ภาพตลาดและแนวโน้ม

ในสัปดาห์ที่ผ่านมา กระแสเงินลงทุน (fund flows) ใน 5 ตลาดหลักของภูมิภาคที่เราติดตามได้พลิกกลับเป็นเงินไหลออก โดยมียอดขายสุทธิรวมกันที่ 531 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้าซึ่งยังเป็นเงินไหลเข้าสุทธิ 628 ล้านดอลลาร์

ตลาดหุ้นที่เผชิญแรงขายมากที่สุดคือไต้หวัน (-447 ล้านดอลลาร์) ฟิลิปปินส์ (-266 ล้านดอลลาร์) และไทย (-138 ล้านดอลลาร์) ขณะที่เกาหลีใต้และอินโดนีเซียยังมีแรงซื้อสุทธิอยู่ที่ 229 ล้านดอลลาร์ และ 91 ล้านดอลลาร์ ตามลำดับ

สัปดาห์ล่าสุดเริ่มเห็นสัญญาณของแรงขายกลับเข้ามาในตลาดหุ้นภูมิภาค หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีแรงซื้อสะสมต่อเนื่องถึง 5 สัปดาห์ คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 10,450 ล้านดอลลาร์ สะท้อนว่ากระแสเงินทุนเริ่มชะลอลง และมีแนวโน้มเปลี่ยนเป็นแรงขายทำกำไร ท่ามกลางภาวะที่ตลาดยังขาดปัจจัยหนุนใหม่เพิ่มเติม

หากย้อนดูข้อมูลตั้งแต่ปี 2000 จะพบว่า ในช่วงที่มีเม็ดเงินไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นภูมิภาคติดต่อกันเกิน 5 สัปดาห์ และมียอดสะสมเกิน 10,000 ล้านดอลลาร์ มักตามมาด้วยการไหลออกของเงินทุนราว 2–3 สัปดาห์ต่อเนื่อง โดยมูลค่าเฉลี่ยของแรงขายในแต่ละรอบอยู่ที่ประมาณ 2,960 ล้านดอลลาร์ เมื่อเทียบกับปัจจุบันซึ่งเพิ่งเริ่มมีแรงขายสัปดาห์แรกเพียง 531 ล้านดอลลาร์ จึงคาดว่าตลาดภูมิภาคอาจยังเผชิญกับแรงกดดันจากแรงขายต่อไปอีกระยะหนึ่ง

จากสัญญาณดัชนี Volume Index ในสัปดาห์ที่ผ่านมาสะท้อนว่า เซกเตอร์ที่โดดเด่นในระดับภูมิภาค ได้แก่ Chemicals ในตลาดหุ้นไทยและอินโดนีเซีย ขณะที่ตลาดเกาหลีใต้มีแรงซื้อโดดเด่นในกลุ่ม Finance

สำหรับสัปดาห์นี้ คาดว่ากลุ่ม Bank และ ICT จะเป็นเซกเตอร์ที่โดดเด่นของไทย โดย Volume Index ของกลุ่มธนาคารคาดว่าจะฟื้นตัวจากระดับ midpoint ขณะที่กลุ่มสื่อสารคาดว่าจะฟื้นตัวจากระดับใกล้จุดต่ำสุดในเดือนเมษายน โดยได้รับแรงหนุนจากบทบาทในฐานะหุ้น Defensive Play ที่ช่วยลดความผันผวนของพอร์ตลงทุน ท่ามกลางภาวะตลาดหุ้นไทยที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง

สรุปภาพตลาดวานนี้

แรงขายหลังวันหยุดยาวกดดันตลาด นำโดยอิเล็กทรอนิกส์ DELTA CCET ธนาคาร KTB SCB KBANK CIMBT และหุ้นใหญ่อื่นๆ GULF PTT AOT SCC ส่วนด้านซื้อเห็นชัดจากการ Cover Short หุ้นคอมเมิร์ช CPALL CPAXT BJC OR เชื่อมโยงท่องเที่ยง CENTEL CPN BTS เป็นต้น

