Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

บล.บัวหลวง : รอบด้านตลาดหุ้น

98

 

ภาพตลาดและแนวโน้ม

 

สัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เริ่มเผชิญแรงกดดันจากปัจจัยลบด้านความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล-อิหร่านที่ปะทุขึ้น และท่าทีของเฟดในการประชุม FOMC ที่แสดงความกังวลต่อความไม่แน่นอนจากนโยบายภาษีที่อาจมีต่อเศรษฐกิจและเงินเฟ้อในระยะข้างหน้า ส่วนเครื่องมือที่ชี้วัด Sentiment ส่งสัญญาณว่าความเชื่อมั่นของตลาดปรับตัวแย่ลง


ดัชนี CNN Fear & Greed ปรับตัวลงจากระดับ 62 คะแนนในสัปดาห์ก่อนหน้า มาอยู่ที่ 54 คะแนนในปัจจุบัน ซึ่งเป็นการเปลี่ยนจากโซน Greed สู่โซน Neutral ขณะที่ค่า Put/Call Option Ratio ดีดตัวแรงจากระดับต่ำสุดที่ 0.64 ในวันที่ 13 มิ.ย. ล่าสุดอยู่ที่ 0.73 ตามที่เราแจ้งเตือนไปในสัปดาห์ก่อน


ส่วนผลสำรวจความเชื่อมั่นนักลงทุนของ AAII ชี้ถึงมุมมองเชิงลบของนักลงทุนต่อแนวโน้มตลาด โดยมุมมอง Bearish ของนักลงทุนต่อแนวโน้มตลาดในช่วง 6 เดือนข้างหน้าปรับตัวเพิ่มขึ้น 7.8% เป็น 41.4% (และสูงกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 31.2%) ขณะที่มุมมอง Bullish ลดลง 3.5% เหลือ 33.2% (และต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 37.6%) ส่วนนักลงทุนที่มีมุมมอง Neutral ลดลง 4.3% มาอยู่ที่ 25.4% สำหรับ Bull-Bear Spread ปรับลดลงมาถึง 11.3% ภายในสัปดาห์เดียว จนอยู่ในโซนลบที่ -8.2% (ค่าเฉลี่ยเป็น +6.5%) สะท้อนว่านักลงทุน มีความกังวลต่อแนวโน้มตลาดในช่วงข้างหน้ามากขึ้น


ขณะที่ Sentiment Indicator ของตลาดหุ้นไทยยังคงอ่อนแอลงต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ห้า และปรับตัวลงแรงในสัปดาห์ล่าสุด โดยมาตรวัด BLS Greed & Fear Barometer ปรับตัวลงจากระดับ 19 คะแนนสู่ระดับ 11 คะแนน ซึ่งยังคงอยู่ในโซน Fear องค์ประกอบที่แย่ลง ได้แก่ ดัชนี Momentum Strength ที่ปรับลงแรงในโซน Negative โดยปรับลงจาก -18.9 จุดสู่ -34.1 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ มี.ค. 2025 รวมถึงความผันผวนของตลาดที่พุ่งสูงขึ้น และ Market Breadth ที่ปรับตัวแย่ลง ขณะที่ดัชนี Bull-to-Bear ยังคงแกว่งตัวในโซนต่ำกว่า Lower-bound ต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 4 ชี้ถึงบรรยากาศการลงทุนที่อ่อนแอ

สรุปภาพตลาดวานนี้

SET ถูกเทขายหนักต่อ จากประเด็นการเมืองที่เพิ่มความร้อนแรง โดยหุ้นใหญ่เป็นตัวถูกกดดันหลักทั้ง ADVANC GULF CPALL BDMS CPN SCC TRUE CPAXT KTB และกลุ่ม BTS-VGI และรับเหมาฯ CK STECON หนักสุด (จากกังวลนโยบายชะลอ) ส่วนตัวค้ำหลักๆ มี DELTA PTT PTTEP (ไม่ลง แต่ก็ไม่ขึ้น)

 

 

 

 



