11 มิ.ย. 2568 10:07:11 206
สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (11 มิถุนายน 2568 )-----บมจ.เพชรศรีวิชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ (PCE) สุดปลื้ม! เข้าทำเนียบ ESG100 จากสถาบันไทยพัฒน์เป็นปีแรก ตอกย้ำความเชื่อมั่นการดำเนินธุรกิจที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล ฟากผู้บริหาร "พรพิพัฒน์ ประสิทธิ์ศุภผล" ระบุ มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยยึดกลยุทธ์หลักแนวทางรักษ์โลกควบคู่กับบริหารงานให้สอดคล้องกับทิศทางเศรษฐกิจในปัจจุบัน เพื่อผลักดันการเติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมปักหมุดรายได้ปี 68 เพิ่มขึ้นแตะระดับ 3 หมื่นล้านบาท นายพรพิพัฒน์ ประสิทธิ์ศุภผล รองกรรมการผู้จัดการสายงานปฏิบัติการ บริษัท เพชรศรีวิชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) (PCE) ผู้นำอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มแบบครบวงจรที่มีความพร้อมการจัดการระบบซัพพลายเชน เปิดเผยว่า การที่บริษัทฯได้รับการคัดเลือกเข้าทำเนียบ ESG100 จากสถาบันไทยพัฒน์ เนื่องจากมีการดำเนินงานโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environmental Social and Governance: ESG) จากการประเมินหลักทรัพย์จดทะเบียน ในปี พ.ศ. 2568 ให้แก่ผู้ลงทุนสถาบัน ทั้งนี้ สถาบันไทยพัฒน์ โดยหน่วยงาน ESG Rating ซึ่งเป็นผู้พัฒนาข้อมูลด้านความยั่งยืนของธุรกิจในประเทศไทย และเป็นผู้จัดทำข้อมูลกลุ่มหลักทรัพย์ ESG100 นับตั้งแต่ปี พ.ศ.2558 ได้จัดทำรายชื่อหลักทรัพย์มีการดำเนินงานโดดเด่นด้าน ESG ประจำปี 2568 ด้วยการคัดเลือกจาก 921 บริษัท/กองทุน/ทรัสต์เพื่อการลงทุน ทำการประเมินโดยใช้ข้อมูลที่เกี่ยวกับ ESG จาก 6 แหล่ง จำนวนกว่า 17,056 จุดข้อมูล และ PCE จัดอยู่ในกลุ่มหลักทรัพย์ซึ่งได้เข้าอยู่ในทำเนียบ ESG100 เป็นครั้งแรกในปีนี้ ทั้งนี้ หลักทรัพย์กลุ่ม ESG100 ที่ได้รับคัดเลือกในปี 2568 จะใช้เป็นข้อมูลนำเข้าในการปรับหลักทรัพย์ที่เป็นองค์ประกอบของ Thaipat ESG Index ประจำปี สำหรับใช้เป็นดัชนีเปรียบเทียบผลตอบแทนจากการลงทุน (Benchmark Index) และใช้เป็นดัชนีอ้างอิงสำหรับการลงทุนแก่บริษัทจัดการลงทุนที่มีการให้บริการผลิตภัณฑ์การลงทุนในธีม ESG "การที่ PCE ได้รับคัดเลือกเข้าทำเนียบ ESG100 ของสถาบันไทยพัฒน์ ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยผนวกแนวทางรักษ์โลกเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์หลัก ทั้งภายในและภายนอกองค์กร มุ่งสร้างสมดุลตามหลัก ESG ครบทั้ง 3 มิติ ได้แก่ สิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล ควบคู่กับมิติเศรษฐกิจ สะท้อนถึงความก้าวหน้าและความตั้งใจในการดำเนินธุรกิจเสมอมา ซึ่งเป็นก้าวสำคัญของบริษัทฯ ที่แสดงให้เห็นถึงความรับผิดชอบและวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน" นายพรพิพัฒน์ กล่าว ปัจจุบัน PCE ยังคงมุ่งเน้นการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ลดปริมาณการบริโภคทรัพยากร สร้างระบบจัดการของเสียและมลพิษอย่างเป็นรูปธรรม ตลอดจนนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีสมัยใหม่มาประยุกต์ใช้ โดยมุ่งสร้างสมดุลตามหลัก ESG ควบคู่กับมิติเศรษฐกิจ เพื่อให้สอดคล้องกับการดำเนินงานและทิศทางของประเทศสู่การเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2593 และปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2608 สำหรับในไตรมาส 1/2568 กลุ่มบริษัท PCE มีความคืบหน้าในการดำเนินงานด้าน ESG หลายประการ เช่น ได้รับการรับรองคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร (Corporate Carbon