Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

บล.คิงส์ฟอร์ด : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน

182

Market Wrap-Up

  • SET วันที่ 30 พ.ค.68 ปิด -14.83 จุด อยู่ที่ 1,149.18 จุด มูลค่าการซื้อขาย 73,098 ลบ. สถาบันซื้อ 4,727 ลบ. รายย่อยซื้อ 6,388 ลบ พอร์ตโบรกขาย 22 ลบ. และต่างชาติขาย 11,093 ลบ. NVDR มียอดซื้อสุทธิ 5,277 ลบ.โดยมียอดซื้อในหุ้น ADVANC,DELTA,KTC,CRC,BEM และยอดขายหุ้น PTTEP,KBANK,BBL,KTB,AOT มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 2,052 ลบ.หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ STA,MTC,CKP  โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Short ใน Index Futures จำนวน 15,345 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 34,394 สัญญา ต่างชาติขายสุทธิในตลาดพันธบัตรไทย 7,166 ลบ.
  • ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA +0.51%, S&P500 +0.58%, Nasdaq +0.81% ได้แรงหนุนจากกลุ่มผู้ผลิตชิป นำโดย Nvidia +2.8%, Micron Tech. +4.15% และยังรอผลการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐกับประเทศคู่ค้าต่าง ๆ รวมถึงจีน ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 +0.09% ได้แรงหนุนจากกลุ่มพลังงาน +1% ปรับขึ้นตามราคาน้ำมันดิบ ขณะที่กลุ่มสื่อสาร -1.1% และทรัพยากรพื้นฐาน -0.8% ระหว่างรอผลการประชุม ECB ในวันพรุ่งนี้         

