สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(29 พฤษภาคม 2568)----- ประชุมนักวิเคราะห์ PTG 5 เซียนหุ้น ชี้ Non-Oil หนุนโต บนสมรภูมิธุรกิจน้ำมันแข่งขันดุ -ATLAS IPO ตามแผน

บล.เอเซีย พลัส คงคำแนะนำ Outperform ราคาเป้าหมาย 8.5 บาท ด้านบล.กรุงศรี คงคำแนะนำซื้อ เคาะเป้า 10.5 บาท , บล.ดาโอ (ประเทศไทย) แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมายที่ 8.50 บาท , บล.ลิเบอเรเตอร์ แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 7.40 บาท ขณะที่บล.เคจีไอ แนะนำถือ ราคาเป้าหมาย 8.10 บาท

 

บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส ออกบทวิเคราะห์ ประเด็นสำคัญของ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) PTG จากการประชุมนักวิเคราะห์ ว่าส่วนแบ่งการตลาดน้ำมันของ PTG ยังเติบโต ขึ้นต่อเนื่องมาอยู่ที่ 22.1% จาก 21.9%ใน 4Q68แม้ปริมาณขายจะลดลง QoQ ก็ตาม

ให้น้ำหนักการเติบโตของกำไรปี 2568 มาจากธุรกิจ Non-Oil เป็นหลัก โดยคงเป้าขยาย สาขากาแฟพันธุ์ไทยอีก 600 สาขา และสัดส่วนกำไรขั้นต้น Non-Oil อยู่ที่ 30-35% (1Q68 อยู่ที่ 33%) ขณะที่ธุรกิจ Oil คาดปริมาณขายเติบโตอย่างน้อย 5%yoy

 

สำหรับมุมมองภาพรวมปี 2568 คาดสภาวะการแข่งขันในธุรกิจน้ำมันจะทวีความรุนแรง จากสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และการแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาดน้ำมันที่สูงขึ้น รวมถึง ภาครัฐฯคาดยังขาดสภาพคล่องในกองทุนน้ำมัน ประกอบกับราคาน้ำมันปัจจุบันที่ ปรับตัวลงแรงจึงคาดอัตรากำไรขั้นต้น/ลิตรทั้งปี 2568 ยังมีแนวโน้มทรงตัวใกล้เคียงกับ ค่าเฉลี่ยปี 2567 และงวด 1Q68 ที่ระดับ 1.65 บาท/ลิตร

Outlook 2Q68 คาดกำไรปกติฟื้นตัว QoQ หนุนจากทั้งธุรกิจ Oil ที่ยอดขายฟื้นตัว ตามฤดูกาล และธุรกิจ Non-Oil ที่เห็นการเติบโตต่อเนื่อง จากการขยายสาขาตามแผน

 

ฝ่ายวิจัยปรับลดประมาณการกำไรปี 2568-69 ลง 5.0% และ 4.7% จากเดิม มาอยู่ที่ 1.2 และ 1.4 พันล้านบาท ตามลำดับ เพื่อสะท้อนการปรับลดปริมาณขายน้ำมันลงจาก เดิม เฉลี่ยปีละ5.0% มาอยู่ที่7.0 และ 7.4 พันล้านลิตร ตามลำดับ เพื่อให้สอดคล้องกับ สถานการณ์ตลาดในปัจจุบันที่มีการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น ภายใต้หลักความระมัดระวัง

ภายใต้ประมาณการใหม่ ส่งผลให้FV ปี 2568 อยู่ที่ 8.5 บาท/หุ้น (เดิม 9.5) คงคำแนะนำ Outperform จากแนวโน้มกำไรปกติระยะสั้น 2Q68 ที่คาดฟื้นตัว QoQ และภาพระยะ ยาว 1-2 ปีข้างหน้าที่ยังเห็นการเติบโต พร้อมคาดหวัง dividendyield เฉลี่ย 5-6% /ปี

บริษัทหลักทรัพย์กรุงศรี คงคำแนะนำซื้อ ต่อ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) PTG ที่ TP25F = 10.5 บาท/หุ้น ค่าการตลาดฯฟื้นตัวได้แม้เจอราคาน้ำมันผันผวน และภาครัฐขึ้นภาษีฯ ได้ประโยชน์จากกองทุนน้ำมันที่ติดลบน้อยลงส่งให้ปรับราคาได้ยืดหยุ่นขึ้นซึ่งเรามองแนวโน้มดังกล่าวจะดีขึ้นเรื่อยๆใน 2Q25-2026F ประกอบกับ ธุรกิจ Non Oil ร้านกาแฟพันธุ์ไทยขยายสาขาได้ต่อเนื่อง (รายได้โตเร่งกว่าการขยายสาขา) หนุนรายได้โตเฉลี่ย 28% CAGR ในช่วง 2025-26F และกำไรปกติ+31% CAGR ในช่วงเดียวกัน Vs. PER ราว 5-7 เท่า

บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) คงคำแนะนำ “ซื้อ” บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) PTG และราคาเป้าหมายที่ 8.50 บาท อิง PER 13X หรือเทียบเท่า -1SD ค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ทั้งนี้เรามีมุมมองเป็นกลางจากงาน Analysts Meeting (26 พ.ค. 2025) หลังธุรกิจมีพัฒนาการตามแผน โดยสรุปประเด็นดังนี้ 1) บริษัทยังคงเป้า Oil sales volume ปี 2025E เติบโตในกรอบ +5-10% (เทียบ 1Q25 = -3% YoY),

 

2) ประเมินค่าการตลาดมีเสถียรภาพมากขึ้น จากสถานะกองทุนน้ำมันและทิศทางราคาน้ำมัน, 3) คงเป้าการขยายสาขาในปี 2025E ธุรกิจ Oil อยู่ที่ 2,279 สาขา จาก 1Q25 ที่ 2,237 (+42) และ Non-oil ที่ 2,978 สาขา จาก 1Q25 ที่ 2,425 (+553), 4) ATLAS (LPG) ยื่น filing แล้ว คาดว่า IPO ในช่วง 2H25E

 

เบื้องต้นเรายังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2025E ที่ 1.2 พันล้านบาท (+19% YoY) จากสมมติฐาน Oil sales volume ปี 2025E เติบโต +5% (2024 = +13%) และค่าการตลาดเฉลี่ยที่ 1.65 บาท/ลิตร (2024 = 1.65 บาท/ลิตร) แนวโน้มช่วงที่เหลือของปีคาดผ่อนคลายขึ้นจากสถานการกองทุนน้ำมันที่ดีขึ้นและแนวโน้มทิศทางราคาน้ำมันราคาหุ้น underperform SET ราว -12% ในช่วง 3 เดือน จากความกังวลนโยบายแทรกแซงราคาพลังงานของภาครัฐ

 

อย่างไรก็ตามเราประเมินราคาหุ้น price in ไปมาก และปัจจุบันเทรดอยู่ PER 11X และอยู่ใน PER band -1.5SD ต่ำสุดในช่วง 7 ปี ในขณะที่ค่าการตลาดมีแรงกดดันน้อยลงจากสถานะกองทุนน้ำมันที่ดีขึ้นกอปรกับแนวโน้มราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงในช่วงที่เหลือของปีคาดว่าจะเป็นปัจจัยให้หุ้นกลับมา outperform ตลาดได้

บริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ จํากัด แนะนำซื้อ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) PTG ราคาเป้าหมาย 7.40 บาท แม้กลุ่มน้ำมันยังมีปัจจัยที่กระทบทั้งการแข่งขันที่มากขึ้น และปริมาณขายที่หดตัว แต่กองทุนน้ำมันที่เริ่มเป็นบวกคาดแรงกดดันด้านค่าการตลาดบรรเทาลง แต่กลุ่ม non-oil ยังเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของการดำเนินงานหลังจำนวนสาขาเพิ่มขึ้น และมีการประหยัดต่อขนาด แม้จะเห็นค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น

แม้คาดจะเห็นการฟื้นตัวใน 2Q25 ตามปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น แต่ปัจจัยที่ต้องตามต่อคือหลังแคมเปญการเพิ่มส่วนแบ่งตลาดของผู้ประกอบการรายใหญ่จะยังมีต่อหรือไม่ ซึ่งอาจทำให้ภาพรวมแย่ลงได้ กลยุทธ์รอดูการฟื้นตัวของปริมาณขาย และการแข่งขันในตลาด ”


ยังคงเป้าธุรกิจดังเดิม ผบห. ยังคงเป้าธุรกิจไว้ดังเดิม คาดปริมาณขายน้ำมันเพิ่ม 5-10% y-y และการเปิดสาขาพันธุ์ไทยเป็น 1,947 สาขา

แนวโน้ม 2Q25 ผบห. แจ้งว่าปริมาณขายน้ำมันเริ่มฟื้นตัว y-y อย่างไรก็ตาม เราคาดว่าเป้าปริมาณขายโต 5-10% y-y นั้นค่อนข้างท้าทายภายใต้สถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบันที่มีสัญญาณชะลอตัว ประกอบกับการแข่งขันที่มากขึ้นในกลุ่มสถานีบริการเพื่อชิงส่วนแบ่งตลาด ประกอบกับ 1Q25 ปริมาณขายหดตัว y-y ทำให้เราปรับปริมาณขายลงเหลือโต 2.9 % y-y จากเดิมคาดโต 6.0 % ค่าการตลาด 1.67 บาท/ ลิตร และปรับกำไรสุทธิลงเหลือ 1,031 ลบ. +0.9% y-y ลดลงจากเดิม 10.0 %

กองทุนน้ำมันเริ่มกลับมาเป็นบวก แต่คงไม่มีผลมากนักต่อผู้ประกอบการ : สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงได้รายงานฐานะกองทุนน้ำมัน ณ 25 พ.ค. 2025 พบว่ายังคงขาดทุน -42,274 ลบ. แต่เฉพาะในส่วนน้ำมันกลับมาเป็นบวกแล้ว 2,607 ลบ. ผบห. ชี้แจงว่าแม้ฐานะกองทุนเฉพาะน้ำมันจะเป็นบวกก็ตาม แต่คงไม่มีการปรับขึ้นค่าการตลาด และยังคงให้แนวทางว่าค่าการตลาดไม่เกิน 2.00 บาท/ ลิตร แต่ให้ติดตามราคาน้ำมันว่ามีโอกาสปรับลงหรือไม่ เพราะจะส่งผลให้มีขาดทุนจากสต็อกมากกว่า

 

บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) แนะนำถือ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) PTG ราคาเป้าหมาย 8.10 บาท ผู้บริหารให้ข้อมูลว่าปริมาณยอดขายน้ำมันของ PTG ใน 2QTD68 ขยับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย YoY เนื่องจากเป็นช่วงฤดูการทำเกษตรในประเทศไทย แต่อย่างไรก็ตาม เราคาดว่าฝนที่มาเร็วในปีนี้ เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว จะกดดันปริมาณยอดขายน้ำมันในช่วงครึ่งหลังของ 2Q68 นอกจากนี้ PTG คาดว่าจะได้รับผลกระทบเล็กน้อยจากนโยบายของ PTT Oil and Retail Business (OR.BK/OR TB)* ที่ให้ส่วนลดน้ำมันเบนซิน 0.50 บาท/ลิตร ระหว่างวันที่ 1 เมษายน – 30 มิถุนายน เนื่องจากยอดขายน้ำมันส่วนใหญ่ของ PTG (ประมาณ 72%) มาจากน้ำมันดีเซล ในขณะที่ยอดขายน้ำมันเบนซินคิดเป็นสัดส่วนเพียง 28% เท่านั้น ดังนั้นเราจึงคาดว่าปริมาณยอดขายน้ำมันของ PTG ใน 2Q68F จะอยู่ที่ 1,690 ล้านลิตร (-2% YoY, +1% QoQ)

 

ค่าการตลาดน้ำมันใน 2Q68F ถูกคาดว่าจะฟื้นตัวขึ้น QoQ จาก 1.62 บาท/ลิตร ใน 1Q68 ตามแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคมถึงเมษายน โดย margin ขยับขึ้นมาเหนือ 1.70 บาท/ลิตร ในเดือนเมษายน ตามราคาน้ำมันดิบที่ลดลง ในขณะเดียวกันผู้บริหารคาดว่าถ้าหากสถานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (OFFO) ในส่วนกลุ่มน้ำมันพลิกมาเป็นบวกได้ที่ประมาณ 3.0-4.0 หมื่นล้านบาทเหมือนเมื่อปี 2562-2563 กระทรวงพลังงานอาจจะยอมผ่อนคลายค่าการตลาดน้ำมันดีเซลที่ตึงตัวอยู่ในขณะนี้ ซึ่งค่าการตลาดน้ำมันของ PTG เมื่อปี 2562 และ 2563 อยู่ในเกณฑ์ดีที่ 1.87 บาท/ลิตร และ 1.89 บาท/ลิตร ตามลำดับ ทั้งนี้ ณ วันที่ 25 พฤษภาคม สถานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในส่วนกลุ่มน้ำมันเป็นบวกที่ 2.6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 773 ล้านบาทเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 1.8 พันล้านบาทภายในหนึ่งสัปดาห์

 

เรายังคงคำแนะนำถือ PTG และคงราคาเป้าหมายปี 2568F ไว้ที่ 8.10 บาท อิงจาก PE ที่ 11.5x เราเชื่อว่าราคาหุ้นจะได้แรงหนุนจากผลประกอบการที่คาดว่าจะดีขึ้น QoQ ใน 2Q68F เนื่องจากค่าการตลาดน้ำมันคาดมีแนวโน้มสูงขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม เรายังคงระมัดระวังกับแนวโน้มเศรษฐกิจไทยใน 2H68F และความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากความตึงเครียดทางการค้าที่เพิ่มขึ้นเพราะสหรัฐ ซึ่งอาจจะฉุดการบริโภคน้ำมันในประเทศและ sentiment ของนักลงทุน

 

Risks ความผันผวนของค่าการตลาดน้ำมัน, ปริมาณยอดขายน้ำมัน, ปริมาณยอดขาย LPG, ปริมาณยอดขายไบโอดีเซล และยอดขายร้านสะดวกซื้อ Max Mart

 

 

///จบ///