Footprint; CFO) เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2568 โดยมีบริษัท ทูฟ นอร์ด (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้ทวนสอบ, กลุ่มธุรกิจโรงงานในเครือได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 50001 (Energy Management Systems) จากบริษัท ทูฟ นอร์ด (ประเทศไทย) จำกัด เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2568 ซึ่งแสดงถึงความมุ่งมั่นในการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานอย่างต่อเนื่อง รวมถึงดำเนินการตรวจสอบและทวนสอบย้อนกลับถึงแหล่งที่มาของวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตตามกฎหมาย EU Deforestation Regulation (EUDR) โดยร่วมมือกับ NECTEC เพื่อให้มั่นใจว่าสินค้าไม่ได้มาจากการตัดไม้ทำลายป่า ซึ่งจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นในการส่งออกไปยังสหภาพยุโรป นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีการเตรียมความพร้อมด้านอื่นๆ ได้แก่ การเข้าร่วม SET ESG Ratings และ FTSE Russell ESG Scores และการเตรียมขอรับรอง ISO 45001 เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัยและดีต่อสุขภาพ ขณะเดียวกัน "PCE มีทิศทางชัดเจนในการมุ่งสู่การเป็นองค์กรที่ดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน พร้อมทั้งเตรียมความพร้อมในการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ EUDR และ GGL เพื่อรองรับการขยายโอกาสทางการตลาดในระยะยาว นอกจากนี้ ยังดำเนินงานเชิงรุกร่วมกับชุมชนและหน่วยงานภาครัฐในการป้องกันผลกระทบจากการจัดการน้ำมันพืชอย่างไม่ถูกวิธี โดยในไตรมาส 1/2568 สามารถรวบรวมน้ำมันพืชใช้แล้วได้ 14,964 กิโลกรัม และมีโครงการรับซื้อน้ำมันพืชใช้แล้วกว่า 50,000 กิโลกรัม ซึ่งนำไปต่อยอดผลิตเป็นน้ำมันอากาศยานยั่งยืน และบริษัทฯ ยังได้จัดตั้งจุดรับแลกน้ำมันพืชใช้แล้วกับน้ำมันปาล์มโอเลอิน รินทิพย์ ภายใต้โครงการ ทิ้งไปเสียดายแย่ ซึ่งช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายครัวเรือนได้กว่า 423,756.00 บาท ในอนาคตมีแผนขยายความร่วมมือกับภาควิชาวิศวกรรมเคมี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และหน่วยงานราชการ ท้องถิ่น โรงเรียน มหาวิทยาลัยในภาคใต้เพื่อขยายโครงการนี้" นายพรพิพัฒน์ กล่าวในที่สุด ในปี 2568 คาดว่ารายได้จะเติบโตอย่างต่อเนื่องแตะระดับ 30,000 ล้านบาท โดยมีแนวโน้มที่ดีสำหรับการส่งออกน้ำมันปาล์มไปยังตลาดจีนและอินเดีย ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ได้เตรียมแผนขยายกำลังการผลิตโดยมุ่งเน้นการเพิ่มมูลค่าของสินค้า และขยายช่องทางจัดจำหน่าย เพื่อรองรับความต้องการของตลาดที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนากลยุทธ์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน ผ่านการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาปรับใช้ พร้อมทั้งให้ความสำคัญกับการจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์
NTFG ให้การต้อนรับ LEO พร้อมหารือโอกาสทางธุรกิจ
แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ เห็นหุ้นไทย เช้าวันนี้ เมื่อไปต่อไม่ได้ ก็ลงดีกว่า ลงแบบ เบาๆ บนไร้เงินใหม่ มากระตุ้น .....
รู้จักพร้อมเปิดพื้นฐาน NUT ก่อนเทรด 11 มิ.ย.- สายตรงอินไซด์ - 9 มิ.ย.68
Hooninside
สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้
ชื่อหรือรหัสของคุณไม่ถูกต้อง
Please, check your email format before submit.
Please, Enter you password.
Please, Enter minimum 3 character.
Please, Enter minimum 6 character.
กรุณากรอกอีเมล์ที่คุณใช้สมัครสมาชิกแล้วกดส่งเมล์