Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

บล.บัวหลวง : รอบด้านตลาดหุ้น

107

 


ภาพตลาดและแนวโน้ม

 

Highlights:

มูลค่าส่งออกสินค้าไทยเดือนพฤษภาคม 2025 โตกว่าคาดที่ 18.4% YoY ส่งผลให้การส่งออก 5 เดือนแรกโต 14.9% YoY

การเร่งนำเข้าสินค้า (Front-loaded demand) เป็นแรงหนุนการส่งออกหลัก ซึ่งเป็นปัจจัยบวกระยะสั้นและน่าจะแผ่วลงหลังจากวันที่ 9 กรกฎาคม 2025 ที่มาตรการผ่อนปรนการเก็บภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯ สิ้นสุดลง

ตัวเลขการส่งออกที่โตสูงนี้ ส่วนหนึ่งอาจมาจากการที่จีนใช้ไทยเป็นประเทศที่ 3 (Third country routing) ในการส่งออกไปยังสหรัฐฯ เพื่อเลี่ยงภาษี


เรายังคงคาดการณ์ตัวเลขส่งออกในปี 2025 ไว้เดิมที่หดตัว 0.2% (กรณีฐาน)


เนื้อหา:
มูลค่าการส่งออกไทยในเดือนพฤษภาคม 2025 อยู่ที่ 31,044.6 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัว 18.4% YoY โดยมีแรงหนุนอีกระลอกมาจากการเร่งนำเข้าสินค้า (Front-loaded demand) ในระหว่างช่วง 90 วัน ที่ทางสหรัฐฯ ผ่อนปรนมาตรการเก็บภาษีตอบโต้ (Reciprocal tariff) ซึ่งจะสิ้นสุดในวันที่ 9 กรกฎาคม 2025 สะท้อนจากมูลค่าการส่งออกไปยังสหรัฐฯ ที่ทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 6,249.6 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ หรือขยายตัวสูงถึง 35.1% YoY และหากพิจารณาดูเป็นรายสินค้า จะพบว่าขยายตัวเกือบทุกกลุ่ม ทั้งกลุ่มเกษตร อุตสาหกรรมการเกษตร และสินค้าอุตสาหกรรม


อย่างไรก็ดี เรามองว่าการเร่งนำเข้าสินค้ายังเป็นปัจจัยบวกระยะสั้นจากข้อจำกัดหลายด้านของฝั่งผู้นำเข้า โดยเฉพาะด้านต้นทุนการนำเข้าและการจัดเก็บสินค้าคงคลังที่มากเกินความต้องการที่แท้จริง ขณะที่ความต้องการซื้อสินค้าจากผู้บริโภคในสหรัฐฯ อยู่ในภาวะชะลอตัวจากปัจจัยด้านเศรษฐกิจในประเทศ

นอกจากนี้ อาจต้องจับตาการใช้ไทยเป็นประเทศที่ 3 (Third country routing) ในการส่งออกไปยังสหรัฐฯ เพื่อเลี่ยงภาษีที่สูงกว่า สะท้อนจากตัวเลขการส่งออกของไทยที่ขยายตัวได้สูง แต่ไม่สอดคล้องกับกิจกรรมในภาคการผลิตจริงที่อยู่ในโซนหดตัว ขณะเดียวกัน มูลค่าการนำเข้าของไทยกลับโตต่อเนื่อง โดยในเดือนพฤษภาคม 2025 ขยายตัวสูงถึง 18% YoY โดยมูลค่าการนำเข้าจากจีนขยายตัวสูงถึง 35.3% YoY ซึ่งแน่นอนว่าวัตถุประสงค์การนำเข้าสินค้าจากจีนมีหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการนำเข้าเพื่อผลิตสินค้าในไทย การเข้ามาตีตลาดในไทย และอีกส่วนหนึ่งคาดว่าเป็นการนำเข้าเพื่อใช้ไทยเป็นประเทศที่ 3 ในการส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐฯ เพื่อเลี่ยงภาษีด้วย นั่นแสดงให้เห็นว่าการส่งออกที่ขยายตัวได้สูงไม่สามารถส่งผลบวกต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยโดยรวมได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย สอดคล้องกับตัวเลขดุลการค้าของไทยในช่วง 5 เดือนแรกที่พบว่ายังขาดดุลการค้าอยู่ที่ราว 1,123.9 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ


เรามองว่าการส่งออกไทยในระยะข้างหน้า ยังคงมีความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าโลก โดยเฉพาะในช่วงหลังจากวันที่ 9 กรกฎาคม 2025 ที่มาตรการผ่อนปรนการเรียกเก็บภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯ สิ้นสุดลง อีกทั้ง ต้องจับตาดูผลการเจรจาการค้าระหว่างไทยและสหรัฐฯ รวมถึงผลเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และคู่แข่งสินค้าส่งออกสำคัญของไทยด้วย โดยเรายังคงประมาณการเดิมว่า หากไทยโดนเรียกเก็บภาษีตอบโต้ที่ 20% ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2025 (อ้างอิงจากการที่สหรัฐฯ ลดภาษีนำเข้าสินค้าจีนลงมา 50% หลังจากเจรจาการค้าสำเร็จในปี 2018-2019) การส่งออกไทยปี 2025 จะหดตัวเล็กน้อยที่ 0.2% YoY (กรณีฐาน) แต่หากไทยสามารถเจรจาได้สำเร็จและโดนเรียกเก็บภาษีตอบโต้ที่ 10% ตาม Baseline tariff ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2025 การส่งออกของไทยปี 2025 น่าจะขยายตัวได้ราว 0.5% YoY (กรณีดีที่สุด)

สรุปภาพตลาดวานนี้
หุ้นไทยทิ้งดิ่งต่อ จากประเด็นการเมือง ทำให้ภาพรวมหุ้นใหญ่ถูกขายออกมาเป็นส่วนใหญ่ (เกือบทุกกลุ่ม ยกเว้นท่องเที่ยวที่พอยืนได้) นอกจากนี้ มีประเด็นกังวลเฉพาะตัว เช่น TRUE (การแข่งขันชิงลูกค้าเพิ่ม) CPF (ราคาหมูแนวโน้มผ่านจุดสูงสุดและลงพร้อม Supply ที่ถูกระบายเพิ่ม) เป็นต้น ส่วนด้านบวกกลุ่มโรงแรม นำโดย MINT CENTEL อิเล็กฯ CCET HANA KCE และการ Cover Short หุ้นบางตัว BGRIM CBG

แนวโน้มตลาดวันนี้
ถือหุ้นงบแววดี Q2 + กอดหุ้นรับปันผล
คาดตลาดหุ้นไทยลงต่อแย่กว่าที่คาด และเราแนะนำ สะสมหุ้นเน้นไปที่แนวโน้มงบที่เห็นผ่าน การติดตามส่วนต่างราคา และผลิตภัณฑ์ มาอย่างต่อเนื่อง (รายงาน Weekly Commodity) ซึ่งยืนยันภาพการฟื้นตัวของกำไร Q2 นอกจากนี้เมื่อเทียบ Valuation แล้ว น่าจะสบายใจกว่าซื้อการหุ้น High PE/ PBV ในเวลานี้ ที่มีความเสี่ยงของการ โดนด้อยค่า PE

เราแนะนำ ทำกำไร/หลีกเลี่ยงหุ้นที่ เห็นสัญญาณเชิงลบชัด จากแนวโน้มยอดขาย เช่น สินเชื่ออุตสาหกรรมที่ชะลอ ราคาเนื้อสัตว์ที่ผ่านจุดสูงสุด จำนำทะเบียนจากความระมัดระวังในการตั้งสำรองเพื่อรองรับความเสี่ยงเศรษฐกิจในประเทศชะลอตัว ทั้งจากปัจจัยภายใน การเมืองในประเทศฯ และ ปัจจัยเศรษฐกิจมหภาคนอกประเทศ
ทั้งนี้พอร์ตกลยุทธ์ ยังคงถือหุ้นเชื่อมโยงสินค้าโภคภัณฑ์ และเศรษฐกิจโลกต่อไปอีกระยะ โดยเราจะรอจนกว่าหุ้นเชื่อมโยงเศรษฐกิจในประเทศเริ่มนิ่งมากกว่านี้ ค่อยปรับเปลี่ยนกลยุทธ์

กลยุทธ์การลงทุน กลยุทธ์การลงทุนช่วงนี้ แนะนำ ซื้อเก็งกำไร เล่นรอบ เน้นไปที่หุ้น 1Q25 ส่อแววผ่านจุดต่ำสุด และเริ่มจะเห็นสัญญาณของการฟื้นตัว เช่นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์