Market View

  • ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ปรับขึ้นได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มผลิตชิป นำโดย Nvidia +2.8% หลังโฆษกทำเนียบขาวเผย ปธน.ทรัมป์จะหารือข้อตกลงการค้ากับ ปธน. สี จิ้นผิงในสัปดาห์นี้ หลังสหรัฐกล่าวหาจีนได้ละเมิดข้อตกลงที่เจนีวา ซึ่งอาจมีประเด็นมาตรการควบคุมการส่งออกชิปของ Nvidia ไปตลาดจีน และจีนควบคุมการส่งออกแร่หายากไปยังตลาดสหรัฐ กอปรสหรัฐยังเร่งให้ประเทศคู่ค้าส่งข้อเสนอการค้าภายในวันที่ 4 มิ.ย. ก่อนจะถึงกำหนดเส้นตายที่จะต้องขึ้นภาษีศุลกากรในวันที่ 8 ก.ค. นี้ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจวานนี้ JOLTs เผยตัวเลขเปิดรับสมัครงานสหรัฐ เม.ย. เพิ่มขึ้น 7.391 ล.ตำแหน่ง สูงกว่าคาดที่ 7.1 ล.ตำแหน่ง ค่ำวันนี้ติดตาม PMI/ISM ภาคบริการสหรัฐ พ.ค. และ ADP ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนสหรัฐ พ.ค.คาด 110,000 & เม.ย. 62,000 ราย
  • ตลาดหุ้นยุโรปวานนี้ปิดทรงตัว โดยได้แรงหนุนจากกลุ่มพลังงาน +1% ที่ปรับขึ้นตามราคาน้ำมันดิบ ขณะที่กลุ่มสื่อสาร -1.1% และทรัพยากรพื้นฐาน -0.8% ปรับลดลงตามราคาทองแดง โดยนักลงทุนยังรอผลการเจรจาข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐ – อียู หลังสหรัฐได้เลื่อนการเก็บภาษีศุลกากรสินค้าอียูจากกำหนดเดิมวันที่ 4 มิ.ย. ออกไปถึงวันที่ 8 ก.ค. ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจวานนี้ CPI ยูโรโซน พ.ค. ชะลอตัวอยู่ที่ 1.9% & เม.ย. 2.2% YoY ส่งผลให้การประชุม ECB ในวันพรุ่งนี้มีโอกาสลดดอกเบี้ยเงินฝากลง 0.25% อยู่ที่ 2.0% ขณะที่คำวันนี้ติดตามPMI ภาคบริการยูโรโซน พ.ค. คาด 9 & เม.ย. 50.1
  • ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ ดัชนีนิเกอิ -0.06% ถูกกดดันจากนโยการค้าของสหรัฐ ที่ประกาศจะเก็บภาษีนำเข้าเหล็ก & อะลูมิเนียมในอัตรา 50% และสัปดาห์นี้รอผลการเจรจาการค้าสหรัฐ – ญี่ปุ่นรอบที่ 5 ส่วนดัชนีเซี่ยงไฮ้ +0.43%, ฮั่งเส็ง +1.53% แม้ว่า Caixin PMI ภาคการผลิตจีน พ.ค. อยู่ที่ 48.3 & เม.ย. 50.4 อยู่ในโซนหดตัวครั้งแรกในรอบ 8 เดือน ส่งผลให้รัฐบาลจีนจะต้องออก ม.กระตุ้นเศรษฐกิจในระยะถัดไป ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจเช้านี้ติดตาม PMI ภาคบริการญี่ปุ่น พ.ค., GDP เกาหลีใต้ Q1/68 และผลการเลือกตั้ง ปธน.เกาหลีใต้
  • SET -2.31% WoW ปริมาณการซื้อขายเฉลี่ย/วัน 13 หมื่น ลบ. +1.41% WoW รายย่อยซื้อ 10,142 ลบ. สถาบันซื้อ 5,469 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 23 ลบ. และต่างชาติขาย 15,588 ลบ. WoW จากแรงขายกลุ่ม Global Play เช่น พลังงาน, อิเล็ก ฯ, บรรจุภัณฑ์ และวัสดุก่อสร้าง ที่ผันผวนหลังศาลการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐได้ออกค่ำสั่งให้ระงับการเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ เนื่องจากเป็นการใช้อำนาจเกินขอบเชตของรัฐบาล อย่างไรก็ตามคณะทำงานของ ปธน.ทรัมป์ได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว และยังรอการไต่สวนข้อมูลในวันที่ 5 และ 9 มิ.ย. นี้ กอปรกับช่วงปิดตลาดวันศุกร์นั้นทาง MSCI ได้ทำการรีบาลานท์ดัชนีหุ้นไทย ซึ่งได้ปรับลดน้ำหนักการลงทุนราว 1.3 หมื่น ลบ. ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่กดดันดัชนี SET ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่วนกลุ่มที่ช่วยหนุนดัชนี คือ รับเหมาก่อสร้างที่ได้ปัจจัยหนุนจากการผ่านร่างงบประมาณรายจ่ายปี 69 วาระแรก และกลุ่มปิโตรเคมี & โรงกลั่นที่นักวิเคราะห์คาดกำไรปีนี้มีโอกาสฟื้นตัวจากฐานต่ำในปีก่อน ประเด็นที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้ คือ รายงานดัชนีเงินเฟ้อไทย พ.ค. คาด -0.83% & เม.ย. -0.22% YoY และความคืบหน้าการเจรจาการค้าสหรัฐ – ไทย  

Daily Strategy

  • วางแนวรับดัชนีที่ 1,140 แนวต้าน 1,160 คาดดัชนีมีโอกาสฟื้นตัว หลังผ่านการปรับพอร์ตของ MSCI กอปรกับแรงกดดันจากภาวะสงครามการค้ามีแนวโน้มดีขึ้น จากการเริ่มเจรจาระหว่าง ปธน.สหรัฐ – จีน และการเร่งให้ประเทศคู่ค้าของสหรัฐ ส่งข้อเสนอการค้าภายในวันนี้ แนะนำซื้อเก็งกำไรกลุ่มอิเล็ก ฯ เช่น DELTA, CCET ตามการฟื้นตัวของหุ้นกลุ่มผลิตชิป / โรงกลั่น & ปิโตรเคมี เข่น TOP,SPRC,PTTGC คาดค่าการกลั่น & สเปรดผลิตภัณฑ์มีแนวโน้มฟื้นตัว
  • PLANB* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 7.85 บาท) บริษัทรายงานกำไรสุทธิ 1Q68 ที่ 193 ล้านบาท -40%QoQ, +7%YoY ลดลงตามปัจจัยฤดูกาลตามเม็ดเงินสื่อโฆษณา แต่ยังเพิ่มขึ้น YoY ได้จากรายธุรกิจการตลาดแบบมีส่วนร่วม (Engagement Marketing) ส่วนใหญ่จากมวยเวทีราชดำเนินที่ได้รับความนิยม รวมถึงรายได้ BNK ที่มีการเลือกตั้ง ส่วนธุรกิจสื่อนอกบ้านรายได้โตเล็กน้อยและเห็น U-rate ลดลงแต่เป็นเพราะมี media capacity เพิ่มขึ้น ส่วน SG&A/Sale ที่ยังสูงกว่าปกติเพราะมีตั้งด้อยค่าเงินลงทุนใน BNK ก้อนสุดท้าย ข้ามมาที่ 2Q68 คาดกำไรฟื้นตัวเด่น QoQ, YoY เนื่องจากผ่านช่วง Low season ของการใช้สื่อนอกบ้าน U-rate จะกลับมาที่ 73-75% ทั้งปี 68 บริษัทวางเป้า core revenue ที่ 6-9.7 พันล้านบาท +5-6%YoY จากการเอาสื่อเสาตอม่อใต้ BTS กลับมาขายเองเริ่ม เม.ย.68 การบริหารสื่อให้ VGI เริ่ม พ.ค.68 เป็นรายได้เข้ามา 300-500 ล้านบาทในระยะเวลา 5 ปี ส่วน Hello LED เริ่มรับรู้ 100% ใน ส.ค.68 GPM 30-31% ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรปี 68-69 อิงจาก consensus อยู่ที่ 1.16 พันล้านบาท +11%YoY และ 1.29 พันล้านบาท +11%YoY

