Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

บล.บัวหลวง : รอบด้านตลาดหุ้น

127

 


ภาพตลาดและแนวโน้ม

 

อัปเดต Fund Flow:

ในสัปดาห์ที่ผ่านมา กระแสเงินลงทุน (fund flows) ใน 5 ตลาดหลักของภูมิภาคที่เราติดตามเป็นการไหลออกต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 2 โดยมียอดขายสุทธิที่ 271 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้าที่เป็นเงินไหลออกสุทธิ 531 ล้านดอลลาร์

ตลาดหุ้นที่เผชิญแรงขายมากที่สุดคือไต้หวัน (-1,723 ล้านดอลลาร์) อินโดนีเซีย (-288 ล้านดอลลาร์) และไทย (-73 ล้านดอลลาร์) ขณะที่เกาหลีใต้มีแรงซื้อค่อนข้างหนาแน่น (1,803 ล้านดอลลาร์) และฟิลิปปินส์มีแรงซื้อเข้ามาบางๆ (8 ล้านดอลลาร์)

จากการที่สัปดาห์ล่าสุดเห็นสัญญาณของแรงขายกลับเข้ามาในตลาดหุ้นภูมิภาคต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 2 ทำให้แรงขายสะสมใน 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาคิดเป็นยอดรวม 803 ล้านดอลลาร์ หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีแรงซื้อสะสมต่อเนื่องถึง 5 สัปดาห์ คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 10,450 ล้านดอลลาร์

จากสัญญาณดัชนี Volume Index ในสัปดาห์ที่ผ่านมาสะท้อนว่า เซกเตอร์ที่โดดเด่นในระดับภูมิภาค ได้แก่ Chemicals ในตลาดหุ้นอินโดนีเซียและเกาหลีใต้ กลุ่ม Finance ในตลาดหุ้นไต้หวันและเกาหลีใต้ และกลุ่ม Semiconductor ในตลาดหุ้นไต้หวันและเกาลีใต้

สำหรับสัปดาห์นี้ คาดว่ากลุ่ม Bank Energy & Utilities และ ICT จะเป็นเซกเตอร์ที่โดดเด่นของไทย โดย Volume Index ของกลุ่มธนาคารคาดว่าจะฟื้นตัวจากระดับ midpoint ขณะที่กลุ่มพลังงานและสาธารณูปโภค และสื่อสารคาดว่าจะฟื้นตัวจากระดับต่ำกว่า midpoint

อัปเดต Market-Timing Indicator:

ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนี SET ปรับตัวลดลง 3.5% และหลุดแนวรับทางจิตวิทยาที่ 1,165 จุด ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจที่อ่อนแอและความไม่แน่นอนเกี่ยวกับเสถียรภาพของรัฐบาล ส่งผลให้ Composite Short-term Indicator อ่อนแอลงอย่างมีนัยสำคัญ จากแรงกดดันของทั้งสององค์ประกอบหลัก ได้แก่ Short-term Bull-to-Bear และ Short-term Momentum Index


เราประเมินว่าตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มรีบาวด์ในระยะสั้น หลังจากดัชนี Short-term Bull-to-Bear ปรับตัวลงสู่โซน lower-bound ซึ่งมักเป็นระดับที่เกิด mean reversion ตามมา อย่างไรก็ตาม อัพไซด์อาจยังไม่มากนัก เนื่องจาก Composite Medium-term Indicator ยังคงอยู่ในระดับต่ำ ขณะที่ Medium-term Market Breadth ก็อยู่ที่เพียง 30% ซึ่งเป็นโซนที่สะท้อนจิตวิทยาเชิงลบของตลาด


โดยสรุป แม้จะเริ่มเห็นสัญญาณบวกจากดัชนี Market-timing ในระยะสั้นบางตัว แต่ภาพรวมของ Indicators ส่วนใหญ่ยังไม่แสดงถึงแรงหนุนที่ชัดเจนสำหรับการปรับขึ้นในระยะกลาง ทำให้เราคาดว่า SET Index จะเคลื่อนไหวในกรอบจำกัดที่ระดับ 1,120–1,190 จุดต่อไปในช่วงสองสัปดาห์ข้างหน้า



สรุปภาพตลาดวานนี้

หุ้นไทยไปไหนได้ไม่ไกล บวก-ลบ สลับกันไป โดยหุ้นกลับมาบวกดันตลาดได้ DELTA CPAXT TOP BCP BGRIM และบวกแรง STECON PROEN NEX BYD ส่วนกลุ่มลบกดดันตลาด TRUE PTT CPN SCC BEM VGI