วิเคราะห์ทางเทคนิค
ดัชนีหลุดแนวรับจิตวิทยา 1,100 จุด (ผิดคาด) ถ้ายังอยากรักษาโมเมนตัม ต้องรีบกลับขึ้นไปให้ได้โดยเร็ว สำหรับรอบระยะกลาง นับตั้งแต่ต้นปี YTD ดัชนีปรับตัวลงมาทั้งสิ้น -10% จากจุดยอดที่ 1,231 จุด และเคยทำจุด previous low ไว้ที่ 1,056 จุด เมื่อเดือนเม.ย. 68 ขณะที่ RSI week เริ่มเข้าสู่เขตแดน oversold (เกิดขึ้นไม่บ่อย) สำหรับแผนกลยุทธ์ทางเทคนิค อาจต้องระมัดระวังความเสี่ยงขาลงของตลาด....ลงแล้ว ลงอีก หากหุ้นที่เคยแนะนำ หลุดจุดคัท แนะขายออกไปก่อน ต้องเล่นแบบมีวินัย
ไฮไลท์: ปลุกกระแสฟุตบอล.ก่อนเริ่มฤดูกาลใหม่ 2025/26…..ใครได้ประโยชน์บ้าง / โรงแรมขึ้นยกแผง แต่ทำไมไม่เล่นตาม! ไปหาคำตอบกันครับ

 

 

 

What to watch
สื่อกัมพูชารายงาน รัฐบาลกัมพูชาห้าม การนำเข้าผักและผลไม้จากไทยผ่านพรมแดนเข้าสู่กัมพูชา โดยสิ้นเชิง
"เที่ยวไทย คนละครึ่ง" เปิดให้ผู้ประกอบการลงทะเบียน ก่อนเสนอบอร์ดกระตุ้นศก. และจะนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.57 แสนล้านบาท
บริษัทเดินเรือเริ่มหลีกเลี่ยงช่องแคบฮอร์มุซ กังวลศึกอิสราเอล-อิหร่านยืดเยื้อ
สภาการเดินเรือทะเลบอลติกและระหว่างประเทศ (BIMCO) ซึ่งเป็นสมาคมการเดินเรือที่ใหญ่ที่สุดในโลก เปิดเผยว่า บริษัทเดินเรือบางแห่งกำลังเลือกที่จะหลีกเลี่ยงการเดินทางผ่านช่องแคบฮอร์มุซ ซึ่งเป็นเส้นทางที่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ สะท้อนให้เห็นว่าอุตสาหกรรมการเดินเรือมีความกังวลมากขึ้นต่อสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและอิหร่านที่ทวีความรุนแรงในขณะนี้
ทั้งนี้ ช่องแคบฮอร์มุซถือเป็นประตูสำคัญสู่อุตสาหกรรมน้ำมันโลก และเป็นจุดขาเข้าที่สำคัญสำหรับเรือบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ที่มุ่งหน้าสู่ท่าเรือเจเบลอาลี (Jebel Ali Port) ซึ่งเป็นท่าเรือขนาดใหญ่ของดูไบ นอกจากนี้ ช่องแคบฮอร์มุซ ซึ่งเชื่อมอ่าวเปอร์เซียกับทะเลอาหรับ ยังถูกมองว่าเป็นหนึ่งในจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญที่สุดสำหรับการขนส่งน้ำมันของโลก
ประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ คงดอกเบี้ยนโยบาย 4.25-4.50% ส่วน Dot plot ส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้ง ครั้งละ 0.25% รวม 0.50% ในปีนี้ นอกจากนี้ เฟดหั่นคาดการณ์ GDP สหรัฐเหลือ 1.4% ปีนี้ จากเดิม 1.7%
สถานการณ์ในตะวันออกกลางยังคงตึงเครียด โดยอิสราเอลเดินหน้าใช้ปฏิบัติการทางอากาศโจมตีอิหร่านอย่างต่อเนื่องเพื่อทำลายโครงการนิวเคลียร์ และอิหร่านก็ตอบโต้ด้วยการยิงขีปนาวุธและส่งโดรนจำนวนมากเข้าโจมตีอิสราเอล ขณะที่สื่อรายงานว่ากองทัพสหรัฐฯ กำลังส่งเครื่องบินขับไล่เข้าไปประจำการในตะวันออกกลางเพิ่มเติม และขยายเวลาการประจำการของเครื่องบินรบอื่น ๆ
ด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ได้เตือนประชาชนในกรุงเตหะรานให้เร่งอพยพ พร้อมกับเรียกร้องให้อิหร่านล้มเลิกความทะเยอทะยานที่จะครอบครองนิวเคลียร์และหันมาทำข้อตกลงกับสหรัฐฯ โดยล่าสุดปธน.ทรัมป์เรียกร้องให้อิหร่าน "ยอมจำนนโดยไม่มีเงื่อนไข"

หุ้นแนะนำวันนี้
PTT แนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 2 เติบโตดี และปันผลสูงแนวรับ 29.75 ต้าน 31 Stop loss 29

 

 

 

 

รายงานพื้นฐานวันนี้

ECON
ส่งออกไทยเดือนพฤษภาคม 2025 โตมากกว่าคาดที่ 18.4% YoY
การส่งออกสินค้าไทยเดือนพฤษภาคม 2025 ขยายตัว +18.4% YoY มากกว่าที่คาด ส่งผลให้การส่งออกในช่วง 5 เดือนแรกขยายตัวได้ราว +14.9% YoY ซึ่งการขยายตัวที่เพิ่มขึ้นนี้น่าจะมาจาก 2 เหตุผล คือ 1) การเร่งนำเข้าสินค้า (Front-loaded demand) ในช่วง 90 วัน (สิ้นสุด 9 ก.ค.) ที่ทางสหรัฐฯ ผ่อนปรนมาตรการเก็บภาษีตอบโต้ (Reciprocal tariff) และ 2) ส่วนหนึ่งอาจมาจากการที่จีนใช้ไทยเป็นประเทศที่ 3 (Third country routing) ในการส่งออกไปยังสหรัฐฯ เพื่อเลี่ยงภาษี
โดยเรามองว่าการเร่งนำเข้าสินค้าจะยังเป็นปัจจัยบวกชั่วคราวจากข้อจำกัดด้านต้นทุนการนำเข้าและการจัดเก็บสินค้าคงคลังที่มากเกินความต้องการที่แท้จริง ขณะที่ความต้องการซื้อสินค้าจากผู้บริโภคในสหรัฐฯ อยู่ในภาวะชะลอตัวจากปัจจัยด้านเศรษฐกิจในประเทศ

นอกจากนี้ ตัวเลขการส่งออกของไทยที่ขยายตัวได้สูงนี้ ก็ไม่ได้สอดคล้องกับกิจกรรมในภาคการผลิตจริงในประเทศ สะท้อนจากดัชนีผลผลิตถ่วงน้ำหนักมูลค่าเพิ่ม (Value added industrial index) ในช่วง 4 เดือนแรกยังอยู่ในโซนหดตัวเฉลี่ยราว -0.8% YoY

ขณะเดียวกัน มูลค่าการนำเข้าสินค้าของไทยในเดือนพฤษภาคม 2025 ก็ขยายตัวสูงถึง +18% YoY โดยการนำเข้าจากจีนขยายตัวสูงถึง +35.3% YoY (ในช่วง 5 เดือนแรก การนำเข้าก็ขยายตัวได้ 11.3% YoY โดยนำเข้าจากจีนขยายตัวถึง 30% YoY)

เรามองว่าการส่งออกไทยในระยะข้างหน้า ยังคงมีความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าโลก โดยเฉพาะในช่วงหลังจากวันที่ 9 กรกฎาคม 2025 หากไทยโดนเรียกเก็บภาษีตอบโต้ที่ 20% ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2025 การส่งออกไทยปี 2025 จะหดตัวเล็กน้อยที่ 0.2% YoY (กรณีฐาน)

แต่หากไทยสามารถเจรจาได้สำเร็จและโดนเรียกเก็บภาษีตอบโต้ที่ 10% ตาม Baseline tariff ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2025 การส่งออกของไทยปี 2025 น่าจะขยายตัวได้ราว 0.5% YoY (กรณีดีที่สุด)

 

 

AMC Sector
BAM เด่นใน 2Q25
หลังจากที่เราปรับเพิ่มคำแนะนำของ BAM ขึ้นมาเป็น “ซื้อ” เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. ราคาหุ้นก็ปรับเพิ่มขึ้นถึง 9% เนื่องจากเราคาดกำไรสุทธิ 2Q25 ของ BAM จะเติบโตโดดเด่นถึง 121% YoY และ 365% QoQ จากกำไรจากการขาย NPL และ NPA ปรับเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ BAM ยังมีแผนจะเป็นพันธมิตรกับบริษัทอสังหาริมทรัพย์และบริษัทนายหน้าอสังหาริมทรัพย์และสถาบันการเงิน เพื่อเร่งการขาย NPA ของ BAM ให้ดีขึ้นใน 2H25
เราคาดกำไรปี 2025 ของ BAM จะอยู่ที่ 2.1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 32% YoY ซึ่งสูงกว่าประมาณการของตลาดถึง 26% ทำให้เราประเมินว่าตลาดน่าจะมีการปรับประมาณการกำไรปีนี้ขึ้นได้ในอนาคต

