Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

บล.บัวหลวง : รอบด้านตลาดหุ้น

122

 

แนวโน้มสินทรัพย์ต่างประเทศ

Sentiment Tracker: ความเชื่อมั่นตลาดแผ่วลงเล็กน้อย


สัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นได้ต่อเนื่อง หนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โดยผลประกอบการไตรมาส 1/25 ของ 7 บริษัทในกลุ่ม Magnificent 7 เติบโต 27.7%YoY โดย 6 จาก 7 บริษัท หรือคิดเป็น 86% รายงานกำไรดีกว่าตลาดคาด สูงกว่าภาพรวมของตลาด ซึ่งมีบริษัท 78% ใน S&P500 ที่รายงานกำไรดีกว่าคาด ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจที่ประกาศออกมาในระหว่างสัปดาห์เริ่มส่งสัญญาณว่าแรงกดดันจากภาษีนำเข้าและความไม่แน่นอนด้านนโยบายการค้าเริ่มกดดันภาคธุรกิจมากขึ้น อาทิ การจ้างงานภาคเอกชนของ ADP เพิ่มขึ้นน้อยที่สุดนับตั้งแต่ปี 2022 และดัชนีภาคบริการของ ISM หดตัวเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 12 เดือน ส่วนเครื่องมือที่ชี้วัด Sentiment ส่งสัญญาณว่าความเชื่อมั่นของตลาดเริ่มแผ่วลง

CNN Fear & Greed Index อ่อนแอลงเล็กน้อย จากระดับ 62 คะแนนในสัปดาห์ก่อนหน้า มาอยู่ที่ 61 คะแนนในปัจจุบัน ซึ่งยังคงยืนในโซน Greed ได้ต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ห้า แต่การกลับทิศของมาตรวัดมาพร้อมกับการที่ดัชนี S&P500 เผชิญกับแรงขายใกล้แนวต้านบริเวณ 5970 จุดพอดี ส่งผลให้ตลาดอาจผันผวนมากขึ้นในระยะอันใกล้

ส่วนผลสำรวจความเชื่อมั่นนักลงทุนของ AAII ชี้ว่านักลงทุนมีมุมมอง Neutral ต่อแนวโน้มตลาดในช่วง 6 เดือนข้างหน้าเพิ่มขึ้น ขณะที่มุมมอง Bullish และ Bearish ลดลงเมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้า โดยนักลงทุนที่มีมุมมอง Bullish อยู่ที่ 32.7% ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาว 37.6% ขณะที่นักลงทุนที่มีมุมมอง Neutral เพิ่มขึ้นเป็น 25.9% ส่วนนักลงทุนที่มีมุมมอง Bearish อยู่ที่ 41.4% ยังอยู่ในระดับสูงกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 31.2 % สำหรับ Bull-bear spread ขยับขึ้นเล็กน้อยเป็น -8.8% (ค่าเฉลี่ยเป็น +6.5%) สะท้อนมุมมองโดยรวมที่ยังไม่สดใส ทั้งนี้สำหรับมุมมองต่อภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันนั้น ผู้ตอบส่วนใหญ่ (57.9%) มองว่าเศรษฐกิจอยู่ภาวะ “ผสมผสาน (Mixed)” ขณะที่ 28.2% มองว่า “ดี” มีเพียง 3.2% ที่มองว่า “ยอดเยี่ยม” ส่วนผู้ที่มองว่า “แย่” มีอยู่ 9.6% และอีก 0.7% ไม่แน่ใจหรือไม่มีความเห็น

สำหรับ Sentiment Indicator ของตลาดหุ้นไทยนั้นอ่อนแอลงเล็กน้อย โดยมาตรวัด BLS Greed & Fear Barometer ปรับตัวลงจากระดับ 22 คะแนนสู่ระดับ 21 คะแนน และยังคงอยู่ในโซน Fear ต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่สาม องค์ประกอบแย่ลง ได้แก่ ดัชนี Momentum Strength ที่ปรับตัวลงแรงหลังจากเข้าสู่โซน Negative โดยปรับลงจาก -2.1 จุดสู่ -11.3 จุด ความผันผวนของตลาดที่เพิ่มสูงขึ้น รวมถึง Market Breadth ที่ปรับตัวแย่ลง ขณะที่ดัชนี Bull-to-Bear ได้ปรับตัวลงจนเข้าสู่โซนต่ำกว่า Lower-bound แล้วโดยล่าสุดอยู่ที่ 7.6%

