สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(6 มิถุนายน 2568 )-----ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี สร้างวัฒนธรรมสนับสนุนให้พนักงานพัฒนาศักยภาพรอบด้าน ทั้งอาชีพ ชีวิตส่วนตัว และสุขภาพทางการเงิน ผ่านการให้ความรู้ ควบคู่การบริหารจัดการทางการเงิน จัดกิจกรรม fintalk EP.2
"รัก...ต้องคุย เงิน...ต้องเคลียร์" ชวนดีเจคนดัง พี่อ้อย-นภาพร ไตรวิทย์วารีกุล และ คุณแก๊ปเปอร์-ทัตพล เมธีวิริยาภรณ์ เจ้าของสถาบัน MoneyStudio.co มาให้ความรู้ พร้อมแชร์ประสบการณ์เรื่องเงินและความรักอย่างเป็นกันเอง ปิดท้ายด้วยกิจกรรมทำแบบทดสอบตรวจสุขภาพใจและเงิน เช็กระดับความเข้าใจและการจัดการเงิน เพื่อเสริมสร้างให้พนักงานมีความพร้อมทางการเงินและจิตใจ
ดีเจพี่อ้อยมองว่า เงินเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ความรักและความสัมพันธ์เกิดปัญหา มีคู่รักมากมายที่ไปต่อไม่ได้เพราะเงิน โดยปัญหาส่วนใหญ่มาจากเรื่องการสื่อสาร เช่น บางคู่ตอนคบกันไม่บอกว่ามีหนี้สิน มารู้อีกทีหลังแต่งงาน อาจถูกมองว่าโกหก ความไว้วางใจถูกทำลาย ซึ่งเรียกกลับคืนได้ยาก ดังนั้น ต้องเปิดใจคุยกันเรื่องเงินตั้งแต่แรก แต่คนส่วนใหญ่ยังติดว่าต้องเป็นการพูดอย่างเดียวทั้งที่เป็นแค่ 20% ของการสื่อสารเท่านั้น ส่วนที่เหลือเป็นเรื่องของภาษากาย ทุกอย่างเป็นองค์ประกอบในการตัดสินใจได้หมด
"ในช่วงคบกันนอกจากเรียนรู้ใจ เรายังต้องเรียนรู้เรื่องเงินด้วย ไม่ใช่ดูว่าจำนวนเงินในบัญชีมีมากหรือน้อย แต่ให้สังเกตการใช้ชีวิต วิธีการใช้เงินและวิธีหาเงิน รวมถึงทักษะในการหาเงินเพิ่มนอกเหนือจากอาชีพที่ทำอยู่ โดยเราไม่จำเป็นต้องสร้างโจทย์ลองใจ เพราะฟ้าจะส่งโจทย์ใหม่มาให้เราทุกวัน และความจริงใจก็ดูไม่ได้ในวันเดียว ซึ่งวิถีแห่งการใช้เงินก็เช่นกัน"
จากการสำรวจพบว่าปัญหาหลัก ๆ ของเงินกับความรักมักจะมี 7 เรื่อง ดังนี้ 1. ไม่กล้าคุยเรื่องเงินตั้งแต่แรก 2. มี "ความเชื่อ" เรื่องเงินไม่ตรงกัน 3. ไม่เคยวางแผนการเงินร่วมกัน 4. แบ่งภาระไม่เท่าเทียม 5. ปิดบังเรื่องเงิน 6. ความหวังว่าอีกฝ่ายต้องเลี้ยงดู และ 7. รักเพราะเงิน/ทะเลาะเพราะเงิน ซึ่งปัญหาไม่กล้าคุยเรื่องเงินตั้งแต่แรกมาแรงเป็นอันดับหนึ่ง ในขณะที่แนวโน้มของรักเพราะเงิน/ทะเลาะเพราะเงิน กำลังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
เมื่อต้องคุยและเคลียร์ปัญหาควรจะเรียนรู้และเข้าใจนิสัยการเงินกันก่อน เพราะแต่ละคนมีค่านิยม ทัศนคติ และนิสัยที่แตกต่างกันในเรื่องการจัดการเงิน บางคนถูกเลี้ยงดูมาในครอบครัวที่สอนเรื่องการออมเงิน ในขณะที่บางคนไม่เคยออมเงินเลย โดยนิสัยการเงินหลัก ๆ แบ่งเป็น 4 แบบ ได้แก่
· Saver "รักความมั่นคง" รู้สึกปลอดภัย เมื่อมีเงินเก็บ สังเกตได้ว่าเป็นคนที่ชอบเปรียบเทียบ ตั้งงบประมาณการใช้เงินชัดเจน อีกทั้งมีความกังวลกับเป้าหมายเรื่องเงิน
· Planner "ใช้ตามแผน มองไกล" ใช้เงินตามเป้าหมาย มองทั้งวันนี้และอนาคต พฤติกรรมเด่น เช่น ตั้งเป้าหมายทางการเงินชัดเจน ชอบจดรายรับรายจ่ายเป็นนิสัย และแบ่งเงินออม-ลงทุน-ใช้จ่าย ไว้ชัดเจน
· Spender "ใช้ก่อนคิดทีหลัง รู้สึกดีกับการได้ซื้อของ" พฤติกรรมในการใช้เงิน เช่น เห็นโปรแล้วอดใจไม่ได้ มักจ่ายด้วยอารมณ์มากกว่าเหตุผล และเก็บเงินไม่ค่อยอยู่
· Avoider "ไม่อยากยุ่งกับเงินเลย" เป็นคนที่ไม่อยากคิดเรื่องเงิน รู้สึกไม่ถนัด ไม่ชอบ ไม่กล้าสู้ นิสัย ไม่ชอบเช็กเงินตัวเอง เลี่ยงการพูดเรื่องเงินกับคนอื่น และไม่มีงบการเงินส่วนตัวที่ชัดเจน