แนวโน้มตลาดวันนี้

หมดแรงขายที่หมักหมมมา 2 วัน (เริ่มตั้งหลักใหม่)
เข้าตำราเช้าไม่ขาย บ่ายไม่เหลือสำหรับเมื่อวาน ทั้งที่ตลาดหุ้นโดยรวม ไม่ได้มีประเด็นข่าวอะไรใหม่ ขณะที่หุ้นค้าปลีก อุปโภคบริโภค รีบาวด์ จากแรงซื้อคืนระยะสั้นตามที่เราคาด แต่ไม่พอที่จะช่วยหนุนตลาดหุ้นไทย ขณะที่ DELTA โดนขายแรง และกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์โดนขายทำกำไร (ย่อมายังซื้อสะสมกลุ่มนี้) ส่วนหุ้นแบงก์ เราคาดว่าจะลงต่อได้อีก (แนะ Short ต่อหุ้น KKP)

ปัจจัยในประเทศ ช่วงนี้ ยังเป็นลบกับ ประเด็นการเมืองในประเทศ เช่น คดีอดีตนายกทักษิณ กระแสปรับ ครม. ฯลฯ อาจกระทบความต่อเนื่องของ นโยบายเศรษฐกิจ และเราคงมุมมองกลยุทธ์...

แนะนำซื้อแล้วถือกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ ตามโมเมนตั้มปัจจัย ตปท.ที่ดูดีกว่า (โบรกต่างชาติฟันธงตรงกัน สถานการณ์สงครามการค้าคลี่คลาย) หุ้นเชื่อมโยงเศรษฐกิจในประเทศ เช่น กลุ่ม ธนาคาร กลยุทธ์แนะขายกำไร/ ไม่ควรรีบซื้อ ยิ่งข่าวเรื่องปรับเงื่อนไขมาตรการแก้หนี้ กลยุทธ์มองว่าไม่น่าเป็นบวกต่อราคาหุ้น, กลุ่มท่องเที่ยว อุปโภค บริโภค แม้จะมีรีบาวด์ จาก แรงซื้อคืนระยะสั้น แต่ยังไม่น่าเล่น เป็นต้น

กลยุทธ์การลงทุน กลยุทธ์การลงทุนช่วงนี้ แนะนำ ซื้อเก็งกำไร เล่นรอบ เน้นไปที่หุ้น 1Q25 ส่อแววผ่านจุดต่ำสุด และเริ่มจะเห็นสัญญาณของการฟื้นตัว เช่นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์

วิเคราะห์ทางเทคนิค

Sell in May ผ่านไปแล้ว! ผลลัพธ์ SET month ร่วง 4% (ผิดคาด) ในทางตรงกันข้ามหุ้นโลกปรับขึ้นได้ดี Buy in May มุมมองตลาดเริ่มต้นไตรมาส 2/25 ...ดัชนียังไม่ฟื้น! มีโอกาสปรับฐาน! ปิดช่องว่าง close gap บริเวณ 1,120 จับตาโมเมนตัม RSI จะเข้าสู่เขต oversold หากดัชนีลงทดสอบแนวรับที่ให้ไว้ อาจมีลุ้นรีบาวด์ดีดเด้งสั้นๆ

Note: ตลาดลง แต่! มีบางกลุ่ม บางตัวเด่น เช่น ADVANC CPALL และ CRC ทำไมบวกสวนตลาด นอกจากนี้หุ้นแนะนำประจำเดือนมิ.ย. PTTGC TOP และ BCH สู้ได้หรือไม่....ติดตามเฉลยในหน้าถัดไปครับ

 