สรุปภาพตลาดวานนี้

หุ้นไทยรีบาวด์ตามฟอร์ม หลังลงแรง โดยเป็นการซื้อกลับของหุ้นใหญ่อย่าง DELTA PTT TRUE GULF และธนาคาร KBANK KTB BBL SCB ส่วนที่ยังถูกขายต่อ AOT CIMBT และมีกลุ่มที่ขึ้นวันเดียวแล้วลง CPALL CPAXT BJC เป็นต้น นอกจากนี้ พบหุ้นกลาง-เล็กเด้งกลับแรงหลาย บ. NETBAY JMART TPL EA NEX AAV CENTEL ERW MOSHI เป็นต้น



แนวโน้มตลาดวันนี้ เริ่มตั้งหลัก ได้ (ตามที่คาด)
หลังหมดแรงขายระยะสั้น หุ้นไทยรายตัวควรรีบาวด์ได้ต่อ ตามที่เราประเมิน โดยประเด็นหลักจากปัจจัยต่างประเทศ ยังคงเป็นบวก ไม่ว่าจะเป็น การปรับเพิ่มน้ำหนักตลาดหุ้นสหรัฐฯ เพราะ คลายกังวลประเด็นสงครามการค้าฯ ล่าสุด ปธน. จีน และ อเมริกา ต่อสายตรงคุยกันอย่างเป็นทางการแล้ว เรื่องหาทางออประเด็นการค้า
ขณะที่ FED สาขาแอตแลนตา ประเมิน GDP สหรัฐฯ ไตรมาส2 ฟื้นตัว บวก 3.8% จากติดลบ 0.2% q-q สอดคล้องกับ คาดการณ์จากโบรกเกอร์ต่างชาติ ที่แห่ปรับมุมมองเศรษฐกิจสหรัฐฯเป็นบวก และแนะซื้อหุ้นสหรัฐฯ
กลยุทธ์ คงคำแนะนำซื้อแล้วถือกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ ตามโมเมนตั้มปัจจัย ตปท.ที่ดูดีกว่า ปัจจัยในประเทศ (โบรกต่างชาติฟันธงตรงกัน สถานการณ์สงครามการค้าคลี่คลาย)
ส่วนหุ้นเชื่อมโยงเศรษฐกิจในประเทศ เช่น กลุ่ม ธนาคาร กลยุทธ์แนะขายกำไร/ ไม่ควรรีบซื้อ ยิ่งข่าวเรื่องปรับเงื่อนไขมาตรการแก้หนี้ กลยุทธ์มองว่าไม่น่าเป็นบวกต่อราคาหุ้น, กลุ่มท่องเที่ยว อุปโภค บริโภค แม้จะมีรีบาวด์ จาก แรงซื้อคืนระยะสั้น แต่ยังไม่น่าเล่น เป็นต้น

กลยุทธ์การลงทุน
กลยุทธ์การลงทุนช่วงนี้ แนะนำ ซื้อเก็งกำไร เล่นรอบ เน้นไปที่หุ้น 1Q25 ส่อแววผ่านจุดต่ำสุด และเริ่มจะเห็นสัญญาณของการฟื้นตัว เช่นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์

วิเคราะห์ทางเทคนิค
SET ฟื้นบวกแท่งเขียวเล็กๆ ภายหลังร่วงแรง จับตา price patten กราฟแท่งเทียนภายใต้ชื่อ “Harami” มาจากภาษาญี่ปุ่นแปลว่า "ตั้งครรภ์" บ่งชี้จุดกลับตัวจากขาลงเปลี่ยนเป็นขึ้น นอกจากนี้การที่ดัชนีปรับตัวลงมาแล้วทั้งสิ้น 7% จากจุดยอดที่ 1,231 จุด ส่งผลให้โมเมนตัม RSI อยู่โซนล่าง ลุ้นสัญญาณฟื้นตัวช่วงท้ายสัปดาห์ ปิดเขียวสวยๆให้ได้!
ไฮไลท์: SAWAD ฟื้นจริงหรือชั่วคราว… // Why! TH bond yield ร่วง!