เพราะการคุยเรื่องเงินอาจกระทบถึง "ใจ" ทำให้หลายคนเลือกที่จะเลี่ยงไปก่อนเพื่อความสบายใจ แต่รู้หรือไม่? การไม่คุยเรื่องเงินกันอย่างจริงใจ อาจกลายเป็นปัญหาที่ทำให้ต้องเลิกรากันในอนาคต อย่างไรก็ตาม การคุยเรื่องเงินนั้นต้องมีเทคนิค ซึ่งแนะนำให้เริ่มต้นตาม 5 Steps การสื่อสารกับคนรักเรื่องเงิน ดังนี้
1. ตั้งใจคุย : ไม่ใช่ตั้งใจเคลียร์ ต้องเข้าใจว่าหวังดีบางทีเท่ากับกดดัน การคุยอาจเริ่มด้วยการตั้งโทนให้บวกและอยากร่วมมือกัน เช่น เรามีเรื่องอยากชวนคุยเพื่อให้เข้าใจกันมากขึ้น หรือ ไม่ได้จะหาคนผิด แต่อยากหาทางทำให้เราอยู่ด้วยกันได้ดีขึ้น นำเสนอโดยให้สิทธิในการตัดสินใจกับอีกฝ่ายด้วย
2. เข้าใจ : เข้าใจพฤติกรรมการใช้เงินของกันและกัน เพราะแต่ละคนเติบโตมาแตกต่างกัน และชอบไม่เหมือนกัน อีกทั้งมีไม้บรรทัดของตัวเอง จึงต้องเคารพความต่าง ห้ามประชดประชัน ใช้วิธีพูดคุยกันแบบไม่จริงจัง อย่าประชดกัน หรือแชร์ประสบการณ์ก็ได้ เช่น โตมากับความเชื่อเรื่องเงินแบบไหน
3. ปลอดภัย : เปิดเผยสถานะทางการเงินอย่างปลอดภัย คุยแบบมีกรอบ ไม่บังคับ แต่อยากรู้ เช่น มีรายได้จากอะไรบ้าง ภาระหนี้ที่ต้องรับผิดชอบ หรือ รายจ่ายประจำที่สำคัญมีอะไร รวมถึงเป้าหมายทางการเงินของแต่ละคนคืออะไร พร้อมซัปพอร์ตซึ่งกันและกัน แต่ไม่ใช่ซัปพอร์ตจนไม่เหลือทรัพย์สินให้ตัวเอง
4. หาจุดร่วม : ถาม-ตอบ เปิดโอกาสให้พูดได้ทุกคน เพื่อหาจุดร่วมหรือปลายทางร่วมกัน เลือกหัวข้อที่จะคุยแล้วช่วยกันหาคำตอบ เช่น อยากบริหารเงินแบบไหน หรือจะแบ่งค่าใช้จ่ายกันยังไง และถ้าใครเดือดร้อน จะช่วยกันยังไง นอกจากนี้ จะวางแผนอนาคตร่วมกันยังไง
5. ตกลงแผน : สรุปและตกลงแผนร่วมกัน เช่น เราจะมีงบประมาณคู่ หรือมีเป้าหมายอะไรร่วมกันบ้าง จะนัดคุยเรื่องเงินกันอีกครั้งเมื่อไหร่ ถ้ามีเรื่องขัดแย้งเรื่องเงินจะหยุดพักยังไงไม่ให้กลายเป็นปัญหาใหญ่ ต้องยอมรับว่าปัญหาในโลกมีสองแบบคือ ปัญหาที่ต้องแก้กับแค่ยอมรับ ซึ่งสิ่งสำคัญต้องฟังกัน
ดีเจพี่อ้อยทิ้งท้ายว่า "การสื่อสารสำคัญที่สุด การเงียบไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง แต่การคุยกันก็ไม่สำคัญเท่าต้องฟังกัน เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายพูดด้วย และหากทะเลาะกันดูให้ชัดว่าเป็นเรื่องของหัวหรือใจ อย่าให้ไปกระทบใจคือความรู้สึกก่อนหัว เพราะเงินเป็นเรื่องของหัวที่ต้องมีเหตุผลและใช้วางแผน เราต้องเก็บเงินเอาไว้ดี ๆ เพราะทุกสิ่งเดินหน้าด้วยเงิน เริ่มง่าย ๆ จากฝันให้ใกล้และไปให้ได้ก่อน ต้องมีเป้าหมายระยะใกล้ ระยะกลาง และระยะไกล จะได้ไม่เหนื่อยเกินไป สะสมหนี้น้อยลง เพื่อให้มีก้าวต่อไป"
ทีทีบี ขับเคลื่อนสู่ความสำเร็จขององค์กรอย่างยั่งยืน เดินหน้ามอบชีวิตทางการเงินที่ดีให้กับพนักงาน เชื่อว่าเมื่อพนักงานมีความมั่นคงในชีวิต จะสามารถทำงานอย่างมีพลัง ร่วมกัน Make REAL Change สร้างความเปลี่ยนแปลงที่มีความหมาย เพื่อให้คนไทยทั้งประเทศมีชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นรอบด้านอย่างแท้จริง
ผู้ที่สนใจตรวจสุขภาพทางการเงินของตัวเอง สามารถเช็กสุขภาพการเงินพร้อมวัดระดับหนี้ไปด้วยกันได้ที่ https://ttbbank.skooldio.com หรือ ติดตามเคล็ดลับการเงินดี ๆ จาก "fintips by ttb" เรื่องเงินที่รู้จริงแบบเพื่อนที่รู้ใจ คลิก https://www.ttbbank.com/link/fintips-pr