ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

บล.คิงส์ฟอร์ด : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน

18 มิ.ย. 2568 09:02:29 77

Market Wrap-Up

SET วันที่ 17 มิ.ย.68 ปิด -0.91 จุด อยู่ที่ 1,113.58 จุด มูลค่าการซื้อขาย 27,531 ลบ. สถาบันซื้อ 236 ลบ. รายย่อยซื้อ 547 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 176 ลบ. และต่างชาติขาย 607 ลบ. NVDR มียอดซื้อสุทธิ 129 ลบ.โดยมียอดซื้อในหุ้น ADVANC,PTTEP,BDMS,CPALL,TOP และยอดขายหุ้น SCB,BBL,KBANK,DELTA,SCC มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 1,391 ลบ.หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ VNG,TPIPL,TCAP โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Long ใน Index Futures จำนวน 1,107 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 66,359 สัญญา ต่างชาติขายสุทธิในตลาดพันธบัตรไทย 3,864 ลบ.
ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA -0.70%, S&P500 -0.84%, Nasdaq -0.91% โดยกลุ่มพลังงานแสงอาทิตย์ปรับลดลง นำโดย Enphase Energy -24%, Sunrun -40% หลัง ปธน.ทรัมป์จะยกเลิกเครดิตภาษีพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลมภายในปี 2571 ขณะที่กลุ่มบริการสุขภาพ, สินค้าฟุ่มเฟือย และพลังงานปรับเพิ่มขึ้น ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 -0.85% จากแรงชายกลุ่มธนาคาร -2.3% และรอประเมินสถานการณ์ในตะวันออกกลาง

Market View

ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ปรับลดลงจากความกังวลภาวะสงครามอิสราเอล – อิหร่าน หลัง ปธน.ทรัมป์เผยให้ประชาชนอพยพออกจากกรุงเตหะราน โดยสหรัฐส่งเครื่องบินขับไล่ไปประจำการเพิ่มในตะวันออกกลาง ส่งผลให้ความเสี่ยงสูงขึ้น ดัชนี VIX Index +13% อยู่ที่ 21.6 ขณะที่ข้อมูลยอดค้าปลีกสหรัฐ พ.ค. -0.9% & คาด -0.6% MoM เป็นผลจาก ม.ปรับขึ้นภาษีของ ปธน.ทรัมป์ ส่วนค่ำวันนี้ติดตามผลการประชุมเฟดคาดคงดอกเบี้ยที่ 4.25 – 4.5% และรอฟังถ้อยแถลงของ ปธ.เฟด, ประมาณการณ์ข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐ รวมถึง Fed Dot Plot ว่าจะคงคาดการณ์ลดดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนีหรือไม่
ตลาดหุ้นยุโรปวานนี้ปรับลดลงจากแรงชายกลุ่มธนาคาร กอปรนักลงทุนยังรอประเมินสถานการณ์ในตะวันออกกลาง และความคืบหน้าการเจรจาการค้าสหรัฐ – สหภาพยุโรป ซึ่ง ปธน.ทรัมป์เผยสหภาพยุโรปยังไม่ได้เสนอข้อตกลงการค้าที่เป็นธรรมในการประชุม G7 ส่วนค่ำวันนี้ติดตาม Core CPI ยูโรโซน พ.ค. คาด 2.3% & เม.ย. 2.7% YoY , Core CPI อังกฤษ พ.ค.คาด 3.5% & เม.ย. 3.8% YoY
ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ ดัชนีเซี่ยงไฮ้ปิด -0.04%, ฮั่งเส็ง -0.34% จากความกังวลต่อปัจจัยเสี่ยงเชิงภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลาง และรอ ธ.กลางจีนประกาศดอกเบี้ยลูกค้าชั้นดี (LPR) ในวันศุกร์นี้ ส่วนดัชนีนิเกอิปิด +0.59% จากคาดการณ์อิสราเอลและอิหร่านจะเจรจาหยุดยิง ขณะที่ผลการประชุม BOJ มีมติคงดอกเบี้ยที่ 0.5% และลดความเร็วในการลดซื้อพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นวงเงิน 4 แสน ล.เยน (2.8 พัน ล.ดอลลาร์) /ไตรมาส ตั้งแต่ เม.ย.ปีหน้า เพื่อเสริมสภาพคล่องและลดผลกระทบจาก ม.ภาษีของสหรัฐ
SET วานนี้ -0.08% ปริมาณการซื้อขาย 7 หมื่น ลบ. สถาบันซื้อ 236 ลบ. รายย่อยซื้อ 547 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 176 ลบ. และต่างชาติขาย 607 ลบ. โดยดัชนีปรับลดลงจากแรงขายทำกำไรในกลุ่มพลังงาน เช่น PTTEP, PTT ที่ปรับลดลงตามราคาน้ำมันดิบวานนี้ และยังรอรประเมินสถานการณ์ระหว่างสหรัฐ – อิหร่านว่าจะสามารถเรจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์รอบใหม่ได้หรือไม่ ขณะที่กลุ่มท่องเที่ยว & ขนส่งเริ่มฟื้นตัว ได้ปัจจัยหนุนจาก ม.เที่ยวไทยคนละครึ่ง ที่จะนำเข้าเสนอต่อบอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจในวันนี้ กอปรกับที่ประชุม ครม.เห็นชอบหลักการให้ไทยเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดแข่ง F1 ใน กทม.เพื่อสร้าง Land mark การท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ของไทย ส่วนกลุ่มไฟแนนท์ก็มีแรงซื้อเก็งกำไร หลังบอร์ดค่าจ้างให้ปรับเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำใน กทม. พร้อมทั้งลูกจ้างในกลุ่มท่องเที่ยวบริการทั่วประเทศเป็น 400 บาท โดยมีผลตั้งแต่ 1 ก.ค.68 ซึ่งจะเป็นการเพิ่มกำลังซื้อของผู้บริโภค โดยภาพรวมนักลงทุนยังรอประเมินความเสี่ยงจากภาวะสงครามในตะวันออกกลาง และผลการประขุมเฟดในช่วงค่ำวันนี้ ส่วนปัจจัยในประเทศวันนี้ติดตามผลการประชุมบอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจที่จะพิจารณาจัดสรรงบ 1.57 แสน ลบ.