 

 

 

 

 

 

 

What to watch
คาดหุ้นติดโผ SET50 รอบใหม่ BCP KKP TCAP TIDLOR หุ้นออก BGRIM GLOBAL ITC SAWAD // ส่วน SET100 หุ้นเข้า AURA JTS MBK TFG TOA WHAUP หุ้นออก CKP COCOCO ROJNA SAPPE SKY SNNP
บาร์เคลย์เพิ่มเป้าหมาย S&P500 สิ้นปี 68 เป็น 6,050 จุด อานิสงส์การค้าคลี่คลาย
ส่วนเป้าหมายดัชนี S&P500 ณ สิ้นปี 2569 ของบาร์เคลย์อยู่ที่ 6,700 จุด โดยธนาคารคาดการณ์ว่า มาตรการภาษีศุลกากรในปีหน้าจะไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อตลาดเพิ่มเติมเมื่อเทียบกับปีนี้ อย่างไรก็ดี คาดว่าผลกระทบทางอ้อมต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจและเงินเฟ้ออาจจะเกิดขึ้นต่อเนื่องไปจนถึงปี 2569
ทั้งนี้ มุมมองบวกต่อดัชนี S&P500 ของบาร์เคลย์ สอดคล้องกับสถาบันการเงินรายอื่น ๆ ที่พากันปรับเพิ่มเป้าหมาย S&P500 มาแล้วก่อนหน้านี้ ซึ่งรวมถึงโกลด์แมน แซคส์ (Goldman Sachs), ยูบีเอส โกลบอล เวลธ์ แมเนจเมนท์ (UBS Global Wealth Management), อาร์บีซี แคปิตอล มาร์เก็ตส์ (RBC Capital Markets) และดอยซ์ แบงก์ (Deutsche Bank)
มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ เช่น มาตรการอุดหนุนการท่องเที่ยวในประเทศ, มาตรการดึงดูด นทท.จีน, รัฐบาลแถลง รายละเอียด Entertainment complex วันนี้, การออกขาย G Token ฯลฯ

หุ้นแนะนำวันนี้
SCC งานโครงสร้างพื้นฐานแกร่งรอรับงบลงทุนรัฐ ขณะที่ธุรกิจปิโตรเคมีเริ่มเห็นสัญญาณกำไรฟื้นตัวผ่าน งบไตรมาส 1/25
แนวรับ 161 ต้าน 168 Stop loss 160

 

 

 

 

 

 

รายงานพื้นฐานวันนี้

IT Retailer Sector
Tech Staples: หุ้น IT Retail โตต่อเนื่อง แม้ภาวะเศรษฐกิจผันผวน
กลุ่มค้าปลีกสินค้าไอทียังเดินหน้าเติบโตจากแรงหนุนโครงสร้างระยะยาว ทั้ง AI, Cloud, และการอัปเกรดระบบ Windows โดยไม่ไปอิงกับวัฏจักรเศรษฐกิจแบบกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคอื่นๆ ขนาดนั้น และคาดว่า ปี 2025–26 จะเริ่มรอบการเปลี่ยนอุปกรณ์ใหม่รอบใหญ่ หนุนการเติบโตต่อเนื่อง ทั้ง margin ยังมีโอกาสขยายตัว จากการเปลี่ยนจากการขายฮาร์ดแวร์แบบทั่วไป สู่รูปแบบบริการ/โซลูชัน ที่มี Value-added

ปัจจัยสนับสนุนระยะยาว ได้แก่ 1) การเปลี่ยนอุปกรณ์สู่ AI devices, 2) การลงทุน National Cloud, 3) การที่ Microsoft เลิกสนับสนุน Windows 10 ใน 4Q25 นำไปสู่การ Upgrade อุปกรณ์สู่ Windows 11 และ 4) การแข่งขันของ Operater ที่เริ่มผ่อนคลาย
ขณะที่โครงสร้างธุรกิจที่มีทั้งแบบ cashflow แข็งแรง และ D/E ต่ำ ทำให้สามารถจ่ายปันผลได้ในระดับสูง 4–7% แม้มีความเสี่ยงจากต้นทุนและค่าเงินผันผวน แต่กลุ่มนี้ยังเป็นหนึ่งในกลุ่มที่มีลักษณะผสมผสานระหว่าง Defensive และ Growth
Fundamental view: โดยรวมกลุ่ม IT Retail นับเป็น “Tech Staple” ที่กำลังถูกมองข้าม ทั้งที่มีคุณสมบัติโดดเด่นด้านการเติบโตและการป้องกันความผันผวน เหมาะสำหรับนักลงทุนที่มองหาหุ้นเติบโตที่มีความเสี่ยงต่ำในช่วงครึ่งหลังของปี 2025
เราเริ่มต้นคำแนะนำ โดยให้น้ำหนักกลุ่มฯ ที่ “มากกว่าตลาด” (OVERWEIGHT) และคำแนะนำ ราคาเป้าหมายของแต่ละบริษัท ดังนี้
SYNEX (แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 13.60 บาท): Top pick จาก EPS คาดโต 25% YoY หนุนโดย margin ที่ดีขึ้นจากสินค้า AI และธุรกิจใหม่
COM7 (แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย เป้า 24 บาท): มีฐานลูกค้าใหญ่และรายได้บริการที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง คาด EPS โต 14% YoY
ADVICE (แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 5.70 บาท): ผลตอบแทนจากปันผลสูงสุดในกลุ่มที่ 6–7% และเด่นจากโมเดลแฟรนไชส์และการขยาย iStore
SIS (แนะนำถือ ราคาเป้าหมาย 23 บาท): ธุรกิจ B2B มีcashflow ที่มั่นคง แต่กำไรเริ่มชะลอ

STGT
(Visit Note)
ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย)
ขาดปัจจัยหนุนระยะสั้น
ผลกระทบจากการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าของสหรัฐฯ เป็นปัจจัยกดดันการขายถุงมือยาง เนื่องจากลูกค้าชะลอคำสั่งซื้อเพื่อรอดูความชัดเจนของภาษี แม้กำไรสุทธิ 1Q25 โต YoY หนุนจาก ASP แม้ปริมาณขายชะลอตัว แต่แนวโน้ม 2Q25 จะได้รับผลกระทบสงครามการค้า คาดกำไร 2Q25 จะลดลง YoY และ QoQ จากยอดขายและราคาขายจะหดตัว ขณะที่ 2H25 ต้องรอปัจจัยบวกที่อาจเกิดขึ้นหลังการเจรจาภาษี
ดังนั้น แม้ผู้บริหารยังคงเป้าปริมาณขายถุงมือยางที่ 4.2 หมื่นล้านชิ้น (เพิ่มขึ้น 10% YoY) แต่ตลาดมองว่าเป้าดังกล่าวมีความเสี่ยงจากการชะลอคำสั่งซื้อเพื่อรอดูความชัดเจนด้านภาษี
Our view: เรายังเห็นการปรับประมาณการ EPS ลงและคาดว่า 2H25 อาจลดลงอีกเพื่อสะท้อนความเสี่ยงจากการเจรจาภาษี


