Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

บล.คิงส์ฟอร์ด : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน

137

Market Wrap-Up

  • SET วันที่ 4 มิ.ย.68 ปิด -17.16 จุด อยู่ที่ 1,132.02 จุด มูลค่าการซื้อขาย 49,605 ลบ. สถาบันขาย 795 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 31 ลบ. ต่างชาติขาย 867 ลบ.และรายย่อยซื้อ 1,693 ลบ. NVDR มียอดซื้อสุทธิ 1,651 ลบ.โดยมียอดซื้อในหุ้น ADVANC,CPF,KTB,PTT,BH และยอดขายหุ้น KBANK,CRC,AMATA,KTC,BEM มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 2,819 ลบ.หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ GLOBAL,LH,TTB  โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Long ใน Index Futures จำนวน 5,469 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 39,863 สัญญา ต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตรไทย 3,065 ลบ.
  • ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA -0.22%, S&P500 +0.01%, Nasdaq +0.32% ได้แรงหนุนจากกลุ่มบริการสื่อสาร +1.36% ขณะที่กลุ่มพลังงาน -1.89%, สาธารณูปโภค -1.7% หลังข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ เช่น ดัชนีภาคบริการ, การจ้างงานภาคเอกชน พ.ค. มีสัญญาณชะลอตัว ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 +0.47% ได้แรงหนุนจากเทคโนโลยี, อาหาร & เครื่องดื่ม +1.1% และหุ้นแอร์บัส +2.2% หลังจีนเตรียมสั่งซื้อเครื่องบินหลายร้อยลำ         

