ไม่ใช่จังหวะขาย SET
TOP PICK KTB / DELTA / PTTGC
EXTERNAL FACTOR
• ตลาดการเงินมีแนวโน้มผันผวนน้อยลง ด้วยแรงผ่อนคลายการเจรจาทางการค้าล่าสุดจีนและสหรัฐฯ ได้ตกลงกันในหลักการเกี่ยวกับกรอบการดำเนินการตามฉันทามติที่ทั้งสองฝ่ายได้บรรลุร่วมกันในเจนีวา โดย “จีน” อนุมัติใบอนุญาตส่งออกแร่หายากและแม่เหล็ก แลกกับ “สหรัฐฯ” ยกเลิกมาตรการควบคุมการส่งออกบางรายการ
• ประเด็น TARIFF ยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิด หลังศาลอุทธรณ์สหรัฐฯ อนุญาตให้ทรัมป์คงภาษีนำเข้าไว้ได้ชั่วคราว และนัดไต่สวนในวันที่ 31 ก.ค. 68 หากไม่มีคำสั่งจากศาลสูงสุด ภาษีเหล่านี้จะยังคงมีผลบังคับใช้ต่อไปอีกหลายเดือน ซึ่งอาจส่งผลให้เงินเฟ้อสหรัฐฯ เข้าสู่กรอบเป้าหมายได้ยากขึ้นและเสี่ยงกระทบต่อทิศทางดอกเบี้ยได้
INTERNAL FACTOR
• การเมืองไทยที่ยังไม่ชัดเจนในหลายจุดทั้งการปรับ ครม., การเลื่อนประชุมบอร์ดใหญ่กระตุ้นเศรษฐกิจ มูลค่า1.57 แสนล้านบาท และ ความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับคดี รพ.ตร.
ของคุณทักษิณ ที่ได้ยื่นคำขอขยายเวลาส่งเอกสารคำชี้แจงต่อศาลออกไปก่อน 30 วัน
• ทำให้ตั้งแต่ต้นเดือน พ.ค.68 SET INDEX แกว่งทรงตัวในกรอบแคบแบบที่มี VOLUMEซื้อขายที่เบาบางลงเรื่อยๆ จนล่าสุดอยู่ระดับต่ำกว่า 3 หมื่นล้านบาท และกดดันดัชนีลงมาอยู่ระดับเดียวกับตอนกลัว COVID 19 สุดๆ จนมี VALUATION ที่น่าสนใจทั้งในมุมของ PE PBV และ MARKET EARNING YIELD GAP
INVESTMENT STRATEGY
• ก่อนช่วงศาลตัดสินผู้นำในประเทศ ตลาดหุ้นไทยมักกดมูลค่าซื้อขายที่เบาบางอยู่แล้ว แต่ดัชนีมักจะฟื้นกลับมาหมดเสมอ ดังสถิติในอดีตช่วงปี 2023 ประเด็นพรคคก้าวไกลไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ SET -1.6% หลังจากนั้น SET +2.6%, ช่วงปี 2024 ตอนคดีของคุณเศรษฐา SET -6.5% หลังจากนั้น SET +15.7%
• กลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้ แนะทยอยสะสมหุ้นที่กำไรเด่นราคา LAGGARD จาก 31 หุ้นใน SET100 มี EPS1Q25 สูงสุด (YOY) ตลอด 7 ปีที่ผ่านมา และราคาหุ้นตั้งแต่ต้นปียังลงมาแล้วมากกว่า 30% อย่าง AMATA,CRC, DELTA, BGRIM, AAV, WHA, AWC, PLANB
เจรจาการค้าคืบหน้า ส่วนมาตรการ TARIFF ยังไม่ยกเลิก
ตลาดการเงินมีแนวโน้มผันผวนน้อยลง ด้วยแรงผ่อนคลายของความคืบหน้าการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯกับประเทศต่างๆ
• ล่าสุดจีนและสหรัฐฯ ได้ตกลงกันในหลักการเกี่ยวกับกรอบการดำเนินการตามฉันทามติที่ทั้งสองฝ่ายได้บรรลุร่วมกันในเจนีวา (ใช้วลาเจรจารวมเกือบ 20 ชั่วโมง) โดย “จีน” อนุมัติใบอนุญาตส่งออกแร่หายากและแม่เหล็ก แลกกับ “สหรัฐฯ” ยกเลิกมาตรการควบคุมการส่งออกบางรายการ
• เม็กซิโกและสหรัฐฯ ใกล้จะตกลงกันได้ในการลดภาษีนำเข้าเหล็กลง 50% ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการผลิตและส่งเสริมการค้า
• ญี่ปุ่น เตรียมเจรจาการค้าสหรัฐฯ รอบ 5
• เวียดนาน เตรียมเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ รอบ 3
• กัมพูชา เตรียมเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ รอบ 3
• ไทย ได้รับนัดเจรจากับสหรัฐฯ แล้ว (แต่ยังไม่กำหนดวันเจรจา)
อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามประเด็น TARIFF อย่างใกล้ชิด ล่าสุดศาลอุทธรณ์ของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ มีคำสั่งให้ปธน. ทรัมป์ สามารถคงมาตรการภาษีนำเข้าทั่วโลกไว้ได้ต่อไปในระหว่างที่การอุทธรณ์คำตัดสินของศาลชั้นต้นยังดำเนินอยู่ โดยศาลอุทธรณ์ระบุว่า ฝ่ายรัฐบาลสามารถแสดงให้เห็นว่า “มีเหตุผลเพียงพอ” ที่จะระงับคำสั่งห้ามของศาลชั้นต้นไว้ก่อน ทั้งนี้ ศาลอุทธรณ์จะมีการนัดไต่สวนในวันที่ 31 ก.ค. 68 หากไม่มีคำสั่งจากศาลสูงสุด ภาษีเหล่านี้จะยังคงมีผลบังคับใช้ต่อไปอีกหลายเดือน ซึ่งอาจส่งผลให้เงินเฟ้อสหรัฐฯ เข้าสู่กรอบเป้าหมายได้ยากขึ้นและเสี่ยง
กระทบต่อทิศทางดอกเบี้ยในระยะถัดได้
ขณะที่คืนนี้ รอติดตามตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ เดือน พ.ค. 68 ล่าสุด CONSENSUS คาด +2.4%YOY ซึ่งขยับสูงขึ้นจากเดือนก่อน เนื่องจากอยู่ในช่วงปลี่ยนผ่านนโยบายทางการค้า และเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ส่งผลให้FEDWATCH TOOL ให้น้ำหนักเกือบ 100% คาด FED คงดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์หน้า (18 มิ.ย. 68)
SET มีมูลค่าซื้อขายเบาบางรอการเมืองชัดเจน แต่เป็นจุดขายจริงๆหรือ
การเมืองไทยที่ยังไม่ชัดเจนในหลายจุดทั้งการปรับ ครม., การเลื่อนประชุมบอร์ดใหญ่กระตุ้นเศรษฐกิจ 11 มิ.ย. มูลค่า1.57 แสนล้านบาท และ ความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับคดี รพ.ตร.ของคุณทักษิณ ซึ่งล่าสุดทนายความของคุณทักษิณเตรียมจะเดินทางไปยังศาลฎีกาฯ ตามนัดไต่สวน โดยที่คุณทักษิณจะไม่ได้เดินทางไปด้วยตนเองในวันที่ 13 มิ.ย.68และได้ยื่นคำขอขยายเวลาส่งเอกสารคำชี้แจงต่อศาลออกไปก่อน 30 วัน ซึ่งศาลได้กำหนดกรอบเวลาใหม่เป็นภายในวันที่ 23 มิ.ย.68 ซึ่งศาลจะพิจารณาหลักฐานทั้งหมดจากทั้งฝ่ายโจทก์ (ป.ป.ช. และอัยการสูงสุด) และฝ่ายจำเลย (คุณทักษิณและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง) ก่อนมีคำวินิจฉัยในวันนั้น ซึ่งเป็นประเด็นที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดว่าจะมีผลลัพธ์
ออกมาแนวทางใด ซึ่งน่าจะเห็นแนวทางผ่านการประชุมของแพทยสภาในวันที่ 12 มิ.ย.68 ก่อน
ประเด็นดังกล่าว ทำให้ตั้งแต่ต้นเดือน พ.ค.68 SET INDEX แกว่งทรงตัวในกรอบแคบแบบที่มีVOLUME ซื้อขายที่เบาบางลงเรื่อยๆ จนล่าสุดอยู่ระดับต่ำกว่า 3 หมื่นล้านบาท และกดดันดัชนีลงมาอยู่ระดับเดียวกับตอนกลัว COVID 19สุดๆ
จนมี VALUATION ที่น่าสนใจทั้งในมุมของ PE PBV และ MARKET EARNING YIELD ทำให้ฝ่ายวิจัยฯ มองว่าจุดนี้ไม่ใช่จุดที่ควรขายหรือยอมแพ้ตามตัวเลขสถิติช่วงศาลตัดสินผู้นำที่จะกล่าวในหัวข้อถัดไป
SET INDEX จุดนี้ไม่ใช่จุดขาย และกลยุทธ์ควรเลือกหุ้นแบบใด
ก่อนช่วงศาลตัดสินผู้นำในประเทศ ตลาดหุ้นไทยมักกดมูลค่าซื้อขายที่เบาบางเป็นปกติอยู่แล้ว แต่ดัชนีมักจะฟื้นกลับมาหมดเสมอ ดังสถิติในอดีตช่วงปี 2023 ตอนการเมืองร้อนแรงประเด็นพรคคก้าวไกลไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้SET -1.6% หลังจากนั้น SET +2.6%, ช่วงปี 2024 ตอนการเมืองร้อนแรงคดีของคุณเศรษฐา SET -6.5%หลังจากนั้น SET +15.7% ดังรูปด้านล่าง
กลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้ แนะทยอยสะสมหุ้นที่กำไรเด่นราคา LAGGARD จาก 31 หุ้นใน SET100 มี EPS 1Q25สูงสุด (YOY) ตลอด 7 ปีที่ผ่านมา (ดังภาพทางด้านล่าง) โดยเลือกหุ้นที่ราคาตั้งแต่ต้นปียังลงมาแล้วมากกว่า 30%อย่าง AMATA, CRC, DELTA, BGRIM, AAV, WHA, AWC, PLANB
Research Division
จัดทำโดย
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์