แนวโน้มตลาดวันนี้ เพิ่มหุ้นเข้าพอร์ต
ตลาดหุ้นไทยถูกปรับลดน้ำหนักลงทุนอีกระลอกจากโบรกต่างชาติ “Goldman Sachs” ขณะที่มูลค่าการซื้อขายลดลงต่อเนื่อง สะท้อนความเสี่ยงขาลงยังคงมีอยู่ แต่เรามองว่าความเสี่ยงด้านล่างมีจำกัดในระยะสั้น โดยการปรับฐานลงมารอบนี้จะมีรีบาวด์ในอีกไม่ช้า เพียงแต่การรีบาวด์ ก็ถูกจำกัด Upside เช่นเดียวกัน

หาก นลท. ติดตามเราและ พิจารณาตาม จะเห็นว่าประเด็นกดดันหุ้นไทยดิ่งหนักรอบนี้ มาจากประเด็นรายตัวมากกว่า ปัจจัยมหภาค เช่น ข่าวน้ำมันรั่วของ บมจ.ไทยออยล์, DELTA อาจกระทบจากการปรับเกณฑ์ Capped weight ที่จะใช้ในการคำนวณ SET50/SET100 เริ่ม 1 ก.ค. นี้ แต่ สุดท้ายราคาหุ้นที่ว่ามา ก็ค่อยๆ รีบาวด์

ดังนั้นเรายังคงมุมมอง หุ้นไทยยังไม่หมดหวัง ที่จะสร้างฐาน และฟื้นตัวกลับมาได้อีกรอบ หลังจากการปรับฐานครั้งนี้ผ่านไปเพราะเมื่อหมดข้ออ้าง ทั้งเรื่องการเมืองในประเทศ เช่น คดีอดีตนายกทักษิณ ศุกร์นี้รู้เรื่อง!, การปรับ ครม., กรณีพิพาทกับ กัมพูชา ตลอดจน เทรดวอร์ เมื่อทางการไทย และสหรัฐฯ ได้คิวเจรจากันแล้ว ขณะที่ ผลเจรจาสหรัฐฯ-จีน รอบลอนดอน ก็ได้ดีลที่ดี และทีมเจรจาได้รับอำนาจสิทธิขาดในการตัดสินใจ ซึ่งน่าจะช่วยลดขั้นตอนทำให้การปิดดีลระหว่างสหรัฐฯกับนานาประเทศเร็วขึ้นและน่าจะทันเส้นตาย เดือนหน้า

ส่วนกลยุทธ์ เราแนะนำ ทนถือหุ้นที่พาเข้าไปก่อนหน้านี้ ไว้ก่อนแม้ราคาหุ้นจะย่อลงแรง เช่น TOP ที่ลงแรงเกินพื้นฐานจากผลกระทบน้ำมันรั่ว รวมถึงหุ้นสินค้าโภคภัณฑ์ตัวอื่นด้วย และวันนี้เรา เพิ่มหุ้น BGRIM เข้าพอร์ตกลยุทธ์

กลยุทธ์การลงทุน
กลยุทธ์การลงทุนช่วงนี้ แนะนำ ซื้อเก็งกำไร เล่นรอบ เน้นไปที่หุ้น 1Q25 ส่อแววผ่านจุดต่ำสุด และเริ่มจะเห็นสัญญาณของการฟื้นตัว เช่นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์

วิเคราะห์ทางเทคนิค
หากมองถึงการปรับฐานรอบใหญ่ของดัชนี เมื่อวัดจาก peak 1,506 จุด จนถึงล่าสุด 1,135 จุด พบว่าปรับตัวลงมาแล้วทั้งสิ้น -25% มีเหตุหลายๆ ครั้งที่ทำให้ RSI เข้าสู่ oversold ทำให้มีจังหวะดีดเด้ง...ชั่วคราว แต่ไม่ใช่จุดกลับตัว...แนะจับตาโครงสร้างปัจจุบันเริ่มสร้างฐานออกข้าง ไม่มี new low (ต่ำกว่า 1,056 จุด) สำหรับความเสี่ยง downside risk ของตลาดยังมองลงมาปิด gap ช่องว่างที่ 1,100-1120 จุด ลงไม่ลึก! ส่วนแนวโน้มสัปดาห์นี้ ดัชนีมีช่วงลงสลับเด้งให้ เก็งกำไรได้บ้าง แผนเทรดวันนี้เราจะมาหาหุ้นติดยศกันครับ