แนวโน้มตลาดวันนี้


กอดหุ้นปันผลเชื่อมโยง ศ. ตปท.
สำหรับประเด็นการเมืองที่เป็น Overhang ตลาดหุ้นอยู่นี้ แม้ว่าหุ้นจะลงมาแรงจนเก็งแรงซื้อรีบาวด์ (โดยเฉพาะหากวันนี้มีความชัดเจนจากพรรคร่วมฯ) แต่เราคิดว่าไม่สามารถนำมาฟันธงได้ว่าเป็นระดับที่ Bottom จากปัจจัยนี้แล้ว ดังนั้น เราจึงยังคงแนะนำให้นักลงทุนระมัดระวังหุ้นบางกลุ่มอยู่ โดยเฉพาะวันนี้วันศุกร์ (มีหยุดเสาร์อาทิตย์ที่ไม่แน่นอน)
กลยุทธ์ยังคงเลี่ยงเก็งกำไรหุ้นที่เชื่อมโยงการบริโภคในประเทศ และหุ้นที่ราคาเพิ่งร่วงจากข้างบน ไม่มีปันผลที่แน่นอนค้ำยัน รวมทั้งหุ้นที่มีสัญญาณลบมากขึ้น อาจจะเป็นเป้าหมายการขายของ นลท. เป็นกลุ่มแรกๆ เช่น สินเชื่ออุตสาหกรรมที่ชะลอ ราคาเนื้อสัตว์ที่ผ่านจุดสูงสุด การบริโภคในประเทศชะลอตัว

และเรายังให้กอด (ถือ) หุ้นที่แนะนำไปอย่างกลุ่มเชื่อมโยงสินค้าโภคภัณฑ์ และเศรษฐกิจโลกต่อไปอีกระยะ โดยเราจะรอจนกว่าหุ้นเชื่อมโยงเศรษฐกิจในประเทศเริ่มนิ่งมากกว่านี้ โดยกลุ่มโรงกลั่น-ปิโตรเครมีที่ชอบมากสุด เพราะเราเห็นว่าแนวโน้มกำไร 2Q25 ที่จะพรีวิวในเดือนหน้า จะเห็นสัญญาณที่ดีขึ้น ตามส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ที่เห็นแล้วว่าขยายตัว QoQ อีกทั้งเมื่อเทียบ Valuation แล้ว น่าจะสบายใจกว่าซื้อการหุ้น High PE/ PBV ในเวลานี้ ที่มีความเสี่ยง De-rate valuation

นอกจากนี้ BLS Research ยังศึกษาเพิ่มเติมกรณีหากเกิดการยุบสภา หรืออุบัติเหตุทางการเมือง จะส่งผลต่อเศรษฐกิจ และกำไรตลาดหุ้นแค่ไหน รวมทั้งโอกาสถูก De-rate valuation บน Worst-case จากความเชื่อมั่นลงไประดับดัชนี 980-1030 ได้ (รายละเอียดอ่านในส่วนสรุปรายงานวันนี้)

กลยุทธ์การลงทุน

กลยุทธ์การลงทุนช่วงนี้ แนะนำ ซื้อเก็งกำไร เล่นรอบ เน้นไปที่หุ้น 1Q25 ส่อแววผ่านจุดต่ำสุด และเริ่มจะเห็นสัญญาณของการฟื้นตัว เช่น กลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์

วิเคราะห์ทางเทคนิค

โมเมนตัม SET ลงเร็วภายหลังหลุดแนวจิตวิทยา 1,100 จุด (ผิดคาด) ขณะที่ผลตอบแทนตลาดตั้งแต่ต้นปี-ปัจจุบันร่วงภึง -12% จากจุดยอดที่ 1,231 จุด จับตาจุด previous low ที่เคยทำไว้ที่ 1,056 จุด เมื่อเดือนเม.ย. 68 ความหวังเล็กๆ หากลงมา test low แล้วเด้งกลับ มีลุ้นรูปแบบกลับตัว “Double bottom” นอกจากนี้ RSI week เข้าสู่เขตแดน oversold เต็มตัว(เกิดขึ้นไม่บ่อย) ส่วนปี covid 2020 ดัชนีเคยลงไปต่ำ 1,000 จุด ใช้เวลาไม่นานดีดขึ้นเลย แต่!ช๊อตสุดท้ายของการลงจะเกิดภาพ panic sell มีแต่ข่าวร้าย!
สรุป: แนวโน้มตลาดอาจอยู่ในช่วงปลายทางขาลง!