Daily Strategy

ประเมิน SET กรอบแนวรับ 1,100 – 1,110 โดยมีแนวต้านที่ 1,120 – 1,130 คาดดัชนีมีโอกาสทรงตัวรอผลการประชุมเฟด และการพิจารณางบของบอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ แนะนำซื้อเก็งกำไร CPALL,CPAXT,MTC ได้ประโยชน์จาก ม.ปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ/ BBL,KTB อาจได้ประโยชน์จากการกลับสำรองหนี้เสีย & การบันทึกกำไรเงินลงทุนของการบินไทยที่จะกลับมาเทรดในช่วง Q3 นี้ และพักเงินในกลุ่มปลอดภัย เช่น ADVANC,GULF,BDMS
PTTEP (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย 00 บาท) ได้รับ sentiment บวกจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น 4% เมื่อคืน เป็นผลจากความตึงเครียดในตะวันออกกลางหลังอิสราเอล-อิหร่านเปิดฉากโจมตีใส่กันเป็นวันที่ 5 นอกจากนี้สหรัฐยังเสริมฝูงเครื่องบินขับไล่เข้ามาในภูมิภาค พร้อมข่มขู่ประชนชนในกรุ่งเตระราน รวมถึงขู่สังหารผู้นำสูงสุดของอิหร่านอีกด้วย

NETBAY* (ซื้อ/ ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 24.65 บาท) กำไรสุทธิ 1Q68 อยู่ที่ 71 ลบ. (+49%YoY , +12%QoQ) ตามรายได้การดำเนินงานที่สูงขึ้น +41%YoY มีแรงหนุนเพิ่มเติมจากการรับรู้รายได้งานโครงการพัฒนาระบบ Digital Zoo แลธดครงการพัฒนาระบบแพลตฟอร์มกลางการจัดเก็บฐานข้อมูลก๊าซเรือนกระจก ทั้งนี้ การดำเนินงานช่วงถัดไป คาดว่าจะยังอยู่ในเกณฑ์ดีได้ต่อจาก Fynnet Ventures (ให้บริการ Compliance Solution ผ่านแพลตฟอร์ม CHECK+) และ Ai-Box ปัจจุบัน ตลาดคาดว่าในปี68 และ69 กำไรสุทธิของ NETBAY* จะอยู่ที่ 247 ลบ.(+14%YoY) และ 272 ลบ.(+10%YoY) ตามลำดับ