PR9* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 29.89 บาท) กำไรสุทธิ 1Q68 ออกมาอยู่ที่ 200 ลบ.(+26%YoY, -3%QoQ) อ่อนตัว QoQ ตามฤดูกาล แต่ยัง YoY บวกได้เด่นโดตามรายได้(+16%YoY) ได้แรงหนุนจากรายได้ผู้ป่วยต่างประเทศ(+88%YoY)โดยเฉพาะผู้ป่วยกลุ่มชาติตะวันออกกลาง สอดคล้องกับกลยุทธของ PR9* ที่ทำการตลาดไปหาผู้ป่วยต่างชาติมากขึ้น ด้านPR9*เอง ปี68 นี้ ตั้งเป้ารายได้เติบโต +10%YoY โดยบริษัทยังคงเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนคนไข้ต่างประเทศขึ้นราว 20% จากฐานคนไข้รวม  ทั้งนี้ตลาดคาด กำไรสุทธิ ปี68 และ ปี69 ของ PR9* จะขยายตัวมาอยู่ที่ 823 ลบ.(+15%YoY) และ 905 ลบ.(+10%YoY) ตามลำดับ

 

Daily Key Factors

Oil Update(+) WTI ก.ค.+$0.89 อยู่ที่ $63.41 / บาร์เรล, Brent ส.ค. +$1.00 อยู่ที่ $65.63/บาร์เรล ได้แรงหนุนจากภาวะสงครามรัสเซีย – ยูเครนมีแนวโน้มยืดเยื้อ หลังเกิดเหตุยูเครนโจมตีฐานทัพเครื่องบินทิ้งระเบิดของรัสเซีย และลอบวางระเบิดสะพานที่ใช้ข้ามไปไครเมียร์ ขณะที่อิหร่านได้ปฏิเสธข้อเสนอของรัฐในการเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์ ส่งผลให้อุปทานน้ำมันมีโอกาสตึงตัว

 

Gold Update(-) Comex Gold ส.ค.-$20.10 อยู่ที่ $3,377.10 /ออนซ์ ถูกกดดันหลัง Dollar Index แข็งค่า +0.53% อยู่ที่ 99.228 หลัง ปธน.ทรัมป์กับ ปธน.สี จิ้นผิงจะหารือข้อตกลงการค้าในสัปดาห์นี้

 

Fund Flow(-) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ขายสุทธิ -42.03ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นอินโด ฯ -45.05 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และซื้อหุ้นฟิลิปปินส์ +3.03 ล.ดอลลาร์สหรัฐ

 

(0) ค่าเงินบาทเช้านีอ่อนค่าเล็กน้อยตัวอยู่ที่ 32.61 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ปรับลดลงอยู่ที่ 4.445 %

(+) ดัชนี BDI วานนี้ +8 จุด อยู่ที่ 1,430

(-) BitCoin เช้านี้ -0.88% อยู่ที่ 105,365 ดอลลาร์สหรัฐ

(0)PMI ภาคบริการญี่ปุ่น พ.ค. อยู่ที่ 51.0 & เม.ย. 52.4 & คาด 50.8

 

Economic Calendar

 

ในประเทศ

สัปดาห์ที1 ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของไทย

 

ต่างประเทศ

02 มิ.ย.     US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต ( พ.ค.)

