Company Note
PLANB
อนุมัติซื้อหุ้น “Hello LED” โดยขยายระยะเวลาการทำธุรกรรมออกไป
จากการประชุมผู้ถือหุ้น 29 เม.ย.25 อนุมัติให้ซื้อหุ้น “Hello LED” มูลค่า 4 พันล้านบาท กับ ROCTEC และ บ. วิน ฮาเวสท์ อินเตอร์เนชั่นแนล และให้เจรจาขยายระยะเวลาการดำเนินธุรกรรมดังกล่าว เนื่องมาจากภาวะเศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอนสูงจากมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ซึ่งส่งผลให้ภาคธุรกิจโดยรวมชะลอตัว เพื่อรักษาระดับสภาพคล่องไว้เพื่อรองรับความจำเป็นที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน สรุปประเด็นวันที่ 30 พ.ค.25 ได้ดังนี้
1) การขยายระยะเวลาธุรกรรมกับ ROCTEC โดยขยายระยะเวลาการซื้อหุ้น Hello LED ที่ถือโดย ROCTEX 50% ของ Hello LED ออกไปอีก 2 ปี 6 เดือน เป็นภายใน 13 ส.ค.27 โดยบริษัทจะวางเงินมัดจำให้ ROCTEC ไม่เกิน 240 ล้านบาท หรือ 12% ของมูลค่า 2 พันล้านบาท (ทยอยชำระตามข้อตกลง 10 ไตรมาส) ซึ่งจะนำไปหักจากค่าซื้อหุ้นในอนาคต และมีเงื่อนไขว่า หากธุรกรรม Hello LED ไม่เกิดขึ้นสาเหตุเกิดจาก ROCTEC ทาง ROCTEC ต้องคืนเงินมัดจำ+ดอกเบี้ย 10%, หากธุรกรรมไม่เกิดขึ้นสาเหตุเกิดจาก PLANB ทาง ROCTEC สามารถยึดเงินมัดจำ และหากธุรกิจกรรมไม่เกิดขึ้นซึ่งไม่ใช่สาเหตุของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ทาง ROCTEC สามารถยึดเงินมัดจำได้ครึ่งหนึ่งและคืน PLANB ครึ่งหนึ่ง
2) การซื้อหุ้นจากบริษัท วิน ฮาเวสท์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (อีก 50% ของ Hello LED) บริษัทจะชำระค่าหุ้นมูลค่า 2 พันล้านบาท ด้วยการออกหุ้นสามัญ PP ของ PLANB มูลค่า 1 พันล้านบาท และเงินสดจากการออกหุ้นสามัญ PP ของ PLANB ให้ VGI มูลค่า 1 พันล้านบท (รวมเพิ่มทุน 6.6% ที่ 286 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 7 บาท) โดยต้องดำเนินการให้เสร็จตามแผนภายใน 90 วัน นับจากมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นหรือภายใน 28 ก.ค.25) หากดำเนินการไม่ทัน มติดังกล่าวจะ *สิ้นผล* และต้องเริ่มกระบวนการอนุมัติใหม่ทั้งหมด
มุมมองของเรา : เรามองเป็นบวก จากการขยายระยะเวลาทำธุรกรรมกับ ROCTEC ออกไป จากสถานการณ์ภาพรวมเศรษฐกิจปัจจุบันที่ชะลอตัว ช่วยทำให้ PLANB ยังไม่ต้องรับภาระดอกเบี้ยที่จะเกิดขึ้นจากเดิมที่เราคาด 5% หรือประมาณปีละ 100 ล้านบาท เนื่องจาก PLANB จะต้องกู้ยืมจากสถาบันการเงินมูลค่า 2 พันล้านบาทในการซื้อหุ้น Hello LED ให้กับ ROCTEC สำหรับการทำธุรกรรมกับ วิน ฮาเวสท์ บริษัทยังมีความมั่นใจว่าจะเป็นไปตามแผนภายใน 28 ก.ค.25 นี้ แม้ว่าราคาหุ้น PLANB ปัจจุบันอยู่ที่ 5.50 บาท ต่ำกว่าราคาเพิ่มทุนราว 21% และบริษัทมองว่าสถานการณ์ราคาหุ้นปัจจัยเป็นปัจจัยภายนอกที่ไม่สามารถควบคุมได้ แต่การดำเนินงานของธุรกิจยังเป็นไปตามแผนกลยุทธ์การเติบโต