Market View

  • ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ DJIA ปรับลดลง หลังข้อมูล ISM ดัขนีภาคบริการสหรัฐ พ.ค.อยู่ที่ 49.9 & เม.ย. 51.6 อยู่ในโซนถดถอยครั้งแรกในรอบเกือบ 1 ปี หลังคำสั่งซื้อใหม่ต่ำสุดในรอบเกือบ 3 ปี ขณะที่ ADP เผยตัวเลขจ้างงานภาคเอกชน พ.ค. เพิ่มขึ้น 37,000 & คาด 110,000 ตำแหน่ง ต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปี ซึ่งสาเหตุมาจาก ม.ปรับขึ้นภาษีศุลกากรของสหรัฐ โดยนักลงทุนยังรอผลการเจรจาระหว่าง ปธน.ทรัมป์ กับ ปธน.สี จิ้นผิงในสัปดาห์นี้ ส่วนค่ำวันนี้ติดตามข้อมูลส่งออก – นำเข้าสหรัฐ เม.ย., จำนวนขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์คาด 232,000 ราย และความเห็นของเจ้าหน้าที่ และวันศุกร์ ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐ พ.ค.คาด 130,000 & เม.ย. 177,000 ราย และอัตราว่างงานคาดทรงตัวที่ 4.2%
  • ตลาดหุ้นยุโรปวานนี้ปรับขึ้น นำโดย DAX เยอรมัน +0.77% หลังรัฐบาลเยอรมันออก ม.ปรับลดภาษีนิติบุคคลมูลค่า 4.6 หมื่น ล.ยูโร หลังรายงาน PMI ภาคบริการเยอรมัน พ.ค. ชะลอตัวอยู่ที่ 47.1 & เม.ย. 49.0 ต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปี และเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเยอรมันที่หดตัวในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ส่วนผลการประชุม ECB ค่ำวันนี้มีโอกาสลดดอกเบี้ยลง 0.25% และปีนี้คาดมีโอกาสลดดอกเบี้ยอีก 1 ครั้ง เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ และลดกระทบจาก ม.ปรับขึ้นภาษีศุลกากรของสหรัฐ
  • ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ ดัชนีนิเกอิ +0.80% ได้แรงหนุนจากกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ปรับขึ้นตอบรับอุปสงค์ธุรกิจ AI และกลุ่มส่งออกรถยนต์, เครื่องจักรได้แรงหนุนจากค่าเงินเยนที่อ่อนค่า โดยนักลงทุนยังรอการเจรจาข้อตกลงการค้าสหรัฐ – ญี่ปุ่นรอบที่ 5 ที่จะเริ่มขึ้นในวันนี้ ส่วน Kospi เกาหลีใต้ +2.66% หลังนายอี แจ-มยอง จากพรรคประชาธิปไตยชนะการเลือกตั้ง ปธน. ซี่งมีนโยบายสนับสนุนธุรกิจขนาดเล็กในประเทศ และสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับสหรัฐ, ญี่ปุ่น เพื่อป้องกันการคุกคามจากเกาหลีเหนือ รวมถึงการปรับความสัมพันธ์กับจีนและรัสเซียด้วย ขณะที่ดัชนีเซี่ยงไฮ้ +0.42%, ฮั่งเส็ง +0.60% รอการหารือระหว่าง ปธน.สหรัฐ – จีนในสัปดาห์นี้
  • SET วานนี้ -1.49% ปริมาณการซื้อขาย 96 หมื่น ลบ. สถาบันขาย 795 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 31 ลบ. ต่างชาติขาย 867 ลบ. และรายย่อยซื้อ 1,693 ลบ. โดยดัชนีปรับลดลงจากแรงขายกลุ่มอิเล็ก ฯ นำโดย DELTA -9.13% ส่งผลลบต่อดัชนี -9.50 จุด หลัง DELTA มีโอกาสถูกปรับลดน้ำหนักใน SET50/100 ตามเกณฑ์ใหม่ที่ Cap Weight น้ำหนักหุ้นรายตัวไม่เกิน 10% ของดัชนี ขณะที่หุ้นกลุ่มปิโตรเคมี, วัสดุก่อสร้าง ที่เป็นกลุ่ม Global Play ก็ถูกแรงขายทำกำไร หลัง ปธน.ทรัมป์สั่งปรับขึ้นภาษีนำเข้าเหล็ก & อะลูมิเนียมไปที่ 50% บ่งชี้ยังมีความไม่แน่นอนต่อนโยบายการค้าของสหรัฐ และยังรอผลการหารือระหว่าง ปธน. สหรัฐ – จีน ในช่วงสุดสัปดาห์นี้ ส่วนกลุ่มที่ช่วยหนุนดัชนี คือ ค้าปลีก +1.79%, ไอซีที +0.68% ซึ่งเป็นผลจากเม็ดเงินที่ไหลออกจาก DELTA เข้ามาพักใน CPALL, ADVANC ที่มีปัจจัยพื้นฐานอยู่ในเกณฑ์ดี โดยประเด็นที่ยังต้องติดตามวันศุกร์ ก.พาณิชย์รายงานดัชนี CPI ไทย พ.ค. คาด -0.83% & เม.ย. -0.22% YoY ซึ่งมีผลต่อการประชุม กนง.วันที่ 25 มิ.ย. ว่าจะปรับลดดอกเบี้ยหรือไม่ รวมถึงข่าวการปรับ ครม.ว่าจะสร้างความไม่พอใจระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่  

Daily Strategy

  • วางแนวรับดัชนีที่ 1,120 แนวต้าน 1,140 – 1,150 โดยดัชนีมีโอกาส Sideway Down เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่ และรอความชัดเจนการค้าเจรจาการค้าสหรัฐ – ไทย ขณะที่ DELTA มีโอกาสปรับฐานในกรอบ 82 – 85 ตามเกณฑ์ Cap-Weight ใหม่ของ SET50/100 แนะนำทยอยซื้อ ADVANC,CPALL,BH ที่เป็นหุ้น Big Cap. รองรับเม็ดเงินที่ออกจาก DELTA
  • CKP* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 3.92 บาท) ผลประกอบการ 1Q68 มีกำไรสุทธิ 70 ล้านบาท ลดลง QoQ ตามปัจจัยฤดูกาล แต่พลิกจากขาดทุนใน 1Q67 ซึ่งดีกว่าคาด ขณะที่ 2Q68-3Q68 กำไรจะฟื้นตัวต่อเนื่อง QoQ จากปริมาณน้ำที่ไหลเข้าเขื่อนน้ำงึม 2 (NN2) และปริมาณน้ำโขงที่ไหลผ่านเขื่อนไซยะบุรีเพิ่มขึ้นตามปัจจัยฤดูกาล ส่งผลให้ภาพรวมปี 68 กำไรอิงจาก consensus ของตลาดจะสามารถเติบโตได้ในระดับ 7 พันล้านบาท (+26%YoY) โดยคาดหวังว่าจะไม่มีการหยุดผลิตไฟฟ้าของโครงการไซยะบุรีเหนือนกับปีก่อน ขณะที่ต้นทุนทางการมีแนวโน้มลดลง