Tactical Play
Management Guidance: อยู่ในช่วง Conservative มากเกินไป?
ความไม่แน่นอนจากภาษีทรัมป์ยังคงกดดันกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับ Supply Chain และส่งออกชัดเจน ขณะที่กลุ่มบริโภคในประเทศก็มีสัญญาณชะลอการใช้จ่ายลง ล่าสุดสะท้อนไปยัง Guidance ผู้บริหารที่มองเชิงลบในสัดส่วนสูงสุดตั้งแต่สำรวจ โดยสัดส่วนผู้บริหารที่มองลบต่อ 2Q25 เพิ่มขึ้นเป็น 35% (จาก 1Q25 ที่เพียง 10%) และต่อทั้งปี 2025 เพิ่มขึ้นเป็น 29% (จาก 9% ในไตรมาสก่อน) สอดคล้องกับนักวิเคราะห์ที่มีปรับประมาณการกำไรต่ำกว่ากรอบล่างของบริษัท (Conservative) สูงสุดที่เคยมีมา คือ 32%
แม้ผลกำไรจริง 1Q25 จะออกมาดีกว่าคาด แต่ MGRI ที่ 42 คะแนน (เพิ่มจากไตรมาสก่อน) แต่ยังต่ำกว่าเกณฑ์ 50 คะแนน ก็สะท้อนว่ายังมีกลุ่มที่มองโลกบวกเกินจริง (Optimistic) สูงถึง 40% นำโดย อสังหาฯ, การแพทย์, ขนส่งสาธารณะ และวัสดุซ่อมบ้าน ขณะที่กลุ่มที่มองลบเกินจริง (Pessimistic) แล้วทำได้ดีกว่าคาดมี 36% เช่น เกษตรฯ, ยานยนต์, รับเหมา และโรงไฟฟ้า ส่วนกลุ่มที่ให้ Guidance แม่นยำมากขึ้นเมื่อเทียบกับรอบก่อนๆ คือ พลังงาน (ไม่รวมโรงไฟฟ้า) และค้าปลีก
ภาพรวมสะท้อนในเชิงจิตวิทยาการลงทุนเหมือนเกิดภาวะ Expectation reset ซึ่งจะส่งผลให้ Downside risk ถูกจำกัดลง เพราะ Valuation หุ้นส่วนใหญ่มี Margin of safety สูงขึ้น จึงไม่ใช่จังหวะขาย แต่ควรทยอยสะสมหุ้นกลุ่มอยู่ลึกอย่าง Cyclical เช่น TOP, IVL, PTTGC ในช่วง 2Q-3Q25 หุ้นระยะสั้นที่มองกำไร 2Q25 ด้านบวกขึ้น เช่น รพ.กลาง-เล็ก (PR9, BCH), เครื่องดื่ม (CBG) ส่วนหุ้นใหญ่ที่เด่นสุด GULF ขณะที่กลุ่มต้องระวังและเลี่ยงก่อน คือ ค้าปลีกสินค้าฟุ่มเฟือย, ท่องเที่ยว, อสังหา และธนาคาร

 


สรุปประเด็นจาก Quick take

BTS
บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์

มุมมองต่อการประชุมนักวิเคราะห์
BTS ตั้งเป้าหมายการเติบโตของรายได้จากการดำเนินงานปี 2025/26 ที่ 38-40% เป็น 2.6-2,7 หมื่นล้านบาท โดยมีปัจจัยหนุนหลักจากรายได้ของธุรกิจ MIX (VGI) และ ธุรกิจ MATCH (RABBIT & ROCTEC) ที่เพิ่มขึ้น
View from fundamental: แนวโน้มการฟื้นตัวของผลการดำเนินงาน 1Q25 น่าจะเป็นปัจจัยหนุนราคาหุ้นในระยะสั้น นอกจากนั้นอาจมีอัพไซด์ต่อประมาณการกำไรจากจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นจากนโยบาย 20 บาทตลอดสาย เราจึงยังคงคำแนะนำ “ถือ”

KTB
ธนาคารกรุงไทย
มุมมองต่อการประชุมนักวิเคราะห์
ธนาคารคาด GDP growth ปีนี้จะอยู่ในกรอบ 0.7-2.0% YoY โดยคาดเศรษฐกิจจะชะลอตัวลงใน2H25
ทำให้ยังคงเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อในปีนี้
View from fundamental: เราประเมินว่าคุณภาพสินทรัพย์ของ KTB น่าจะบริหารจัดการได้ จากการมี loan-loss coverage ratio สูง รองรับความผันผวนของเศรษฐกิจได้ แนะนำซื้อ


วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
นภนต์ ใจแสน นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
ภูวดล ภูสอดเงิน, AISA นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

"พาณิชย์"จับมือ 4 ปั๊มน้ำมัน ซื้อมะม่วงแฟนซีภาคเหนือ นำแจกเป็นของสมนาคุณผู้เติมน้ำมัน

"พาณิชย์"จับมือ 4 ปั๊มน้ำมัน ซื้อมะม่วงแฟนซีภาคเหนือ นำแจกเป็นของสมนาคุณผู้เติมน้ำมัน

PCE ลุย! ส่งออกกะลาปาล์มคุณภาพสูง

PCE ลุย! ส่งออกกะลาปาล์มคุณภาพสูง

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้