อย่างไรก็ตาม เรามองว่ายังต้องติดตามสถานการณ์ต่อไป โดยหากทุกอย่างเป็นไปตามแผน เราคาดว่าบริษัทจะเป็นผู้ถือหุ้น Hello LED ได้ 50% ในปีนี้ และช่วยผลประกอบการเพิ่มขึ้น (จากเดิมที่ PLANB เป็นเพียงผู้ให้บริการในการขายสื่อโฆษณาให้กับ Hello LED รับรู้ส่วนแบ่งรายได้ 20% หรือประมาณปีละ 120 ล้านบาท) และสามารถรับรู้รายได้และกำไรที่เพิ่มขึ้น หากควบรวมงบการเงินของ Hello LED
Hello LED ที่มีรายได้ปีละประมาณ 620 ล้านบาท ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา และมี net margin ประมาณ 32 % หรือกำไรปีละประมาณ 200 ล้านบาท โดยหากไม่รวมการหักส่วนแบ่งรายได้ให้กับ PLANB 20%, Hello LED จะมีกำไรปีละประมาณ 320 ล้านบาท จากสมมติฐานหาก PLANB ถือหุ้น 50% ในช่วง 2 ปีนี้ และรวมงบการเงิน Hello LED จะทำให้ PLANB ทำให้กำไรสุทธิจะเพิ่มขึ้นราวปีละ 50-60 ล้านบาท จะมี upside ต่อกำไรสุทธิปี 2025-26F เพิ่มขึ้นประมาณ 4%-5% และมีผลกระทบต่อ eps dilution effect จากการเพิ่มทุนตามแผนประมาณ -2%
คงประมาณการผลประกอบการเติบโตเฉลี่ยปีละ 11% (CAGR2Y) (ยังไม่รวม synergy ครั้งนี้)
แนวโน้มผลประกอบการ 2Q25F คาดอัตราการใช้สื่อโฆษณาที่ 73-75% จาก 1Q25 อยู่ที่ 68% แต่ธุรกิจ Engagement Marketing อาจจะอ่อนตัวจากช่วงฤดูฝน เราคาดกำไรสุทธิปี 2025-26F เติบโตเฉลี่ยปีละ 11% (CAGR3Y) ยังไม่รวมกับการ synergy ครั้งนี้ จากการคาดรายได้ธุรกิจสื่อโฆษณานอกบ้านปี 2025F มีการเพิ่ม media capacity ประมาณ 10% มาอยู่ที่ 10,500 ล้านบาท คาดอัตราการใช้สื่อ 75%-76% และคาดรายได้กลุ่มกิจกรรม engagement marketing เติบโตปีละ 7% (ไม่รวมรายได้จากกีฬาโอลิมปิกในปี 2024F) คาดอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 31.4-32.4% จากปี 2024 อยู่ที่ 29.9% จากคาดรายได้ธุรกิจสื่อโฆษณาที่เพิ่มขึ้น และไม่มีรายได้กีฬาโอลิมปิกที่อัตรามาร์จิ้นต่ำกว่าสื่อนอกบ้าน กลุ่มธุรกิจ engagement marketing เพิ่มขึ้น
เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 7 บาท อ้างอิงวิธี PER-1SD อยู่ที่ 27X จากเศรษฐกิจที่ชะลอตัวทั้งในประเทศและทั่วโลก ราคาหุ้นปัจจุบันมี PER Forward ที่ 21X คาด Div.Yield 25F ที่ 2.3% สถานะการเงินแข็งแกร่งคาด Net D/E25F ที่ 0.1x ความเสี่ยง : เศรษฐกิจชะลอตัว