ภาวะตลาด : SET Index วานนี้ลดลงต่อ -8.21 จุด ปิดที่ 1114.49 มุลค่าซื้อขาย 4.1 หมื่นลบ. (มี Big lot หุ้น GULF 2.5 พันลบ.) ทั้งนี้ตลาดยังกังวลกับเหตุการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลาง, ศก.ไทยซบเซา, ปัญหาการเมืองไทย และรอผลประชุมเฟด 17-18 มิ.ย. รวมถึงมีแรงขาย AOT หลัง King Power ขอเจาจายุติสัมปทานดิวตี้ฟรีทั้ง 5 สนามบิน ต่างชาติขายสุทธิ -3.5 พันลบ. สถาบันในปท.ขายสุทธิ -934 ลบ.

ปัจจัยต่างประเทศ
• อิหร่านส่งสัญญาณว่าต้องการยุติการสู้รบ...แต่คืน 16 มิ.ย.อิหร่านยิงขีปนาวุธโจมตีอิสราเอล ตลาดหุ้นสหรัฐรีบาวด์ แต่ดัชนีฟิวเจอร์สเช้านี้ลดลงราว 0.3% ราคาน้ำมันดิบถอยลงราว 1 US$ มาที่ 72-73 US$/bbl...น่าจะมีขายทำกำไรระยะสั้นหุ้น PTTEP และโรงกลั่น สัญญาทองคำลดลง -35.50 US$ สู่ 3417.30 US$/ออนซ์ จากแรงขายทำกำไร
• ดัชนีค่าเงิน US$ ทรงที่ 98.2 เงินบาท 32.4 บาท/ดอลลาร์ ด้าน US bond yield 10 ปีล่าสุดอยู่ที่ 4.43% ดัชนีราคาถ่านหิน (NC) ขยับขึ้นเป็น 106 (สูงสุด 149) ดัชนี Baltic Dry Index ปรับขึ้นทำ New high ที่ 1975
• จีน: ยอดค้าปลีกเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้น 6.4%YoY ดีกว่าเดือนเม.ย.และสูงกว่าตลาดคาดไว้ อย่างไรก็ดี ศก.จีนยังต้องการแรงกระตุ้นโดยเฉพาะภาคอสังหาริมทรัพย์
• สหรัฐ: ติดตามการประชุมเฟด 17-18 มิ.ย.ซึ่งในรอบนี้จะมีตัวเลข Dot Plot และแถลงการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจ & เงินเฟ้อสหรัฐ...ตลาดประเมินว่าการประชุมรอบนี้เฟดจะคงดอกเบี้ยไว้ที่ 4.25-4.50% แล้วค่อยไปลดดอกเบี้ยในเดือนก.ย. 0.25% และธ.ค.อีก 0.25%

ปัจจัยในประเทศ & ข่าวหุ้นเด่น
• รมว.พาณิชย์ระบุว่า มูลค่าส่งออกของไทยในเดือนพ.ค.68 ยังเติบโตเป็นเลข 2 หลัก และมั่นใจว่าส่งออกไทยปีนี้จะเติบโตได้เล็กน้อย แม้มีภาษีนำเข้าสินค้าไปสหรัฐในอัตรา 10% ตั้งแต่เม.ย.25
• หุ้นที่มีความเสี่ยงจะได้รับผลกระทบจากปัญหาความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชา ที่คาดว่าจะกระทบมาก คือ CBG (มีรายได้จากกัมพูชา 13-15% ของรายได้รวม) ส่วนหุ้นที่มีความเสี่ยงจำกัด (มีรายได้จากกัมพูชาต่ำกว่า 7%) ได้แก่ OSP, BCH, BDMS, CHG, BGRIM, OR, MAJOR, CPALL, CPAXT, BJC,SCCC, SCC, CPF, TFG, BTG เป็นต้น นอกจากนั้นอาจส่งผลกระทบทางอ้อมกับกลุ่มรับเหมาก่อสร้างและโรงงานอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานชาวกัมพูชาด้วย
• การเมืองไทยมีหลายประเด็นที่ติดตาม 1) คดีทักษิณรักษาตัวชั้น 14 หลังศาลฎีกาฯมีคำสั่งเรียกสอบพยานเพิ่ม 20 ปากมาไต่สวนวันที่ 4, 8 และ 15 ก.ค.25 และขยายเวลายื่นคำชี้แจงให้อธิบดีกรมราชทัณฑ์และนายทักษิณถึงวันที่ 20 มิ.ย.และ 23 มิ.ย.ตามลำดับ, 2) การแก้ปัญหาข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา 4 จุด, 3) การปรับครม.ยังไม่จบ นายอนุทิน-เนวิน-ภราดร ได้รับหมายเรียกจากกกต.ไปรับทราบข้อกล่าวหาคดีฮั้วเลือกสว. ในจังหวะที่เพื่อไทยขอดูแลก.มหาดไทย

กลุยทธ์ : สัญญาณทางเทคนิคเป็นลบ ระยะสั้นมีแนวรับ 1110-1105, 1095 กรณีเด้งมีแนวต้าน 1120-1130, 1140 ยืนเหนือ 1140 ได้มั่นคงค่อยถือต่อ ส่วนการลงทุนระยะยะกลาง-ยาว แนะเลือกสะสมหุ้นพื้นฐานดีที่ Valuation ไม่แพง จ่ายปันผลดี สม่ำเสมอ หุ้นเด่นเดือนมิ.ย.25 ประกอบด้วย ADVANC, CPALL, KTB, PR9 และ STECON

หุ้นพื้นฐานแนะนำวันนี้ : BDMS– คาดกำไรสุทธิ 2Q25F เติบโต YoY ปัจจัยหนุนการเติบโต คือ รายได้คนไข้ต่างชาติเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจากตะวันออกกลาง (การ์ตา และ UAE) และยุโรป (อังกฤษ, เยอรมนี) ส่วนรายได้คนไข้ CLMV ทรงตัว ขณะที่รายได้คนไข้ไทยขยายตัวเลขหลักเดียวด้านต่า เทียบ YoY ร.พ.ยังบริหารต้นทุนและค่าใช้จ่ายได้ดี ส่วนเทียบ QoQ จะลดลงเพราะไตรมาส 2 มีวันหยุดมาก ราคาหุ้นได้ลงรับข่าวลบไปแล้วพอควร คงคำแนะนำ ซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 36 บาท

นักวิเคราะห์&กลยุทธ์: อาภาภรณ์ แสวงพรรค : arparporns@dbs.com : Tel 02 587 7829