อย่างไรก็ตาม เรายังแนะนำ “ขาย” JMT เพราะเราคาดว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวช้าใน 2H25 กดดันแนวโน้มกำไรของ JMT จะฟื้นตัวช้าในปีนี้ ทำให้เราปรับลดประมาณการกำไรปีนี้ของ JMT ลง 8% โดยภายหลังปรับประมาณการ คาดกำไรปีนี้ของ JMT จะอยู่ที่ 1.3 พันล้านบาท ลดลง 17% YoY และต่ำกว่าที่ตลาดทำไว้ 21% ทำให้เรามองว่ามีความเสี่ยงที่ตลาดจะปรับลดประมาณการกำไรลงได้ใน 2H25

 

 

CPNREIT (Visit Note)
ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ CPN รีเทลโกรท
รอการฟื้นตัวหลังการปรับปรุงสาขาเสร็จ
ระยะสั้น CPNREIT ยังเผชิญแรงกดดันจากกำลังซื้อที่อ่อนตัวและรายได้บางส่วนหายไประหว่างรีโนเวต แต่แนวโน้มฟื้นตัวชัดเจนใน 2H25 เมื่อเซ็นทรัลปิ่นเกล้าเปิดเต็มรูปแบบและได้พื้นที่เช่าเพิ่มเซ็นทรัลพระราม 2
Our view: รอจังหวะย่อตัวซื้อเพื่อรับเงินปันผล โดยจุดเด่นอยู่ที่ให้ผลตอบแทนปันผล (DPU) ที่สม่ำเสมอทุกไตรมาส คิดเป็นรวมราว 1-1.1 บาท/ปี และเป็น div yield 9-10% ต่อปี

 

สรุปประเด็นจาก Quick take

PTTEP
ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม
การชนะประมูลแปลงสัมปทาน Reggane II ในประเทศแอลจีเรีย
PTTEP (สัดส่วนการลงทุน 34%) ร่วมกับ บริษัท Eni Algeria Exploration B.V. (Eni) (สัดส่วนการลงทุน 66% และเป็นผู้ดำเนินการ) ได้ชนะการประมูลแปลงสัมปทาน Reggane II ในประเทศแอลจีเรีย ซึ่งจะมีการลงนามในสัญญาแบ่งปันผลผลิต (Production Sharing Contract: PSC) ต่อไป
View from fundamental: ถึงแม้ว่าข่าวดังกล่าวอาจไม่เป็นปัจจัยหนุนราคาหุ้นในระยะสั้น แต่เรามองว่า ประเด็นความเสี่ยงเกี่ยวกับการหยุดชะงักของอุปทานเนื่องจากสงครามอิหร่าน-อิสราเอลอาจหนุนให้ราคาน้ำมันดิบและราคาหุ้น PTTEP ปรับตัวสูงขึ้นในระยะสั้น เราจึงคงคำแนะนำ “ถือ”

 

วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
นภนต์ ใจแสน นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
ภูวดล ภูสอดเงิน, AISA นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

HotNews: PTG ติดอันดับ Fortune Southeast Asia 500 2 ปีซ้อน สะท้อนการเติบโตอย่างยั่งยืน

PTG ได้รับการจัดอันดับให้อยู่ใน Fortune Southeast Asia 500 ประจำปี 2025 เป็นปีที่สองติดต่อกัน ...

SKIN ผนึก APM ลุยโรดโชว์ห้องค้า PST มั่นใจพื้นฐานแกร่ง นักลงทุนตอบรับดีเยี่ยม

SKIN ผนึก APM ลุยโรดโชว์ห้องค้า PST มั่นใจพื้นฐานแกร่ง นักลงทุนตอบรับดีเยี่ยม

ไฟการเมือง เผาSET By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ อารมณ์คอการเมือง ร้อนทันที เป็นคลิปเสียง แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สนทนากับ สมเด็จฯ ฮุน..

มัลติมีเดีย

รู้จักพร้อมเปิดพื้นฐาน NUT ก่อนเทรด 11 มิ.ย.- สายตรงอินไซด์ - 9 มิ.ย.68

รู้จักพร้อมเปิดพื้นฐาน NUT ก่อนเทรด 11 มิ.ย.- สายตรงอินไซด์ - 9 มิ.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้