วันศุกร์ที่ผ่านมาดัชนีเคลื่อนไหวในแดนลบตามทิศทางตลาดต่างประเทศ หลังศาลอุทธรณ์สหรัฐมีคำสั่งให้ระงับคำตัดสินของศาลการค้าชั่วคราว และอนุมัติให้มาตรการภาษีศุลกากรของรัฐบาลทรัมป์มีผลบังคับใช้ต่อไปทำให้นักลงทุนยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้า ประกอบกับ Fund Flow ที่ไหลออก เป็นปัจจัยกดดันเพิ่มเติม มีแรงขายมากในหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ พลังงาน และธนาคาร ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,149.18 จุด -14.83 จุด -1.27% มูลค่าการซื้อขาย 73,098.63 ลบ. (ในสัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนี-27.18 จุด -2.31% และเดือนที่ผ่านมาดัชนี -48.08 จุด -4.02%) Program Trading -9,393.28 ลบ.ต่างชาติ -11,093.18 ลบ. TFEX -15,092 สัญญา ตราสารหนี้-7,166.42 ลบ.
ปัจจัยบวก
+ ดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 214.16 จุด หรือ +0.51% ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดบวกเช่นกัน ได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มบริษัทผลิตชิป โดยเฉพาะหุ้นอินวิเดีย (Nvidia) ขณะที่นักลงทุนจับตาการเจรจาระหว่างสหรัฐฯ และบรรดาประเทศคู่ค้าซึ่งรวมถึงจีน
+ สัญญาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 89 เซนต์ หรือ +1.42% ปิดที่ 63.41 ดอลลาร์/บาร์เรล ได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าสถานการณ์ตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างรัสเซียกับยูเครน และสหรัฐฯ กับอิหร่านจะส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันในตลาดโลก
+ แหล่งข่าวเปิดเผยว่า ซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นประเทศผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลกอาจปรับลดราคาขายน้ำมันดิบอย่างเป็นทางการ (Official Selling Price) หรือ OSP สำหรับลูกค้าในเอเชียในเดือนก.ค.ลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือน
+ หัวหน้าคณะผู้แทนรัสเซียในการเจรจาสันติภาพกับยูเครนยื่นข้อเสนอไปยังยูเครนเกี่ยวกับกำหนดวันและสถานที่สำหรับจัดการประชุมแลกเปลี่ยนบันทึกความเข้าใจเพื่อยุติการสู้รบในยูเครน
+ สหรัฐฯ เปิดเผยผลสำรวจการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) พบว่า ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานซึ่งเป็นมาตรวัดอุปสงค์ในตลาดแรงงาน เพิ่มขึ้นเป็น 7.391 ล้านตำแหน่งในเดือนเม.ย.สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 7.1 ล้านตำแหน่งจากระดับ 7.2 ล้านตำแหน่งในเดือนมี.ค.
ปัจจัยลบ
- ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ลงนามในคำสั่งขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมเป็นสองเท่าสู่ระดับ 50% เมื่อวันอังคารซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในเวลาเที่ยงคืนหนึ่งนาที แสดงให้เห็นว่าทรัมป์ไม่มีความตั้งใจที่จะถอยจากกลยุทธ์การค้าที่แข็งกร้าวของเขา ส่งผลให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานและสงครามการค้าโลกที่ยืดเยื้ออีกครั้ง
- รอยเตอร์รายงานว่า รัฐบาลทรัมป์ต้องการให้บรรดาประเทศคู่ค้ายื่นข้อเสนอทางการค้าที่ดีที่สุด เพื่อเร่งรัดการหารือก่อนถึงกำหนดเส้นตายในวันที่ 8 ก.ค. ซึ่งเป็นวันที่มาตรการภาษีตอบโต้ที่ถูกระงับไว้นั้นจะกลับมามีผลบังคับใช้
- ศาลอุทธรณ์ของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ สั่งระงับคำตัดสินของศาลการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ เป็นการชั่วคราว โดยอนุมัติให้มาตรการภาษีศุลกากรของปธน.โดนัลด์ ทรัมป์มีผลบังคับใช้ต่อไปได้ หลังจากที่ศาลการค้ามีคำสั่งให้ระงับการใช้มาตรการภาษีศุลกากรดังกล่าว
- ยอดคำสั่งซื้อใหม่จากภาคโรงงานของสหรัฐฯ ในเดือนเม.ย. ปรับตัวลง 3.7% หดตัวมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 3.2%
- ธปท. รายงานดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจเดือน พ.ค.2568 พบว่าดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจเดือน พ.ค.อยู่ที่ 46.7 ปรับตัวลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อน ซึ่งอยู่ที่ระดับ 48 และลดลงจากเดือนก่อนหน้าอยู่ที่ 47.1
แนวโน้มตลาดวันนี้
คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาส Rebound หลังจากการปรับน้ำหนัก MSCI ในสัปดาห์ก่อน โดยนักลงทุนจับตาการเจรจาระหว่างสหรัฐฯ และบรรดาประเทศคู่ค้าซึ่งรวมถึงจีน มองกรอบดัชนีในวันนี้ 1,140-1,160 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
-หุ้นที่ได้ประโยชน์จากกองทุน TESGX: BBL BEM CPALL PTT TISCO
- คาดหุ้นเข้าคำนวณ SET50 : BCP KKP TCAP / หุ้นออกจาก SET50 : BGRIM GLOBAL ITC
-คาดหุ้นเข้าคำนวณ SET100 : AURA MBK TOA WHAUP / หุ้นออกจาก SET100 : CKP COCOCO ROJNA SAPPE
*การคำนวณ SET50/100 ยังขาดข้อมูลเดือน พ.ค. อีก 1 เดือน