Daily Key Factors

Oil Update(+) WTI ก.ค.+$3.07 อยู่ที่ $74.84 / บาร์เรล, Brent ส.ค. +$3.22 อยู่ที่ $76.45/บาร์เรล ยังการโจมตีระหว่างอิสราเอล & อิหร่าน โดยอิหร่านได้ระงับการผลิตก๊าซบางส่วนในแหล่ง South Pars ส่วน API รายงานสต็อคน้ำมันดิบสหรัฐสัปดาห์ที่ผ่านมาลดลง 10.13 ล.บาร์เรล

Gold Update(-) Comex Gold ส.ค.-$10.40 อยู่ที่ $3,406.90 /ออนซ์ ถูกกดดันจาก Dollar Index แข็งค่า +0.84% อยู่ที่ 98.821 และรอผลการประขุมเฟดในช่วงค่ำวันนี้

Fund Flow(-) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ขายสุทธิ -2.98 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นไทย -18.66 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นอินโดฯ +15.94 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และขายหุ้นฟิลิปปินส์ -0.26 ล.ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ค่าเงินบาทเช้านี้อ่อนค่าอยู่ที่ 32.57 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ทรงตัวอยู่ที่ 4.403 %

(-) ดัชนี BDI วานนี้ -23 จุด อยู่ที่ 1,952

(-) BitCoin เช้านี้ -2.02% อยู่ที่ 105,011 ดอลลาร์สหรัฐ

(+)ส่งออกญี่ปุ่น พ.ค. -1.7% & คาด -3.8% YoY

Economic Calendar

ในประเทศ

25 มิ.ย. ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งที่ 3/68

สัปดาห์ที3 ส.อ.ท. แถลงยอดผลิตและส่งออกรถยนต์ รถจักรยานยนต์และชิ้นส่วน

ยานยนต์

ส.อ.ท. แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม

สัปดาห์ที4 กระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศ

สศอ. แถลงดัชนีอุตสาหกรรม

สศค.รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง, ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค,

ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค

ต่างประเทศ

17 มิ.ย. US ดัชนียอดขายปลีก ( พ.ค.)

18 มิ.ย. EU ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ( พ.ค.)

US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ

19 มิ.ย. US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก

US การตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย

US การแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนของ FOMC

20 มิ.ย. US ดัชนีภาคการผลิตจากธนาคารกลางรัฐฟิลาเดลเฟีย (มิ.ย.)

Theme Strategy

Theme หุ้นที่มีปัจจัยบวกตามกระแส Megatend, ทิศทางดอกเบี้ยเริ่มเข้าสู่ขาลง, และ/หรือ สามารถรับจากความเสี่ยง Trade War ได้

(1) กลุ่มการเงิน Leasing รับแนวโน้มทิศทางดอกเบี้ยในประเทศลดลง NCAP*, S11*, SINGER* ,SGC* ,THANI*

(2) กลุ่มสื่อสาร โรงไฟฟ้า หุ้น defensive ได้ประโยชน์จาก Bond yield ที่ปรับลดลง ธุรกิจหลักมีการเติบโตสอดคล้องเศรษฐกิจใหม่ ADVANC ,TRUE ,GULF*, GPSC*, BCPG

(3) กลุ่มเกษตรได้ประโยชน์จากราคาสุกรในประเทศที่อยู่ในระดับสูง ขณะที่การส่งออกไก่ไปต่างประเทศยังทำได้ดี CPF, BTG* ,TFG* ,FM* ,GFPT

(4) กลุ่ม China Play คาดความดึงเครียดทางการค้าผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว แม้ยังมีความผันผวนแต่หุ้นที่เกี่ยวข้องมี valuation ที่ปรับตัวลงมาต่ำมากแล้ว น่ากลับไปหาจังหวะเก็งกำไร SCC* ,SCGP* ,PTTGC

(5) กล่มสินค้า IT ได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนถ่ายเทคโนโลยี ADVICE* ,COM7* SYNEX*,SIS*

(6) สินค้าจำเป็นและการบริโภคในชีวิตประจำวันที sensitive น้อยต่อกำลังซื้อในประเทศชะลอตัว เช่น CPALL , MALEE*, BJC ,OKJ*, NSL*

**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย

Asset Allocation: Equity 50% Fixed Income 35% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%

Today Fundamental Research: -

Monthly Portfolio May 2025: PLANB*, TASCO*, PR9*, STECON, IVL*

Analysts

Apichai Raomanachai

Fundamental and Technical Investment Analysis ID No. 002939

Tel 02-829-6999 Ext 2200

Email : apichai.ra@kfsec.co.th

Meena Tunlayanitigun