What to watch
คาดหุ้นติดโผ SET50 รอบใหม่ BCP KKP TCAP TIDLOR หุ้นออก BGRIM GLOBAL ITC SAWAD // ส่วน SET100 หุ้นเข้า AURA JTS MBK TFG TOA WHAUP หุ้นออก CKP COCOCO ROJNA SAPPE SKY SNNP
บาร์เคลย์เพิ่มเป้าหมาย S&P500 สิ้นปี 68 เป็น 6,050 จุด อานิสงส์การค้าคลี่คลาย
ส่วนเป้าหมายดัชนี S&P500 ณ สิ้นปี 2569 ของบาร์เคลย์อยู่ที่ 6,700 จุด โดยธนาคารคาดการณ์ว่า มาตรการภาษีศุลกากรในปีหน้าจะไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อตลาดเพิ่มเติมเมื่อเทียบกับปีนี้ อย่างไรก็ดี คาดว่าผลกระทบทางอ้อมต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจและเงินเฟ้ออาจจะเกิดขึ้นต่อเนื่องไปจนถึงปี 2569
ทั้งนี้ มุมมองบวกต่อดัชนี S&P500 ของบาร์เคลย์ สอดคล้องกับสถาบันการเงินรายอื่น ๆ ที่พากันปรับเพิ่มเป้าหมาย S&P500 มาแล้วก่อนหน้านี้ ซึ่งรวมถึงโกลด์แมน แซคส์ (Goldman Sachs), ยูบีเอส โกลบอล เวลธ์ แมเนจเมนท์ (UBS Global Wealth Management), อาร์บีซี แคปิตอล มาร์เก็ตส์ (RBC Capital Markets) และดอยซ์ แบงก์ (Deutsche Bank)
การประชุม ธนาคารกลาง ยุโรป และอินเดีย ตัวเลขเศรษฐกิจอเมริกา มีแนวโน้มอ่อนแอ
มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ เช่น มาตรการอุดหนุนการท่องเที่ยวในประเทศ, มาตรการดึงดูด นทท.จีน, รัฐบาลแถลง รายละเอียด Entertainment complex วันนี้, การออกขาย G Token ฯลฯ

หุ้นแนะนำวันนี้

Short KKP กลยุทธ์ยังคงแนะ Hold Short หุ้น KKP ต่อเนื่อง
แนวรับ 42 ต้าน 45 Stop loss 49

 

 

รายงานพื้นฐานวันนี้

Quant Portfolio

อัพเดทพอร์ตการลงทุน
พอร์ตการลงทุนของเราให้ผลตอบแทน -2.7% นับจากวันที่เราออกบทวิเคราะห์ฉบับล่าสุดในวันที่ 27 พ.ค. ซึ่งต่ำกว่าผลตอบแทนของตลาดหุ้นไทยซึ่งอยู่ที่ -2.3% เล็กน้อย ในบทวิเคราะห์ฉบับนี้เรามีการปรับหุ้นในพอร์ตการลงทุน โดยเพิ่มหุ้น SCB เข้ามาในพอร์ตการลงทุน เพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้น BBL และ KBANK และลดน้ำหนักการลงทุนในหุ้น CPF