ADVANC* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย 315.0 บาท) กำไรสุทธิ 1Q68 อยู่ที่ 1.06 หมื่นลบ. (+25%YoY, +14%QoQ) หนุนจากมาร์จิ้นที่ดีขึ้น ส่วน 2Q68 คาดมาร์จิ้นยังดีได้ต่อจากประเด็นเดิม(การแข่งขัน / Finance Cost ลง) ทั้งนี หุ้นกลุ่มสื่อสารยังมีปัจจัยบวกจากเทรนด์ธุรกิจในอนาคต, Data Consumption ที่สูงขึ้น รวมถึงการ Migrate เทคโนโลยี เช่น Package 5G ที่จะส่งผลบวกต่อไปยัง ARPU โดย ส่วนของ ADVANC เอง ฐานผู้ใช้บริการ 5G ณ สิ้น 1Q68 คิดเป็น 28% ของฐานผู้ใช้บริการทั้งหมด ยังมีช่องในการเติบโตของรายได้ นอกจากนี้ การแข่งขันที่ลดลงของผู้ให้บริการในไทยก็จะช่วยในเรื่องของค่าใช้จ่ายการตลาด รวมถึงค่าใช้จ่ายการประมูลคลื่น

 

Daily Key Factors

Oil Update(-) WTI ก.ค.-$0.56 อยู่ที่ $62.85 / บาร์เรล, Brent ส.ค. -$0.77 อยู่ที่ $64.86/บาร์เรล หลัง EIA รายงานสต็อคน้ำมันเบนซินสหรัฐสัปดาห์ที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น 5.2 ล.บาร์เรล สูงกว่าคาดจะเพิ่ม 1.5 ล.บาร์เรล กอปรกับกลุ่มโอเปกพลัสได้เพิ่มกำลังการผลิต 411,000 บาร์เรล/วัน ใน ก.ค.

 

Gold Update(+) Comex Gold ส.ค.+$22.10 อยู่ที่ $3,399.20 /ออนซ์ ได้แรงหนุน Dollar Index อ่อนค่า -0.45% อยู่ที่ 98.786 หลังรายงานดัชนีภาคบริการ, การจ้างงานภาคเอกชนสหรัฐ พ.ค. มีสัญญาณชะลอตัว

 

Fund Flow(-) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ขายสุทธิ -55.84ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นไทย -26.52 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นอินโด ฯ -27 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และขายหุ้นฟิลิปปินส์ -2.32 ล.ดอลลาร์สหรัฐ

 

(0) ค่าเงินบาทเช้านีแข็งค่าอยู่ที่ 32.47 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ปรับลดลงอยู่ที่ 4.363 %

(+) ดัชนี BDI วานนี้ +59 จุด อยู่ที่ 1,489

(-) BitCoin เช้านี้ -0.49% อยู่ที่ 105,087 ดอลลาร์สหรัฐ

(0)เช้านี้ติดตาม Caixin PMI ภาคบริการจีน พ.ค. คาด 51.0 & เม.ย. 50.7

 

Economic Calendar

 

ในประเทศ

สัปดาห์ที1 ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของไทย

 

ต่างประเทศ

02 มิ.ย.     US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต ( พ.ค.)

03 มิ.ย.     EU ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) (ปีต่อปี) ( พ.ค.) 

US ตำแหน่งงานว่างเปิดใหม่จาก JOLTS (เม.ย.)

US คำกล่าวของนายพาวเวลล์ (Powell) ประธานธนาคารกลางสหรัฐ       

04 มิ.ย.     US การเปลี่ยนแปลงการจ้างงานภาคนอกภาคเกษตรกรรม(ADP)(พ.ค.)

                US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการบริการ ( พ.ค.)

05 มิ.ย.     EU การตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย (มิ.ย.)

                EU การแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนของธนาคารกลางแห่งยุโรป 

US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ

                US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก

06 มิ.ย.     US รายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมง (เดือนต่อเดือน) ( พ.ค.)

            US การจ้างงานนอกภาคการเกษตร ( พ.ค.)

                US อัตราการว่างงาน ( พ.ค.)

 

Theme Strategy

Theme หุ้นที่มีปัจจัยบวกตามกระแส Megatend, ทิศทางดอกเบี้ยเริ่มเข้าสู่ขาลง,  และ/หรือ สามารถรับจากความเสี่ยง Trade War ได้  

 

(1) กลุ่มการเงิน Leasing รับแนวโน้มทิศทางดอกเบี้ยในประเทศลดลง NCAP*, S11*, SINGER* ,SGC* ,THANI*

 

(2) กลุ่มสื่อสาร โรงไฟฟ้า หุ้น defensive ได้ประโยชน์จาก Bond yield ที่ปรับลดลง ธุรกิจหลักมีการเติบโตสอดคล้องเศรษฐกิจใหม่ ADVANC ,TRUE ,GULF*, GPSC*, BCPG

 

(3) กลุ่มเกษตรได้ประโยชน์จากราคาสุกรในประเทศที่อยู่ในระดับสูง ขณะที่การส่งออกไก่ไปต่างประเทศยังทำได้ดี CPF, BTG* ,TFG* ,FM* ,GFPT

 

(4) กลุ่ม China Play คาดความดึงเครียดทางการค้าผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว แม้ยังมีความผันผวนแต่หุ้นที่เกี่ยวข้องมี valuation ที่ปรับตัวลงมาต่ำมากแล้ว น่ากลับไปหาจังหวะเก็งกำไร SCC* ,SCGP* ,PTTGC

 

(5) กล่มสินค้า IT ได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนถ่ายเทคโนโลยี ADVICE* ,COM7* SYNEX*,SIS*

 

(6) สินค้าจำเป็นและการบริโภคในชีวิตประจำวันที sensitive น้อยต่อกำลังซื้อในประเทศชะลอตัว เช่น CPALL , MALEE*, BJC ,OKJ*, NSL*

 

**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย

 

Asset Allocation: Equity 50% Fixed Income 35% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%

 

Today Fundamental Research: -

 

 

Monthly Portfolio May 2025: PLANB*, TASCO*, TFG*, STECON, IVL*

 

 

 

 

Analysts

Apichai Raomanachai  

Fundamental and Technical Investment Analysis ID No.  002939

Tel  02-829-6999  Ext  2200

Email : apichai.ra@kfsec.co.th

Meena Tunlayanitigun

Fundamental and Technical Investment Analysis ID No.  033662

Tel  02-829-6999

Email : meena.tu@kfsec.co.th

Nopporn Chaykaew     

Fundamental Analysis ID No.  043964

Tel  02-829-6999  Ext  2203

Email : noppoen.ch@kfsec.co.th

Nattawat Poosunthornsri  

Fundamental Analysis ID No.  087077

Tel  02-829-6999  Ext  2204

Email : nattawat.po@kfsec.co.th

 

 

 

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

"พาณิชย์"จับมือ 4 ปั๊มน้ำมัน ซื้อมะม่วงแฟนซีภาคเหนือ นำแจกเป็นของสมนาคุณผู้เติมน้ำมัน

"พาณิชย์"จับมือ 4 ปั๊มน้ำมัน ซื้อมะม่วงแฟนซีภาคเหนือ นำแจกเป็นของสมนาคุณผู้เติมน้ำมัน

PCE ลุย! ส่งออกกะลาปาล์มคุณภาพสูง

PCE ลุย! ส่งออกกะลาปาล์มคุณภาพสูง

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้