ภาวะตลาด : SET Index วานนี้ปรับขึ้น หลังศาลการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐมีคำสั่งให้ระงับการใช้มาตรการภาษีศุลกากรของทรัมป์ โดยขึ้นไปสูงสุด 1178.24 (+17.50 จุด) แต่ก็ถูกแรงขายกดลงไปต่ำสุดที่ 1162.88 (+2.14 จุด) ปิดตลาดที่ 1164.04 (+3.27 จุด) เนื่องจาก MSCI Rebalancing รอบพ.ค.จะมีผล ณ ราคาปิด 30 พ.ค.นี้ และตลาดหุ้นไทยจะหยุดยาว 4 วัน นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ -1.5 พันลบ. สถาบันในปท.ซื้อสุทธิ +457 ลบ.

ปัจจัยต่างประเทศ
• ศาลอุทธรณ์รัฐบาลกลางสหรัฐระงับคำตัดสินศาลการค้าระหว่างประเทศสหรัฐชั่วคราว เพื่อพิจารณาคำอุทธรณ์ของรัฐบาล โดยสั่งให้โจทก์ตอบสนองภายใน 5 มิ.ย. และสั่งให้รัฐบาลตอบสนองภายใน 9 มิ.ย. ระหว่างนี้ให้ภาษีทรัมป์ ยังมีผลบังคับใช้ ส่งผลให้สงครามการค้ายังมีความไม่แน่นอน
• สหรัฐ-จีน: มีประเด็นอ่อนไหวเข้ามาเพิ่ม เช่น การที่ สหรัฐจะดาเนินการอย่างเด็ดขาดในการเพิกถอนวีซ่านักศึกษาจีน (เช่น นักศึกษาที่มีความสัมพันธ์กับพรรคคอมมิวนิสต์จีน, นักศึกษาในสาขาวิชาที่อ่อนไหว) ซึ่งส่วนนี้กระทบด้านการทูต-การศึกษา-การเจรจาการค้าและเศรษฐกิจ นอกจากนั้น รัฐบาลสหรัฐมีคำสั่งให้บริษัทอเมริกันบางแห่งยุติการขายเทคโนโลยีที่สำคัญให้กับจีน เช่น ซอฟแวร์สำคัญสำหรับการผลิตเซมิคอนดัคเตอร์, เทคโนโลยีที่เกี่ยวกับเครื่องบินไอพ่น ฯลฯ
• ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐขยับขึ้น จากผลประกอบการที่ดีเกินคาดของอินวิเดีย ราคาน้ำมันดิบ WTI & BRENT ร่วงสู่ 61-64 US$/bbl ตลาดคาดที่ประชุมโอเปกพลัส 1 มิ.ย.จะเพิ่มการผลิตน้ำมันเดือนก.ค. ส่วนสัญญาทองคำส่งมอบส.ค.เพิ่มขึ้น 21.50 US$ เป็น 3343.90 US$/ออนซ์
• ดัชนีค่าเงิน US$ อ่อนฮวบมาที่ 99.26 (จาก 100.5) ด้านเงินบาทแข็งขึ้นเป็น 32.5 บาท/ดอลลาร์ ด้าน US bond yield 10 ปีถอยมาที่ 4.43% ดัชนีราคาถ่านหิน (NC) ร่วงเป็น 105.5 (สูงสุด 149) ดัชนี Baltic Dry Index เด้งเป็น 1353 (สูงสุดอยู่ที่ 1669) ติดตามดัชนี PCE และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคม.มิชิแกน 30 พ.ค.นี้

ปัจจัยในประเทศ & ข่าวหุ้นเด่น
• EU จัดไทยอยู่ในกลุ่ม "เสี่ยงต่า " ตัดไม้ทำลายป่า เพิ่มโอกาสส่งออกยาง-ปาล์มน้ำมัน...นับเป็นข่าวดีที่ไทยจะมีโอกาสส่งออกไปยัง EU ได้มากขึ้น หุ้นกลุ่มยางพาราที่คาดว่าจะได้ประโยชน์ ได้แก่ STA, TEGH เป็นต้น ส่วนหุ้นกลุ่มน้ำมันปาล์มที่จะได้อานิสงค์บวก ได้แก่ UVAN, VPO เป็นต้น
• MSCI Rebalancing พ.ค.25 - ถอด 3 หุ้นไทย คือ BEM, CRC, KTC ออกจาก MSCI Global Standard Index โดยไม่มีหุ้นเข้า และถอด 8 หุ้นออกจาก MSCI Small Cap Index คือ AURA, BANPU, DOHOME, GUNKUL, JAS, JMART, PRM, M และมี 2 หุ้นเข้า คือ AWC, BEM (ย้ายมา) มีผล ณ ราคาปิด 30 พ.ค.25
• ยังต้องติดตามสถานการณ์การเมืองไทย การผ่านร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 2569 ช่วยให้เสถียรภาพรัฐบาลดีขึ้นในระดับหนึ่ง แต่เสถียรภาพรัฐบาลยังมีปัจจัยอื่นประกอบด้วย เช่น ความเชื่อมั่นของประชาชน การจัดการกับปัญหาเศรษฐกิจและสังคม และความสามารถในการบริหารจัดการภายในประเทศ

กลุยทธ์ : แม้มีภาพบวกเล็กๆ จากการยก high ยก low ขึ้นมาจากวันก่อนหน้า แต่การที่ดัชนีเด้งแต่ยังไม่สามารถผ่าน 1180 และลดช่วงบวกลงมาปิดทางต่ำรวมถึง SET ยังอยู่ใต้เส้น SMA10 ทำให้สัญญาณเทคนิคโดยรวมยังไม่ดี จากนี้ถ้าดัชนีปรับขึ้นและยืนหนือ 1180 ได้ จะมีลุ้นต้านถัดไปที่ 1190-1200 แต่ถ้าถอยลงและปิดต่ำกว่า 1160 จะดูไม่ดี และมีสิทธิลงไปแนวรับ 1155, 1150 หรือต่ำกว่า ส่วนการลงทุนระยะยะกลาง-ยาว แนะเลือกและทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานดีที่ Valuation ไม่แพงจ่ายปันผลดี สม่ำเสมอ โดยหุ้นเด่นของเดือนมิ.ย.25 ประกอบด้วย ADVANC, CPALL, KTB, PR9, STECON, TTB

หุ้นพื้นฐานแนะนำวันนี้ : CPALL– ธุรกิจยังไปได้ดี โดยเฉพาะร้านสะดวกซื้อ ที่มี SSSG เป็นบวกได้ (3%YoY ใน 1Q25) และมีการขยายสาขาต่อเนื่อง ในขณะที่ความกังวลในโครงการ The Happitat ผ่อนคลายลงหลังผู้บริหารยืนยันว่าโครงการก่อสร้างตามแผน และคืบหน้าราว 95% แล้ว ปัจจุบันมีลูกค้าจองพื้นที่ออฟฟศและค้าปลีกราว 40-50% นอกจากนั้นคาดว่า CPALL จะได้อานิสงค์จากโครงการ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง ” ที่จะออกมาด้วย เราคาดกำไรหลักปีนี้โต 14% ดีกว่ากลุ่มค้าปลีกโดยรวม แนะนำ ซื้อ ให้ราคาเป้าหมาย 69 บาท

นักวิเคราะห์&กลยุทธ์: อาภาภรณ์ แสวงพรรค : arparporns@dbs.com : Tel 02 587 7829