Company Note
วีจีไอ
ประกาศผลประกอบการ 4Q24/25 และปี 2024/25 พลิกเป็นกำไร
VGI ประกาศผลประกอบการ 4Q24/25 เป็นกำไรอยู่ที่ 53 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% YoY แต่ลดลง 59% เนื่องจากเป็นช่วง low season การใช้จ่ายสื่อโฆษณา และผลประกอบการทั้งปี 2024/25 เป็นกำไรสุทธิอยู่ที่ 501 ล้านบาท จากผลประกอบการที่ดีขึ้นและการไม่ต้องรับรู้ขาดทุนจาก KEX โดยบริษัทมีกำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 199 ล้านบาท เทียบกับปี 2023/24 ที่ขาดทุนจากการดำเนินงาน -826 ล้านบาท และรับรู้ขาดทุนสุทธิ -3,488 ล้านบาท (ปี 2023/24 มีบันทึกขาดทุนจากการจำหน่ายบริษัทร่วมทุน KEX การตั้งด้อยค่าของ Jmart และ Ads Chaophraya) สำหรับรายได้กลุ่มสื่อโฆษณานอกบ้านปี 2024/25 เพิ่มขึ้น 15% YoY จากอัตราการใช้สื่อโฆษณาเพิ่มขึ้นเป็น อยู่ที่ 52% จาก 47% YoY
รายได้ธุรกิจ digital service เพิ่มขึ้นจากกลุ่ม Rabbit Group จาก R-cash, R-care และรายได้จากธุรกิจขายสินค้าทรงตัว เนื่องจาก Fanslink เน้นขายสินค้าแบรนด์ตนเองเพิ่มขึ้นและลดการขายสินค้าจีน และการขยายสาขา Super turtle บริษัทรับรู้กำไรจากบริษัทร่วมทุน JMART เพิ่มขึ้นทำให้รับรู้ส่วนแบ่งกำไร 229 ล้านบาท จากที่รับรู้ขาดทุน 735 ล้านบาท YoY จาก KEX เป็นหลัก
อัตราทำกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น YoY จากธุรกิจค้าสื่อโฆษณานอกบ้านที่มีอัตราการใช้สื่อโฆษณาเพิ่มขึ้น และการขายปลีกเน้นการขายสินค้าตนเองเพิ่มขึ้นซึ่งมีมาร์จิ้นที่ดีกว่า การพัฒนาประสิทธิภาพในการทำงานของธุรกิจ Rcare ลดค่าใช้จ่ายในการทำการตลาด และการขยายสาขาร้าน Turtle ช่วยประหยัดขนาด (Economy of scale) สำหรับค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารลดลงจากการลดค่าใช้จ่ายการตลาดและการบริหารค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น บริษัทอนุมัติการจ่ายเงินปันผล 0.013 บาท/หุ้น XD วันที่ 30 ก.ค.25
คาดผลประกอบการเพิ่มขึ้นเล็กน้อย จากสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว
เราคาดผลประกอบการปี 2025/26F -2026/27F เพิ่มขึ้นเล็กน้อย จากสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว คาดกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 3% และ 7% ตามลำดับ จากคาดรายได้จากสื่อโฆษณามีอัตราการใช้สื่อที่ 53-55% จากปี 2024/25 อยู่ที่ 52% คาดรายได้ธุรกิจ digital service เพิ่มขึ้นปีละ 7% ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา จากกลุ่ม Rabbit Group จาก R-cash, R-care และรายได้จากธุรกิจขายสินค้าคาดเพิ่มขึ้นเล็กน้อยปีละ 5% สะท้อนสภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว Fanslink เน้นขายสินค้าแบรนด์ตนเองเพิ่มขึ้น และการขยายสาขา Super turtle เราคาดบริษัทมีรายได้จากดอกเบี้ยหลังจากการเพิ่มทุน คาดเบื้องต้นที่ 300 ล้านบาท/ปี คาดอัตรามาร์จิ้นเพิ่มขึ้นตามอัตราการใช้สื่อโฆษณาเพิ่มขึ้น และการเน้นขายสินค้าแบรนด์ตนเองเพิ่มขึ้นซึ่งมีอัตรามาร์จิ้นดีกว่า คาด SG&A ลดลงจากการลดค่าใช้จ่ายการตลาดและการบริหารที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ยังคงคำแนะนำเป็น “ขาย” ราคาเป้าหมาย 2.2 บาท
เรายังคงคำแนะนำ “ขาย” ยังมีความไม่ชัดเจนจากการเพิ่มทุนเพื่อลงทุนธุรกิจโครงการใหญ่ Entertainment Complex ซึ่งต้องใช้เวลานานกว่าจะถึงจุดคุ้มทุน มูลค่าปัจจัยพื้นฐานของเราอยู่ที่ 2.2 บาทอ้างอิงวิธี sum-of- the part (SOTP) ซึ่งเราได้รวมผลกระทบจาก dilution effect จากการเพิ่มทุน PP และการใช้สิทธิ warrant ที่จะหมดอายุ 3 ก.ย.25 และมีราคาใช้สิทธิที่ 1.5 บาท ทำให้มีโอกาสจะเกิดการใช้สิทธิสูง และยังมีความไม่แน่นอนในการต่อสัญญาในอนาคตจากสัมปทานสื่อโฆษณาบนรถไฟฟ้า BTS ที่จะหมดในอีก 5 ปี (ปี 2029)