 

 

 


What to watch
ปธน.ทรัมป์และคณะบริหารของเขากำลังพิจารณาคือการเข้าร่วมกับอิสราเอลในการโจมตีเป้าหมายนิวเคลียร์ของอิหร่าน ขณะที่แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ กำลังเตรียมพร้อมสำหรับความเป็นไปได้ที่จะมีการโจมตีอิหร่านในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
ด้านผู้นำสูงสุดของอิหร่าน ได้ปฏิเสธข้อเรียกร้องของปธน.ทรัมป์ ที่ต้องการให้อิหร่านยอมจำนนอย่างไม่มีเงื่อนไข ขณะที่ปธน.ทรัมป์กล่าวว่าความอดทนของเขาหมดลงแล้ว แม้ว่าเขาจะไม่ได้ระบุว่าการดำเนินการขั้นตอนต่อไปจะเป็นอย่างไร
รัฐมนตรีต่างประเทศของเยอรมนี ฝรั่งเศส และอังกฤษ วางแผนที่จะจัดการเจรจานิวเคลียร์ร่วมกับรัฐมนตรีต่างประเทศของอิหร่านในวันศุกร์นี้ (20 มิ.ย.) ที่นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เพื่อเรียกร้องให้อิหร่านกลับสู่โต๊ะเจรจา
ปัจจัยในประเทศ วันนี้ติดตามความเคลื่อนไหวของภาคการเมือง โดยเฉพาะฝั่งรัฐบาลในสุดสัปดาห์ // รวมทั้งการรวมตัวชุมนุมประท้วง
ธปท. เคาะ 3 ใบอนุญาต Virtual Bank ได้แก่ 1) เอซีเอ็ม โฮลดิ้ง (มีทรู มันนี่ร่วม) 2) KTB-ADVANC-OR และ 3) SCB-Kakao Bank-WeTechnology
FTSE Rebalance (Effective 20 มิ.ย.) สรุป 1) ลดน้ำหนักหุ้นไทย 2) FTSE All World เพิ่มน้ำหนัก DELTA ลดน้ำหนัก PTT CPN CPF CPALL BDMS 3) Micro Cap เข้าใหม่ MEDEZE NKT OKJ TMAN

หุ้นแนะนำวันนี้
PTT แนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 2 เติบโตดี และปันผลสูงแนวรับ 29.75 ต้าน 31 Stop loss 29

 

รายงานพื้นฐานวันนี้

Event Driven

การประเมินผลกระทบของประเด็นทางการเมืองต่อ GDP ไทย
เราประเมินความเป็นไปได้ของประเด็นทางการเมืองไทย ณ ปัจจุบัน นอกเหนือจากการปรับ ครม. แล้วมีเพิ่มอีก 2 กรณี คือ 1) ยุบสภา เลือกตั้งใหม่ และ 2) เกิดอุบัติเหตุทางการเมือง (รัฐประหาร) ซึ่งแน่นอนว่าทั้ง 2 กรณีที่มีโอกาสเกิดขึ้นนั้น จะส่งผลกระทบต่อการเบิกจ่ายงบประมาณ โดยเฉพาะงบลงทุนในปีงบประมาณ 2569 ที่อาจมีการชะลอการเบิกจ่ายเงินลงทุนในโครงการใหม่ๆ ที่รัฐบาลชุดเดิมได้วางเอาไว้
ทั้งนี้ ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา มูลค่าการลงทุนภาครัฐมีสัดส่วนเฉลี่ยราว 20% ของการลงทุนทั้งหมด (ทั้งของภาครัฐและเอกชน) คิดเป็นสัดส่วนราว 4.7% ของ Nominal GDP โดยผลกระทบทางบวกของการลงทุนภาครัฐต่อการขยายตัวของ GDP หรือ public investment multiplier จะอยู่ราว 0.6 เท่า
หากอ้างอิงข้อมูลในอดีตจะพบว่า มักจะมีการเบิกจ่ายงบลงทุนล่าช้าราว 6 เดือน โดยครั้งนี้อาจส่งผลให้ในช่วงระหว่าง 4Q25-1Q26 ก่อนดีขึ้น 2Q25 เราประเมินผลกระทบต่อ GDP ปี 2025 และ 2026 ดังนี้
1) กรณียุบสภาและเลือกตั้งใหม่ การเบิกจ่ายงบลงทุนจะลดลงต่ำกว่าภาวะปกติราว 30-40% และน่าจะส่งผลกระทบต่อ GDP ราว 0.2%
2) กรณีอุบัติเหตุทางการเมือง (รัฐประหาร) การเบิกจ่ายงบลงทุนจะลดลงต่ำกว่าภาวะปกติ 50-60% และคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อ GDP ราว 0.4%
ทั้งนี้ แม้ขนาดผลกระทบที่ประเมินไว้จะดูจำกัด แต่ความเสี่ยงสำคัญคือความไม่แน่นอนทางการเมืองที่ยืดเยื้อ ซึ่งโดยทั่วไปมักใช้เวลาหลายเดือนในการคลี่คลายและส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่น
ดังนั้น แม้รัฐบาลใหม่อาจเร่งรัดการเบิกจ่ายเพื่อบรรเทาผลกระทบได้ในภายหลัง แต่ประสิทธิผลของการฟื้นตัวจะขึ้นอยู่กับความสามารถในการจัดลำดับความสำคัญของนโยบายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นสำคัญ

