Company Note
Prima Marine
แนวโน้มดี คาดกำไรเติบโตต่อใน 2Q25F และ 3Q25F ทำให้คาดกำไรปีนี้ทำสถิติสูงสุดใหม่
ข้อมูลจากการประชุมนักวิเคราะห์ยังยืนยันแนวโน้มยังเป็นบวก แนวโน้มคาดกำไรปกติ 2Q25F จะดีขึ้น QoQ จากจำนวนเรือที่เพิ่มมากขึ้นและจะเร่งตัวดีขึ้นต่อใน 3Q25F ซึ่งจะทำให้กำไรของบริษัทเติบโตทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อในปีนี้ เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ PRM เนื่องจากแนวโน้มยังดี ราคาหุ้นถูกโดย PER ปี 2025F แค่ 5.4x แต่ Dividend yield สูงถึง 10.7% อีกทั้งยังมีข่าวดีจากการที่บริษัทปรับเพิ่มจำนวนซื้อหุ้นคืนรอบที่ 2 จากเดิม 75 ล้านหุ้นเป็น 175 ล้านหุ้น วงเงินจากเดิม 600 ลบ.เป็น 1,400 ลบ. ซึ่งบริษัทยังมีแผนจะลดทุนจากการซื้อหุ้นคืนทั้ง 2 รอบซึ่งจะทำให้ EPS เพิ่มขึ้นอีก
คาดกำไรปกติใน 2Q25F ดีขึ้น QoQ และดีขึ้นต่อใน 3Q25F ดันกำไรสู่สถิติสูงสุดใหม่ในปีนี้
กำไรใน 1Q25 มีรายการพิเศษคือกำไรจากการขายเรือ FSU 163.7 ลบ.และการปรับลดค่าใช้จ่ายผันแปรที่เกี่ยวกับการเช่าเรือ VLCC ในช่วง 4 ปีแรกของสัญญาเช่าจากประมาณการเดิมจำนวน 150 ลบ. ซึ่งเป็นรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว หากไม่รวมทั้งสองรายการ กำไรปกติของ 1Q25 จะอยู่ที่ 455.7 ลบ. ซึ่งแนวโน้มกำไร 2Q25F น่าจะเพิ่มขึ้น QoQ เนื่องจากเรือ Crew Boat ลำใหม่ 3 ลำและเรือ FSO ให้บริการเต็มไตรมาส และเรือ FSU ลำใหม่เริ่มให้บริการในเดือนพ.ค. ซึ่งเรือลำนี้เป็นเรือที่ได้ค่าเช่าสูงเนื่องจากเป็นเรือใหม่และมีการปรับปรุงให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้มากขึ้น อีกทั้งในไตรมาสนี้ไม่มีเรือ VLCC และ OSV เข้าอู่ด้วย สำหรับ 3Q25 เราคาดว่าแนวโน้มกำไรจะเติบโตขึ้นอีก QoQ เนื่องจากเรือ FSU ลำใหม่ให้บริการเต็มไตรมาส และจะมีเรือ Crew Boat เข้ามาใหม่อีก 1 ลำ จากปัจจัยทั้งหมดทำให้เรายังคงคาดหวังว่ากำไรปกติปีนี้จะทำจุดสูงสุดใหม่ได้
ขยายกองเรือ เพิ่มประสิทธิภาพและปรับตัวรับโอกาสใหม่ ๆ ที่จะเกิดขึ้น
แม้แนวโน้มผลประกอบการยังคงดี แต่บริษัทยังคงมองหาโอกาสในการเพิ่มประสิทธิภาพ และขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เช่น จัดหาเรือใหม่เพื่อทดแทนเรือที่มีอายุมากเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและอัตราค่าเช่า โดยในปีที่ผ่านมาบริษัทได้สั่งต่อเรือ 6 ลำ โดยจะทยอยรับเรือในปี 2025-26F นอกจากนั้นในช่วงที่ผ่านมาบริษัทก็มีการเพิ่มกองเรือเคมีเพื่อรองรับหากความต้องการใช้น้ำมัน Jet A1 ในประเทศลดลงจากกระแสรถไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น รวมถึงมีการขยายพื้นที่ขนส่งไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้ ณ ปัจจุบันปริมาณขนส่ง Jet A1 ของบริษัทยังคงเติบโตต่อเนื่อง ส่วนในธุรกิจ Offshore Support บริษัทก็มีการขยายตลาดไปยังตะวันออกกลาง (ADNOC) ที่มีศักยภาพในการเติบโตอีกมาก รวมถึงวางแผนลงทุนในเรือ Crew Transfer Vessel (CTV) สำหรับ Wind Farm ในเอเชียแปซิฟิกที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็วและมีศักยภาพเติบโตในอนาคต และเรือ AHTS (Anchor Handling Tug Supply) ซึ่งเป็นเรือลากจูงและจัดหาสมอที่ออกแบบมาเพื่อลากจูงและจัดการสมอของแท่นขุดเจาะน้ำมันหรือเรือขนส่ง รวมถึงการขนส่งอุปกรณ์และเสบียงไปยังแท่นขุดเจาะ โดยในปีนี้บริษัทตั้งเป้า CAPEX ไว้ที่ 3-4.5 พันลบ. (เทียบกับ 4.5 พันลบ.ในปี 2024) ซึ่งจากสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งของบริษัท(Net D/E ณ สิ้น 1Q25 ที่ 0.5x) ทำให้บริษัทยังมีความสามารถในการกู้เพิ่มได้อีกมาก
คงคำแนะนำ “ซื้อ”โดยมีมูลค่าเหมาะสมที่ 10 บาท
เราคงประมาณการกำไรและราคาเป้าหมายที่ 10 บาทซึ่งคิดจาก 2025F PER ที่ 9 เท่า (ค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี) ซึ่งยังมี Upside อีกมากรวมถึงแนวโน้มกำไรที่ยังเติบโตดี เราจึงยังคงแนะนำ ซื้อ ปัจจัยเสี่ยงมาจากความผันผวนราคาพลังงานที่จะส่งผลต่อดีมานด์การใช้เรือและต้นทุน