สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(28 พฤษภาคม 2568)----------• AWC สนับสนุนเชียงใหม่สู่การเป็นจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวยั่งยืนระดับโลก หนุนความร่วมมือ 14 องค์กร ขับเคลื่อนเชียงใหม่สู่มรดกโลก ผ่านการอนุรักษ์และพัฒนาวัฒนธรรมล้านนา

• พิธีลงนามความร่วมมือ 14 ฝ่าย จัดขึ้น ณ ห้อง “Plaii Ballroom” โรงแรม เชียงใหม่ แมริออท โฮเทล ห้องบอลรูมอิมเมอร์ซีฟแห่งแรกของโลก ถ่ายทอดเรื่องราวสถานที่สำคัญล้านนาสุดประทับใจ

บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของไทยที่มุ่งเน้นตอบสนองไลฟ์สไตล์แบบครบวงจร ร่วมสนับสนุนเชียงใหม่สู่การเป็นจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวยั่งยืนระดับโลก โดยร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนการจัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่าง 14 องค์กรของจังหวัดเชียงใหม่ ว่าด้วยการบริหารจัดการแหล่งมรดกวัฒนธรรม ภูมิทัศน์ และอนุสรณ์สถานสำคัญของเมืองเชียงใหม่ นครหลวงล้านนา ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญในการผลักดันให้พื้นที่เหล่านี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในอนาคต โดยพิธีดังกล่าวจัดขึ้น ณ ห้อง “Plaii Ballroom” ห้องอิมเมอร์ซีฟบอลรูมแห่งแรกของโลก พร้อมเทคโนโลยีจอแบบ 360 องศา ณ โรงแรม เชียงใหม่ แมริออท โฮเทล หนึ่งในโครงการคุณภาพของ AWC ที่มุ่งสร้างสมดุลระหว่างมาตรฐานระดับสากลกับอัตลักษณ์ท้องถิ่น เพื่อร่วมสนับสนุนเชียงใหม่สู่การเป็นเมืองท่องเที่ยวยั่งยืนอย่างแท้จริง โดยภายในงานได้รับเกียรติจาก นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ นายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ และ มร. ไมเคิล ฮาริท หัวหน้าคณะกลุ่มธุรกิจคอมเมอร์เชียล บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) เข้าร่วมในพิธี

มร. ไมเคิล ฮาริท หัวหน้าคณะกลุ่มธุรกิจคอมเมอร์เชียล บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “AWC รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสเป็นส่วนหนึ่งในวาระสำคัญที่ทุกภาคส่วนร่วมมือกันผลักดันให้เชียงใหม่มุ่งสู่การเป็นเมืองมรดกโลก ซึ่งไม่เพียงสะท้อนถึงคุณค่าทางวัฒนธรรมอันล้ำค่า แต่ยังช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน พร้อมรักษาอัตลักษณ์และจิตวิญญาณของล้านนาไว้ให้คงอยู่สู่คนรุ่นหลัง เราภาคภูมิใจที่ได้สนับสนุนสถานที่จัดพิธีในวันนี้ ณ ห้อง Plaii Ballroom ที่ผสานมรดกวัฒนธรรมเข้ากับนวัตกรรมล้ำสมัย และยังเดินหน้าพัฒนาโครงการ Lannatique และ Chiang Mai Tram by Lannatique เพื่อร่วมขับเคลื่อนและสนับสนุนเชียงใหม่ให้เป็นจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวยั่งยืนระดับโลกที่ทุกคนอยากมาเยือน”

ความร่วมมือดังกล่าวนับเป็นก้าวสำคัญในการอนุรักษ์ประวัติศาสตร์และพัฒนาพื้นที่มรดกวัฒนธรรมของเมืองเชียงใหม่ นครหลวงล้านนา ซึ่งประกอบด้วยวัดสำคัญ 7 แห่ง คือ วัดเชียงมั่น วัดอุโมงค์ วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร วัดสวนดอก วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร และวัดเจ็ดยอด รวมถึงโบราณสถานสำคัญ อาทิ คูเมือง กำแพงเมือง และภูมิทัศน์โดยรอบ โดยความร่วมมือระหว่างวัด หน่วยงานท้องถิ่น และส่วนราชการ เช่น จังหวัดเชียงใหม่ องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ เทศบาลนครเชียงใหม่ เทศบาลตำบลช้างเผือก เทศบาลเมืองสุเทพ กรมศิลปากร และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช จะเป็นรากฐานสำคัญในการผลักดันให้พื้นที่และแหล่งท่องเที่ยวเหล่านี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในอนาคต

ภายในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่าง 14 องค์กรของจังหวัดเชียงใหม่ ว่าด้วยการบริหารจัดการแหล่งมรดกวัฒนธรรม ภูมิทัศน์ และอนุสรณ์สถานสำคัญของเมืองเชียงใหม่ นครหลวงล้านนา ได้ใช้ความพิเศษของห้อง “Plaii Ballroom” ที่มาพร้อมเทคโนโลยีจอแบบ 360 องศา ถ่ายทอดเรื่องราวของล้านนาในรูปแบบมีชีวิต สร้างประสบการณ์ที่แปลกใหม่และสร้างความประทับใจให้กับผู้เข้าร่วมงานทุกคน

AWC มุ่งมั่นส่งเสริมพลังของวัฒนธรรมและสนับสนุนการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน เพื่อผลักดันประเทศไทยให้เป็นจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวระดับโลก โดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นหนึ่งในเมืองศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงศิลปวัฒนธรรมและนวัตกรรมของภาคเหนือ ผ่านโครงการ “Lannatique” แลนด์มาร์กไลฟ์สไตล์ที่จะมาพลิกโฉมย่านช้างคลาน เชื่อมโยงอัตลักษณ์ล้านนาเข้ากับศิลปะร่วมสมัย ภายใต้แนวคิด “The Heart of Lanna Art Movement” ร่วมส่งเสริมคุณค่าท้องถิ่นไทยสู่เวทีโลก เพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการท้องถิ่น ส่งเสริมผลิตภัณฑ์จากภาคเหนือสู่ตลาดสากล และโครงการ “Chiang Mai Tram by Lannatique” รถแทรมไฟฟ้าล้อยางนำเที่ยว เชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมชื่อดังของเชียงใหม่ สนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจท้องถิ่นตามจุดจอดตลอดเส้นทาง ร่วมส่งต่อรายได้สุทธิของบริการรถแทรมไฟฟ้าล้อยางกลับคืนสู่ชุมชนเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน

ด้วยความมุ่งมั่นในการ “สร้างสรรค์อนาคตที่ดีกว่าให้ทุกคน” AWC เชื่อมั่นว่า การอนุรักษ์มรดกวัฒนธรรมควบคู่กับการพัฒนาศักยภาพของเมืองท่องเที่ยวคือหัวใจสำคัญของการเติบโตที่ยั่งยืน ทั้งในมิติของเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม เพื่อส่งต่อคุณค่าให้คนรุ่นหลัง พร้อมสร้างความภาคภูมิใจในรากเหง้าทางวัฒนธรรมของผู้คนในท้องถิ่นและวัฒนธรรมไทยในภาพรวมบนเวทีโลกอย่างแท้จริง