 

Event Driven

หากการเมืองสะดุดกระทบกำไรหุ้นแค่ไหน?
สำหรับผลกระทบต่อกำไรตลาดหุ้นไทย ประเมินผลกระทบทางตรงค่อนข้างจำกัด โดยสัดส่วนกำไรกลุ่มเชื่อมโยงก่อสร้าง (วัสดุก่อสร้าง, รับเหมาฯ, ค้าปลีกวัสดุก่อสร้าง) คิดเป็นราว 1.2% ของกำไร ปี 2025, แต่สัดส่วนเชื่อมโยงโครงการภาครัฐฯ คิดเป็นราว 0.4% ของกำไรปี 2025
หากงบประมาณล่าช้าราว 6 เดือน ผลกระทบจะขึ้นอยู่กับการชะลอตัวของการเบิกจ่ายงบลงทุน เบื้องต้น อ้างอิงจากการเบิกจ่ายงบในอดีต
1) กรณียุบสภาและเลือกตั้งใหม่: ประเมินการเบิกจ่ายงบลงทุนจะน้อยกว่าช่วงปกติราว 30-40% ประเมินผลกระทบทางตรงต่อกำไรหุ้นน้อยกว่า 0.1%
2) กรณีอุบัติเหตุทางการเมือง: ประเมินการจ่ายงบลงทุนจะน้อยกว่าช่วงปกติราว 50-60% ซึ่งผลกระทบทางตรงยังจำกัดเช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม คาดจะมีผลกระทบทางอ้อมจากเม็ดเงินลงทุนที่หายไปซ้ำเติมภาพเศรษฐกิจที่อ่อนแออยู่เดิม ทำให้กระทบต่อความเชื่อมั่นการใช้จ่ายและการบริโภคภาคเอกชนในกลุ่มเชื่อมโยงการบริโภคในประเทศกลุ่มอื่นด้วย
เราประเมินกำไรของ SET กรณีเลวร้ายอยู่ที่ 73 บาท/หุ้น ถ้าอิงระดับ PER ในช่วงเศรษฐกิจอ่อนแอ มักอยู่ระดับ -0.5 ถึง -1.0SD แต่หากบวกกับความเสี่ยงเสถียรภาพทางการเมืองเพิ่มเติม คาด PER อาจลงไปซื้อขายระดับ -1.0SD ถึง -1.25SD ทำให้ Downside ดัชนี อาจอยู่บริเวณ 980-1030

 

 

HD&C Sector
Downgrade ลงไปทั้งกลุ่ม
วันนี้เรามีปรับลดคำแนะนำกลุ่ม Home Décor & Construction Retail (HD&C) เป็น “ขาย” ทั้งกลุ่ม โดยเราเห็นการเปลี่ยนแปลงของปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญจากผลกระทบด้านลบที่มากกว่าที่เคยมอง ได้แก่
1) อุปสงค์ซื้อที่ชะลอตัวทั้งกำลังที่อิงตามกลุ่มอสังหาฯ หลังเกิดแผ่นดินไหว รวมไปถึงฤดูฝนเร็วกว่าปกติ และปัจจัยทางการเมืองที่อาจจะส่งผลต่องบประมาณภาครัฐล่าช้า ทำให้เกิดการเลื่อนงานก่อสร้าง โดยเฉพาะงานท้องถิ่น
2) การแข่งขันทางด้านราคาของตลาดออนไลน์และ ออฟไลน์
3) SSS ในเดือนพฤษภาคม 2025 แย่ลงกว่าเดือนเมษายน โดยเฉลี่ยอยู่ที่ -8.4% และ QTD อยู่ที่ -8% นำโดย GLOBAL ที่ -14% HMPRO -10% ILM 5% และ DOHOME -4% จึงคาดกำไร 2Q25 จะลดลง YoY, QoQ ทุกบริษัท
4) ภาพใหญ่มองว่า HD&C ผ่าน Growth Phase เข้าสู่ Mature Stage (อิ่มตัว) แล้ว โดยเฉพาะหากมองฐานของจำนวนสาขา เช่น HMPRO GLOBAL ที่มีกว่า 150 สาขา และการเปิดสาขาแต่ละปีจะอยู่ราว 5-10 สาขา คิดเป็นเพียง 5-7% เท่านั้น
จึงนำมาสู่สิ่งที่เราปรับเปลี่ยนในรอบนี้ ได้แก่
1) ปรับลดสมมติฐาน SSS ในปี 2025 ลงจากเดิมที่เรามองว่าจะทรงตัว YoY ได้ เป็นติดลบ โดยเราปรับ GLOBAL (-10%) DOHOME (-5%) HMPRO (-5%) และ ILM (-5%)
2) ปรับลดกำไรหลักทั้งปี 2025 ลงโดยเฉลี่ย 10% (ตาม SSS) โดยการปรับลงแต่ละบริษัท DOHOME ปรับลง 26% GLOBAL 16% HMPRO 10% และ ILM 5% ดังนั้น ประมาณการกำไรตลาดยังมี Downside Risk 10-15%
3) De-rate valuation ลง (จากผ่าน Growth Phase) มาอยู่เฉลี่ยระดับ 11.5 เท่า (-2SD) มองว่าการซื้อขายคงอยู่ช่วง 10-12 เท่า (ไม่น่าจะกลับไประดับ 20-30 เท่า ได้ในช่วงที่อิ่มตัว) จึงได้ราคาเป้าหมายใหม่ ดังนี้
 DOHOME อยู่ที่ 2.6 บาท และปรับคำแนะนำเป็นขาย (จาก ซื้อ)
 GLOBAL อยู่ที่ 4 บาท คงคำแนะนำ ขาย (ตามเดิม)
 HMPRO อยู่ที่ 5.35 บาท ปรับคำแนะนำเป็นขาย (จาก ซื้อ)
 ILM อยู่ที่ 11.5 บาท คงคำแนะนำ ขาย (ตามเดิม)

 