 

 

 


What to watch
Goldman Sachs หั่นเป้าหุ้นไทยเหลือ 1180 จุด ปรับลดน้ำหนักการลงทุน
คาดหุ้นติดโผ SET50 รอบใหม่ BCP KKP TCAP TIDLOR หุ้นออก BGRIM GLOBAL ITC SAWAD // ส่วน SET100 หุ้นเข้า AURA JTS MBK TFG TOA WHAUP หุ้นออก CKP COCOCO ROJNA SAPPE SKY SNNP
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เปิดเผยข่าวดีล่าสุดว่าขณะนี้ประเทศสหรัฐฯ ได้ตอบรับอย่างเป็นทางการแล้ว ที่จะเริ่มเจรจากับประเทศไทยเรื่องมาตรการภาษี และการค้าระหว่างสองฝ่าย
สหรัฐฯ เร่งปิดดีลแร่หายากกับจีนที่ลอนดอน หวังดันให้จีนส่งออกมากกว่านี้ผู้อำนวยการสภาเศรษฐกิจแห่งชาติประจำทำเนียบขาวของสหรัฐฯ เปิดเผยว่า คณะผู้แทนเจรจาของสหรัฐฯ ตั้งเป้ารื้อฟื้นการส่งออกแร่ธาตุสำคัญให้กลับมาเป็นปกติ ในการพบปะกับฝ่ายจีนเพื่อเจรจาการค้ารอบใหม่ที่กรุงลอนดอน เมื่อ 9 มิ.ย.
เกิดเหตุประท้วงใน LA
FTSE SET เพิ่มหุ้น AURA เข้า FTSE MID Cap
ประกาศ ตลท.ห้าม HFT (โรบอท) ซื้อขายหุ้นนอก SET100 เริ่ม 7 ก.ค.นี้

หุ้นแนะนำวันนี้

BGRIM เล่นรับโอกาสลงทุนผ่านงานเสวนาฯ เจาะลึกอนาคตธุรกิจโรงไฟฟ้าไทย กับ BLS Research
แนวรับ 10.6 ต้าน 12 Stop loss 9.8

Tactical port Add BGRIM

 

 

 


รายงานพื้นฐานวันนี้

Quantitative Strategy
ดัชนี Short-term Bull-to-Bear แตะจุดต่ำสุด SET น่าจะรีบาวด์ แต่อัพไซด์ยังคงจำกัด
ตลาดหุ้นไทยปรับลง 3.5% ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ทะลุต่ำกว่าแนวรับทางจิตวิทยาที่ 1,165 จุด ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจที่อ่อนแอและความไม่แน่นอนทางการเมืองภายในประเทศเกี่ยวกับเสถียรภาพของรัฐบาล เราคาดว่าตลาดหุ้นไทยจะรีบาวด์ได้ในระยะอันใกล้ อย่างไรก็ตามอัพไซด์จะยังคงจำกัด ทั้งนี้ ดัชนี Composite Short-term อ่อนแอลงมากในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยทั้งดัชนี Short-term Momentum และ ดัชนี Short-term Bull-to-Bear ปรับตัวลง อย่างไรก็ตามเราคาดว่า SET จะรีบาวด์ได้ในระยะสั้น เนื่องจากดัชนี Bull-to-Bear ได้ปรับลงจนถึงกรอบล่างแล้ว ซึ่งมักเป็นระดับที่จะเกิดภาวะ Mean Reversion ขณะที่ดัชนี Composite Medium-term ค่อนข้างทรงตัวเมื่อเทียบกับสองสัปดาห์ก่อนหน้า เนื่องจากองค์ประกอบย่อยทุกด้านเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย แม้ว่าดัชนีดังกล่าวจะอยู่ใกล้กรอบล่าง แต่โอกาสในปรับขึ้นไปมากๆจากระดับปัจจุบันยังเป็นไปได้ยากเนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจโลกยังคงมีความเสี่ยง เราประเมินกรอบดัชนี SET ในช่วงสองสัปดาห์ข้างหน้าไว้ที่ 1120-1190 จุด