PR9
โรงพยาบาลพระรามเก้า
แนวโน้มกำไรแกร่งจากกลุ่มต่างชาติโตเร็วกว่าคาด
เราจัดงาน BLS Under the Rain or Shine Day เชิญ PR9 มาบรรยายวานนี้ สรุปประเด็นบวก 3 เรื่อง
1) การเติบโตของตลาดผู้ป่วยต่างชาติเร็วกว่าคาด โดยหลัง 1Q25 สัดส่วยรายได้แตะ 25% ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายทั้งปีแล้ว ที่ทำได้เร็วกว่าคาด โดยเฉพาะจากกลุ่มตะวันออกกลางที่โตโดดเด่น หนุน GM เพิ่มจาก 30% มาเป็น 36-37% และผู้บริหารมองว่าเป็นฐานใหม่ที่ยั่งยืน สามารถขยายต่อได้
2) ด้านโครงสร้างพื้นฐาน PR9 ลงทุนเพิ่มทั้งเครื่อง MRI, ห้อง Cath lab, ICU-CCU และเตียงรองรับอีก 20 เตียง และเสร็จเร็วกว่าแผน คาดพร้อมใช้งานในเดือนสิงหาคม รองรับ high season ของผู้ป่วยทัน
3) คาดกำไรหลัก 2Q25 จะทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 213 ล้านบาท เติบโต 53% YoY และ 6% QoQ แม้จะเป็นช่วง low season โดยแรงหนุนมาจากกลุ่มตะวันออกกลางที่กลับมาเร็วหลังรอมฎอน และได้รับอานิสงส์จากการเปลี่ยนนโยบายภาครัฐในบางประเทศ

TLI (Visit Note)
ไทยประกันชีวิต
ธุรกิจประกันชีวิต...ยังรอปัจจัยหนุน
TLI ยังให้ความสำคัญกับมูลค่าธุรกิจใหม่ โดยเห็นโอกาสในการเติบโตในระยะยาว จากการเข้าสู่สังคมสูงอายุในไทย ทำให้ TLI จะพัฒนาประกันชีวิตและบริการสำหรับผู้สูงวัยมากขึ้น
นอกจากนี้ บริษัทจะนำเทคโนโลยีมาช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการให้ตรงตามความต้องการของลูกค้า พัฒนาระบบ ความสามารถของตัวแทนและพนักงานขาย ให้สามารถขายผลิตภัณฑ์ที่ซับซ้อนได้มากขึ้น
ขณะที่ธุรกิจลงทุนจะเผชิญแรงกดดันจากทิศทางอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง ทำให้เราประเมินว่าประมาณการกำไรสุทธิปี 2025 ของตลาด มี downside risk อยู่บ้าง จึงยังไม่เห็นปัจจัยหนุนราคาหุ้นในระยะสั้น

รายงานผลประกอบการวันนี้

BTS
บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์
BTS รายงานขาดทุนสุทธิงวด 4Q24 (ม.ค.-มี.ค.) ที่ 87 ล้านบาท หักรายการพิเศษเป็นกำไรหลักที่ 204 ล้านบาท พลิกจากขาดทุน YoY แต่ลดลง 54% QoQ ดีกว่าที่เราคาดจากรายได้มากกว่าคาด และค่าใช้จ่ายน้อยกว่าคาด แนวโน้มงวด 1Q25 (เม.ย.-มิ.ย.) คาดกำไรหลักเพิ่มขึ้น YoY และ QoQ จากทั้งรายได้และส่วนแบ่งกำไรจาก JV เราปรับประมาณการกำไรปี 2025 ขึ้นเป็น 479 ล้านบาท (จากเดิมคาดขาดทุน) อย่างไรก็ตาม ยังคงให้คำแนะนำถือ

สรุปประเด็นจาก Quick take

TOP
ไทยออยล์
การซื้อคืนและยกเลิกหุ้นกู้ก่อนกำหนดบางส่วน
TOP แจ้งการซื้อคืนและยกเลิกหุ้นกู้ก่อนกำหนดจำนวนรวม US$140m คาดว่า TOP จะบันทึกกำไรพิเศษประมาณ 900-1,000 ล้านบาทใน 2Q25 จากการซื้อคืนและยกเลิกหุ้นกู้ก่อนกำหนดดังกล่าว
View from fundamental: ข่าวดังกล่าวน่าจะเป็น positive sentiment ต่อราคาหุ้น TOP (ซื้อ, ราคาเป้าหมาย 31 บาท) เป็นหุ้นที่เราชอบมากที่สุดในกลุ่มโรงกลั่น

 

วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
นภนต์ ใจแสน นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
ภูวดล ภูสอดเงิน, AISA นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน