การบริโภคเอกชน การลงทุนภาครัฐฯ และการท่องเที่ยว

ยุคมืด แต่มีหุ้นอันดับต้นๆ ในอุตสาหกรรมให้สะสมเยอะ
ยุคสมัยปัจจุบันที่พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลมาแล้ว ประมาณ 1 ปี 10 เดือน (22 ส.ค. 23 –20 มิ.ย. 25) SET INDEXปรับตัวลงมาแล้ว -30% อยู่ที่ 1067 จุด และเป็นการลดลงจากจุดสูงสุดที่ 1576 จุด มาแล้วกว่า -47% ทั้งปัจจัยภายนอกและภายในกดดันมาตลอด รวมถึงการออกนโยบายได้ไม่เต็มที่จากการเป็นรัฐบาลพรรคร่วม

จนทำให้มีหุ้นที่มี UPSIDE หากกลับไปจุดสูงสุดเดิมช่วง 22 ส.ค. 23 –20 มิ.ย. 25ได้เกิน 100% ถึง 333 บริษัท จากบริษัททั้งหมดใน SET 736 บริษัท และมีหุ้นใน SET100 ที่มี UPSIDE หากกลับไปจุดสูงสุดเดิมช่วง 22 ส.ค. 23 –20มิ.ย. 25ได้เกิน 100% กว่าครึ่งหรือ 50 บริษัท

แม้ตลาดฯ ยังมีปัจจัยเสี่ยงจากปัจจัยภายนอก แต่ราคาหุ้นก็สะท้อนปัจจัยต่างๆ จนลงมาลึกมากๆ ดังนั้นสำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้มาก และเน้นการลงทุนระยะกลาง-ยาว แนะนำทยอยสะสมหุ้นผู้นำอุตสาหกรรมที่ราคาลงมาลึกเกินครึ่งในช่วงปีเศษๆ จน UPSIDE เปิดกว้าง อย่าง BGRIM, M, CRC, AOT, LH, CENTEL, WHA, SCC

Research Division
จัดทำโดย
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์