Weekly
Commodities
ค่าระวางเรือตู้ยังคงปรับตัวขึ้นแรง
น้ำมันดิบ: ราคาน้ำมันดูไบเฉลี่ยขยับขึ้นเล็กน้อย +0.12 เหรียญ WoW อยู่ที่ 64.27 เหรียญ/บาร์เรล จากความกังวลต่อความตึงเครียดระหว่างรัสเซีย-ยูเครน และสหรัฐฯ-อิหร่าน ที่อาจกระทบอุปทาน ในตลาด
ค่าการกลั่น: GRM สิงคโปร์ขยายตัวต่ออีก +0.32 เหรียญ WoW มาอยู่ที่ 7.15 เหรียญ/บาร์เรล จากสเปรดผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้นทุกกลุ่ม
สเปรดเคมี: ปรับขึ้นต่อเนื่องตามต้นทุนนาฟทาที่ลดลง
ถ่านหิน: ราคา Newcastle Index เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง +1.59 เหรียญ WoW (ขึ้น 2%) อยู่ที่ 104.08 เหรียญ/ตัน จากความต้องการในเอเชียที่แข็งแกร่งขึ้น
ค่าระวางเรือ: Dry Bulk: BDI พุ่งขึ้น +13% WoW มาอยู่ที่ 1,520 จุด โดย Capesize +28% (2,560 จุด), Panamax +เล็กน้อย (1,163 จุด) ขณะที่ Supramax -2% (940 จุด)
Container: World Container Index พุ่งแรงที่สุด +41% WoW มาอยู่ที่ 3,527 จุด ถือเป็นจุดสูงสุดรอบปี หนุนแนวโน้มรายได้ของ RCL ชัดเจน
Fundamental view: เรายังชอบ IVL จากแนวโน้มกำไรที่แข็งแกร่งใน 2Q25, TOP จากค่าการกลั่นที่ขยายและต้นทุนน้ำมันที่ต่ำ, และ PTTGC จากการฟื้นตัวของสเปรดเคมี QoQ
ส่วนกลุ่มเดินเรือ (PSL, TTA, RCL) จะได้อานิสงส์เชิงราคาจากค่าระวางเรือที่ปรับขึ้นต่อเนื่องในช่วง Grace Period ของภาษีสหรัฐฯ - จีน

 

 

 

Utilities Sector
เตรียมพบกับ Event ถัดไป BLS Tariff Talk ถกประเด็นลดค่าไฟ
เราจะจัดงาน “BLS Tariff Talk: Why cutting power bills isn’t so easy” วันที่ 11–13 และ 30 มิ.ย. จะรวมความคิดเห็นจากหน่วยงานรัฐ (EGAT, EPPO), องค์กรอิสระ (RE100, TDRI) และบริษัทจดทะเบียน (BGRIM, GPSC, WHAUP, GUNKUL) เพื่อให้มุมมองเชิงลึกต่อปัญหาโครงสร้างค่าไฟและแนวโน้มพลังงานในอนาคต
Key Insights ที่น่าจับตา:
EGAT (11 มิ.ย.): คาดว่าจะเปิดเผยข้อจำกัดและ Trade-off ของนโยบายลดค่าไฟจากรัฐ
RE100 (12 มิ.ย.): วิเคราะห์ความเป็นไปได้ทางกฎหมายในการแก้ไขสัญญา FiT/Adder
TDRI (13 มิ.ย.): เสนอแนวทางเชิงนโยบายเพื่อให้เกิดการลดค่าไฟอย่างยั่งยืน
EPPO (30 มิ.ย.): จับสัญญาณแผน PDP ใหม่ และทิศทางโรงไฟฟ้าประเภทที่รัฐจะสนับสนุน
ด้านกลยุทธ์ของบริษัทจดทะเบียน:
BGRIM (11 มิ.ย.): เจาะความร่วมมือกับ Digital Edge และโอกาสในธุรกิจ Data Center
GPSC (11 มิ.ย.): แนวทางรักษาอัตรากำไร และแนวโน้มกำไรปี 2025
WHAUP (13 มิ.ย.): ปันผลที่สูงจะแกร่งจริงแค่ไหน, การฟื้นตัวของกำไร และการจับกลุ่ม Data Center
GUNKUL (30 มิ.ย.): การเติบโตของพอร์ตโซลาร์และลม และอัปเดตโอกาสจากโครงการรัฐและรัฐวิสาหกิจ
Fundamental view: งานนี้จะเป็นเวทีสำคัญที่ชี้ให้เห็นทิศทางการกำหนดนโยบายไฟฟ้าของไทย ทั้งด้านต้นทุน กฎหมาย และแผนการขยาย (PDP) ซึ่งมีผลต่อมูลค่าในระยะกลางถึงยาว ของหุ้นโรงไฟฟ้า และนักลงทุนจะได้เห็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม

ICHI
(Visit Note)
อิชิตัน กรุ๊ป
กระทบจากกำลังซื้ออ่อนแอ
มูลค่าตลาดธุรกิจชาพร้อมดื่ม (RTD Tea) 4,460 ล้านบาท สำหรับ 1Q25 หดตัว 0.6% YoY เทียบกับอุตสาหกรรมเครื่องดื่มรวมที่มีการเติบโต 0.3% YoY และผู้บริหารคาดว่าตลาด RTD จะไม่เติบโตในปี 2025 โดยในเดือนเม.ย2025 ยังคงหดตัว 4% YoY (อากาศไม่ได้ร้อนระอุเหมือนหน้าร้อนปีที่ผ่านมา) แต่ดีขึ้น QoQ (ตามปัจจัยฤดูกาล) โดยรวม 2Q25 คาดยังคงเผชิญแรงกดดันจากทั้งปัจจัยฤดูกาลและกำลังซื้อที่อ่อนแอ แม้ยอดขายและกำไรหลักของ ICHI จะฟื้นตัว QoQ แต่ยังลดลง YoY
การขายที่ดินให้กลุ่มพันธมิตร สำหรับการก่อสร้างโรงงานใหม่ ที่จะรับผลิตสินค้าบางส่วนให้ ICHI จะทำให้บริษัทบันทึกเป็นกำไรจากการขายที่ดินราว 120 ล้านบาท ใน 2Q25 และบริษัทคาดว่าจะจ่าย ปันผลระหว่างกาลสำหรับผลการดำเนินงาน 1H25 และอาจพิจารณาจ่ายปันผลพิเศษจากกำไรจากการขายที่ดินด้วย
Our view: ช่วงที่ผ่านมา แรงกดดันได้ถูกสะท้อนผ่านการปรับลดประมาณการกำไรของ consensus แล้ว โดยปัจจัยสนับสนุนในระยะสั้นอยู่ที่ dividend yield ที่ consensus คาดการณ์ราว 11%

 

 

 

สรุปประเด็นจาก Quick take

SCGP
เอสซีจี แพคเกจจิ้ง

การเข้าถือหุ้นเพิ่มเติมใน Duy Tan Plastics
SCGP เข้าซื้อหุ้นเพิ่มเติมอีก 30% ใน Duy Tan Plastics Manufacturing Corporation มูลค่าเงินลงทุน 3.7 พันล้านบาท (ใช้เงินกู้ 80%, ใช้เงินสด 20%) ภายหลังธุรกรรมเสร็จสิ้น สัดส่วนการถือหุ้นของ SCGP ใน Duy Tan จะเพิ่มขึ้นเป็น 100% (จากเดิม 70%)
View from fundamental: ข่าวดังกล่าวน่าจะเป็น positive sentiment ต่อราคาหุ้น นอกจากนั้นยังมีอัพไซด์ต่อประมาณการกำไรในอนาคตจากการลงทุนใหม่ๆ เราจึงคงคำแนะนำ “ซื้อ”

 

 


วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
นภนต์ ใจแสน นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
ภูวดล ภูสอดเงิน, AISA นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน

 

 

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

การเมือง ร้อน By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ รัฐบาล ไม่พ้นปรับ ครม. เมื่อพรรคการเมือง บางพรรค ส่งสัญญาณปรับเปลี่ยนตัว ผลัดกันเป็น...

NAM ร่วมงาน Opp-Day โชว์ศักยภาพงานวิจัย-พัฒนาเต็มสูบ

NAM ร่วมงาน Opp-Day โชว์ศักยภาพงานวิจัย-พัฒนาเต็มสูบ

มัลติมีเดีย

รู้จักพร้อมเปิดพื้นฐาน NUT ก่อนเทรด 11 มิ.ย.- สายตรงอินไซด์ - 9 มิ.ย.68

รู้จักพร้อมเปิดพื้นฐาน NUT ก่อนเทรด 11 มิ.ย.- สายตรงอินไซด์ - 9 มิ.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้