Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

SJWD ปรับใหญ่ธุรกิจ Freight เพิ่มศักยภาพเติบโต ทรานส์ฟอร์ม 'เอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดี เฟรท' สู่ ผู้ให้บริการนำเข้า-ส่งออกระหว่างประเทศขับเคลื่อนด้วยดิจิทัล ขึ้นแท่นผู้ให้บริการโลจิสติกส์รายแรกในไทยที่คว้าสิทธิเป็นผู้ให้บริการ NSP

114

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (9 มิถุนายน 2568 )-----"บมจ.เอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดี โลจิสติกส์" หรือ SJWD วางกลยุทธ์เพิ่มศักยภาพธุรกิจ Freight หลังปรับโครงสร้างแยกธุรกิจมาดำเนินงานภายใต้บริษัท "เอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดี เฟรท" เมื่อปลายปีที่ผ่านมา รุกทรานส์ฟอร์มธุรกิจ พลิกโฉมจากผู้ให้บริการ Freight สู่การเป็นผู้ให้บริการนำเข้า-ส่งออกระหว่างประเทศแบบครบวงจรด้วยดิจิทัลโซลูชั่น สร้างความแตกต่างจากผู้ประกอบการรายอื่น พร้อมขยายกลุ่มธุรกิจใหม่ "Digital Business for Export and Import" หลังเป็นผู้ให้บริการนำเข้า-ส่งออกระหว่างประเทศรายแรกในไทย ที่ผ่านการขึ้นทะเบียนเป็นผู้ให้บริการเชื่อมโยงข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์สำหรับการนำเข้า-ส่งออกกับกรมศุลกากร หรือ NSP (National Single Window Service Provider) วางเป้าหมายดันรายได้นับจากปี 2567-2572 เพิ่มขึ้นกว่า 70% จาก 1,500 ล้านบาท เป็น 2,500 ล้านบาท


นายบรรณ เกษมทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท เอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดี โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SJWDผู้ให้บริการโลจิสติกส์และซัพพลายเชนแบบครบวงจรรายใหญ่ที่สุดในอาเซียน เปิดเผยว่า บริษัทฯ วางกลยุทธ์เพิ่มศักยภาพธุรกิจ Freight และยกระดับการให้บริการที่แตกต่างจากผู้ประกอบการทั่วไปในตลาด โดยเมื่อปลายปีที่ผ่านมาได้ปรับโครงสร้างแยกธุรกิจ Freight ออกมาดำเนินการภายใต้บริษัท เอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดี เฟรท จำกัด เพื่อวัตถุประสงค์ในการขยายธุรกิจ Freight Forwarder ทั้งทางทะเลและทางอากาศ (Sea Freight & Air Freight) ทั้งในประเทศไทย และภูมิภาคอาเซียน เดินหน้าทรานส์ฟอร์มธุรกิจจากผู้ให้บริการ Freight หรือตัวแทนขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ สู่การเป็นผู้ให้บริการนำเข้า-ส่งออกระหว่างประเทศแบบครบวงจรด้วยดิจิทัลโซลูชั่น


การทรานส์ฟอร์มธุรกิจของเอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดี เฟรท ครั้งนี้ จะเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ขับเคลื่อนธุรกิจในช่วง 3-5 ปีข้างหน้า จากเดิมที่แบ่งธุรกิจหลักเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ (1) กลุ่มธุรกิจ Freight ประกอบด้วย บริการตัวแทนผู้ให้บริการขนส่งสินค้าทางทะเลและทางอากาศแก่ลูกค้าในเครือ SCG และลูกค้าทั่วไป ซึ่งฐานลูกค้าปัจจุบันคิดเป็นจำนวนตู้คอนเทนเนอร์ปริมาณ 150,000 TEU/ปี รวมทั้งสินค้าเทกองจำนวน 1.2 ล้านตันต่อปี และ (2) กลุ่มธุรกิจ Non-Freight ประกอบด้วยบริการด้านพิธีการศุลกากร บริการด้านเอกสารเกี่ยวกับการส่งออกและนำเข้าสินค้า บริการด้านเอกสารที่เกี่ยวข้องกับส่วนราชการต่าง ๆ เป็นต้น ล่าสุดได้ขยายกลุ่มธุรกิจใหม่ "Digital Business for Export and Import" หรือการให้บริการด้านดิจิทัลเพื่อการส่งออกและนำเข้า โดยมุ่งหวังให้เป็น New S-Curve เนื่องจากมีศักยภาพเติบโตสูง


การขยายกลุ่มธุรกิจใหม่ดังกล่าว เนื่องจากเห็นโอกาสจากการที่บริษัทฯ และอุตสาหกรรมที่ส่งออกและนำเข้าสินค้า มีความต้องการใช้บริการทำธุรกรรมส่งข้อมูลแบบดิจิทัลเพื่อดำเนินพิธีการศุลกากร ผ่านระบบ National Single Window (NSW) ซึ่งเป็นการเชื่อมโยงข้อมูลกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนสำหรับการส่งออกและนำเข้าเป็นจำนวนมากในแต่ละปี โดยประเมินว่ามีมูลค่าตลาดรวมกว่า 3,300 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา และมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง เนื่องจากช่วยเพิ่มความสะดวก รวดเร็ว และมีต้นทุนต่ำกว่าการส่งข้อมูลด้วยเอกสาร


ล่าสุด บริษัท เอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดี เฟรท ได้ผ่านการรับรองคุณสมบัติตามข้อกำหนดการเชื่อมโยงข้อมูลกับระบบ NSW และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นผู้ให้บริการเชื่อมโยงข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ NSW Service Provider (NSP) จากบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT โดยนับเป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์รายแรกในประเทศไทยที่ได้รับการรับรองคุณสมบัติและขึ้นทะเบียนเป็นผู้ให้บริการ NSP ดังกล่าว หลังจากได้ลงทุนพัฒนาระบบเชื่อมต่อข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ระหว่างภาครัฐและเอกชน


บริษัท เอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดี เฟรท เริ่มให้บริการส่งข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์เพื่อดำเนินพิธีการศุลกากรแล้วตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2568 โดยเฟส 1 เริ่มให้บริการแก่ลูกค้าในเครือ SCG โดยจะรับข้อมูลจากลูกค้าผ่านแพลตฟอร์ม และเชื่อมข้อมูลไปยัง บมจ.โทรคมนาคมแห่งชาติ เพื่อส่งต่อข้อมูลไปยังกรมศุลกากร จากนั้นกรมศุลกากรส่งข้อมูลตอบรับสินค้ากลับมายังแพลตฟอร์มบริษัทฯ เพื่อส่งข้อมูลกลับไปยังลูกค้าแบบเรียลไทม์  ส่วนเฟส 2 จะทำการขยายบริการส่งข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์เพื่อดำเนินพิธีการศุลกากรแก่ลูกค้าทั่วไป รวมถึงบริการส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ไปยังหน่วยงานภาครัฐอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกและนำเข้าสินค้า


จากกลยุทธ์ทรานส์ฟอร์มธุรกิจครั้งนี้ มีเป้าหมายผลักดันรายได้ของบริษัท เอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดี เฟรท นับจากปี 2567-2572 เพิ่มขึ้นเกือบ 70% จาก 1,500 ล้านบาท เป็น 2,500 ล้านบาท โดยในปี 2567 สัดส่วนรายได้มาจากกลุ่มธุรกิจ Freight 70% และ Non-Freight 30% คาดว่าภายใน 3-5 ปีข้างหน้า สัดส่วนรายได้จะมาจากกลุ่มธุรกิจ Freight 50%, Non-Freight 40% และ Digital Business สำหรับการส่งออกและนำเข้า 10% โดยมีแผนจะขยายงานกลุ่มธุรกิจ Non-Freight และธุรกิจ Digital Business สำหรับการส่งออกและนำเข้า เพื่อเพิ่มสัดส่วนอัตรากำไรที่ดียิ่งขึ้น รวมถึงตั้งเป้าหมายบริษัทเอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดี เฟรท ก้าวสู่การเป็นผู้นำการให้บริการนำเข้า-ส่งออกระหว่างประเทศแบบครบวงจรด้วยดิจิทัลโซลูชั่น

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

ตามสภาพ By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ ตลาดหุ้นไทย เคลื่อนไหวตามสภาพ ท่ามกลาง ตลาดหุ้นเอเชียหลายแห่งปรับตัวเพิ่มขึ้น บนปัจจัยที่.....

มัลติมีเดีย

รู้จักพร้อมเปิดพื้นฐาน NUT ก่อนเทรด 11 มิ.ย.- สายตรงอินไซด์ - 9 มิ.ย.68

รู้จักพร้อมเปิดพื้นฐาน NUT ก่อนเทรด 11 มิ.ย.- สายตรงอินไซด์ - 9 มิ.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้