PTTEP
ปตท.สำรวจและ ผลิตปิโตรเลียม
ผู้บุกเบิกโครงการดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนฯ ของไทย
PTTEP อยู่ระหว่างพัฒนาโครงการดักจับและกักเก็บคาร์บอน (CCS) แห่งแรกของไทยที่แหล่งอาทิตย์ในอ่าวไทย โดยได้รับอนุมัติจาก ครม. เมื่อ ธ.ค. 2024 และอยู่ระหว่างการประมูล EPC คาดตัดสินใจลงทุนในปีนี้ คาดเริ่มปี 2028 ที่ 1 ล้านตัน/ปี โครงการนี้จะใช้ร่วมกับโครงสร้างพื้นฐานของแหล่งก๊าซเดิมเพื่อทดลองและสะสมองค์ความรู้สู่การขยายโครงการในอนาคต
CCS ถือเป็นหนึ่งในกลไกลดคาร์บอนที่สำคัญของโลก โดยคาดว่าจะมีบทบาทถึง 13% ของเป้าลดการปล่อยคาร์บอนทั่วโลกในปี 2025 จากโครงการ CCUS ทั่วโลกกว่า 780 โครงการ (ส่วนใหญ่เป็น CCS) โดยความสำเร็จขึ้นอยู่กับกรอบกฎหมายและแรงจูงใจทางการเงิน เช่น สหรัฐฯ ให้เครดิตภาษี $85/ตัน หรือยุโรปที่ให้เงินสนับสนุนโดยตรง
ในเอเชียแปซิฟิก CCS กำลังเร่งพัฒนา โดยอินโดนีเซียและมาเลเซียมีแผนเปิดหลายโครงการ ในปี 2030 ด้านไทย PTT Group ตั้งเป้าพัฒนา Eastern Seaboard CCS Hub ระยะเริ่มต้น 6 MTPA แต่ยังต้องรอความชัดเจนด้านกฎหมายและแรงจูงใจทางการเงินเพื่อดึงดูดการลงทุน
Fundamental view: แม้ CCS จะเป็นก้าวสำคัญของ PTTEP ในการนำไทยสู่ยุคพลังงานสะอาด แต่ผลเชิงพาณิชย์ยังจำกัดในระยะสั้น และโครงการขยายในอนาคตยังต้องพึ่งพาปัจจัยหนุนเชิงนโยบาย ในเชิงพื้นฐานจึง คงคำแนะนำ “ถือ”

 

 

สรุปประเด็นจาก Quick take

CPAXT

ซีพี แอ็กซ์ตร้า ประกาศไม่มีแผนสนับสนุนทางการเงิน MQDC
CPAXT แจ้งไม่มีแผนการลงทุนใดๆหรือให้ความช่วยเหลือทางการเงินในโครงการอื่นๆของ MQDC
View from fundamental: การปฎิเสธให้ความช่วยเหลือ MQDC ในปัจจุบันและอนาคตจะช่วยตลาดคลายกังวลประเด็นดังกล่าว ทั้งนี้ ถ้าเทียบเคียงกับสถานการณ์คล้ายกันช่วง MQDC ออกหุ้นกู้ไม่ครบจำนวน (21 พ.ค.2025) ราคาหุ้น CPAXT ปรับลงแรง 10% DoD คิดเป็น -2.10 บาทต่อหุ้น เหลือ 20 บ. ลุ้นราคาหุ้นรีบาวน์ โดย SSSG เดือนพ.ค.ก็ยังทรงตัว YoY ดีกว่ากลุ่มที่ลดลง YoY

Bank

แบงก์ชาติประกาศผู้ได้ใบอนุญาต Virtual bank
ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศรายชื่อผู้ได้รับความเห็นชอบให้จัดตั้ง Virtual bank
View from fundamental: เรามีมุมมองเป็นกลาง โดยเราคาดธนาคารที่ได้ใบอนุญาต Virtual bank จะรับรู้ผลขาดทุนจากธุรกิจ Virtual bank เข้ามาบ้างในเริ่มต้นของการประกอบธุรกิจ เพราะต้องลงทุนด้านเทคโนโลยี แต่ก็เป็นโอกาสในการขยายตลาดไปสู่กลุ่มลูกค้าใหม่ ที่มีศักยภาพการเติบโตในระยะกลางถึงยาว


วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
นภนต์ ใจแสน นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
ภูวดล ภูสอดเงิน, AISA นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

FTI ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านระบบบำบัดน้ำ จัดสัมมนาใหญ่ "Future Water Solutions 2025"

FTI ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านระบบบำบัดน้ำ จัดสัมมนาใหญ่ "Future Water Solutions 2025"

ไฟการเมือง By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ นักลงทุน ยังคงชะลอลงทุนต่อไป ด้วยเห็นไฟการเมืองในประเทศแล้ว ก็ถอย พัก รอดูสถานการณ์ .....

มัลติมีเดีย

รู้จักพร้อมเปิดพื้นฐาน NUT ก่อนเทรด 11 มิ.ย.- สายตรงอินไซด์ - 9 มิ.ย.68

รู้จักพร้อมเปิดพื้นฐาน NUT ก่อนเทรด 11 มิ.ย.- สายตรงอินไซด์ - 9 มิ.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้