03 มิ.ย.     EU ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) (ปีต่อปี) ( พ.ค.) 

US ตำแหน่งงานว่างเปิดใหม่จาก JOLTS (เม.ย.)

US คำกล่าวของนายพาวเวลล์ (Powell) ประธานธนาคารกลางสหรัฐ       

04 มิ.ย.     US การเปลี่ยนแปลงการจ้างงานภาคนอกภาคเกษตรกรรม(ADP)(พ.ค.)

                US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการบริการ ( พ.ค.)

05 มิ.ย.     EU การตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย (มิ.ย.)

                EU การแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนของธนาคารกลางแห่งยุโรป 

US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ

                US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก

06 มิ.ย.     US รายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมง (เดือนต่อเดือน) ( พ.ค.)

            US การจ้างงานนอกภาคการเกษตร ( พ.ค.)

                US อัตราการว่างงาน ( พ.ค.)

 

Theme Strategy

Theme หุ้นที่มีปัจจัยบวกตามกระแส Megatend, ทิศทางดอกเบี้ยเริ่มเข้าสู่ขาลง,  และ/หรือ สามารถรับจากความเสี่ยง Trade War ได้  

 

(1) กลุ่มการเงิน Leasing รับแนวโน้มทิศทางดอกเบี้ยในประเทศลดลง NCAP*, S11*, SINGER* ,SGC* ,THANI*

 

(2) กลุ่มสื่อสาร โรงไฟฟ้า หุ้น defensive ได้ประโยชน์จาก Bond yield ที่ปรับลดลง ธุรกิจหลักมีการเติบโตสอดคล้องเศรษฐกิจใหม่ ADVANC ,TRUE ,GULF*, GPSC*, BCPG

 

(3) กลุ่มเกษตรได้ประโยชน์จากราคาสุกรในประเทศที่อยู่ในระดับสูง ขณะที่การส่งออกไก่ไปต่างประเทศยังทำได้ดี CPF, BTG* ,TFG* ,FM* ,GFPT

 

(4) กลุ่ม China Play คาดความดึงเครียดทางการค้าผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว แม้ยังมีความผันผวนแต่หุ้นที่เกี่ยวข้องมี valuation ที่ปรับตัวลงมาต่ำมากแล้ว น่ากลับไปหาจังหวะเก็งกำไร SCC* ,SCGP* ,PTTGC

 

(5) กล่มสินค้า IT ได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนถ่ายเทคโนโลยี ADVICE* ,COM7* SYNEX*,SIS*

 

(6) สินค้าจำเป็นและการบริโภคในชีวิตประจำวันที sensitive น้อยต่อกำลังซื้อในประเทศชะลอตัว เช่น CPALL , MALEE*, BJC ,OKJ*, NSL*

 

**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย

 

Asset Allocation: Equity 50% Fixed Income 35% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%

 

Today Fundamental Research: -

 

 

Monthly Portfolio May 2025: PLANB*, TASCO*, TFG*, STECON, IVL*

 

 

 

 

 

Analysts

Apichai Raomanachai  

Fundamental and Technical Investment Analysis ID No.  002939

Tel  02-829-6999  Ext  2200

Email : apichai.ra@kfsec.co.th

Meena Tunlayanitigun

Fundamental and Technical Investment Analysis ID No.  033662

Tel  02-829-6999

Email : meena.tu@kfsec.co.th

Nopporn Chaykaew     

Fundamental Analysis ID No.  043964

Tel  02-829-6999  Ext  2203

Email : noppoen.ch@kfsec.co.th

Nattawat Poosunthornsri  

Fundamental Analysis ID No.  087077

Tel  02-829-6999  Ext  2204

Email : nattawat.po@kfsec.co.th

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

ติดตาม By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ สำรวจหุ้นไทยเช้าที่ผ่านมา รีบาวน์ หลังลงลึก ตามเทคนิคก็เด้งขึ้น ส่วนบ่ายนี้จะไปทางไหน .....

NKT ฉายภาพธุรกิจ งาน Opp Day

NKT ฉายภาพธุรกิจ งาน Opp Day

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้