สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(4 มิถุนายน 2568 )-----ในสถานการณ์ที่ภาคธุรกิจเผชิญหน้ากับแรงกดดันและความท้าทายทางเศรษฐกิจทั้งในและนอกประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่เจอแรงสั่นสะเทือนจากหลายปัจจัยและกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน แต่ บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ FPT ยังคงฟอร์มโดดเด่นและได้รับความสนใจจากนักลงทุน สะท้อนได้จากความสำเร็จในการเสนอขายหุ้นกู้จำนวน 2,150 ล้านบาท ทั้งหมด 2 ชุด ได้แก่ อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ยคิดลด 2.43% และอายุ 3.5 ปี อัตราดอกเบี้ย 2.65% ต่อปี ซึ่งได้เสนอขายไปเมื่อวันที่ 14-15 พ.ค. 2568 ให้กับนักลงทุนสถาบัน โดยสามารถปิดการขายได้อย่างรวดเร็ว มียอดจองซื้อมากถึง 1.5 เท่า
ในทิศทางเดียวกัน กองทรัสต์อุตสาหกรรมในเครือเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย อย่างทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรม เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ หรือ FTREIT ได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายใหญ่จากการเสนอขายหุ้นกู้เมื่อวันที่ 27-28 พ.ค. 2568 จำนวน 3 ชุด ได้แก่ อายุ 3.5 ปี อัตราดอกเบี้ยคิดลด 2.78%, อายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.23% และอายุ 7 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.50% ต่อปี มูลค่ารวม 1,750 ล้านบาท ซึ่งสามารถปิดการขายได้ตามเป้า
ความสำเร็จจากการระดมทุนครั้งนี้สะท้อนความเชื่อมั่นอย่างยิ่งของนักลงทุนที่มีต่อ FPT ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร ครอบคลุมอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัย-อุตสาหกรรม-พาณิชยกรรม และกองทรัสต์ FTREIT ผู้นำกองทรัสต์อุตสาหกรรมของไทยที่มีโรงงานและคลังสินค้าคุณภาพสูงอยู่ในพื้นที่ยุทธศาสตร์ด้านอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ของไทย รวมพื้นที่ภายใต้การบริหารจัดการกว่า 2.3 ล้านตร.ม. โดยบริษัทฯ และกองทรัสต์ รวมถึงหุ้นกู้ได้รับการจัดอันดับเครดิตระดับ "A" ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" จากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ซึ่งเงินที่ได้จากการขายหุ้นกู้ครั้งนี้จะนำไปชำระคืนหนี้เดิม
FPT และ FTREIT มีผลการดำเนินงานที่เติบโตมั่นคง ในรอบ 6 เดือนแรกของปีงบการเงิน 2568 (ตุลาคม 2567 – มีนาคม 2568) FPT สามารถสร้างรายได้ 6,298 ล้านบาท ลดลง 4.4% และมีกำไรสุทธิ 550 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.9% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ FTREIT มีรายได้รวม 2,091 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 116 ล้านบาท หรือ 5.9% กำไรจากการลงทุนสุทธิ 1,388 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 113 ล้านบาท หรือ 8.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน