BCH : ประเด็นสำคัญจากการประชุมนักวิเคราะห์

เรามีมุมมองเป็นกลางจากการประชุมครั้งนี้ แม้ฤดูกาลจะส่งผลบวกต่อการดำเนินงาน แต่เราขอเน้นความเสี่ยงด้าน downside ที่เพิ่มขึ้นจากการตั้งสำรองรายได้ของผู้ป่วยคูเวต เนื่องจากลูกหนี้การค้า (AR) มีอายุมากกว่าหนึ่งปีแล้ว

ประเด็นหลัก ได้แก่ :

• หากไม่รวมรายได้จากผู้ป่วยคูเวต รายได้ใน 1Q25 เติบโต 2.2% YoY โดยมีแรงสนับสนุนจากกลุ่มผู้ป่วยใน (IPD) +9.1% YoY, ผู้ป่วยนอก (OPD) +3.9% YoY, และระบบประกันสังคม (SSO) +3.7% YoY รายได้จากผู้ป่วยต่างชาติที่ไม่ใช่คูเวตเพิ่มขึ้น 9.3% YoY สูงกว่าการเติบโตของผู้ป่วยไทยที่ 4.9% YoY ตลาดหลักที่เติบโตได้ดี ได้แก่ ลิเบีย, สหรัฐฯ, บังกลาเทศ และจีน

• ค่าบริการเฉลี่ยของผู้ป่วยในตะวันออกกลาง (ME IPD) ลดลงอย่างมีนัยสำคัญจาก 2.8 ล้านบาท เหลือ 1.7 ล้านบาท เนื่องจากผู้ป่วยคูเวตแบบจ่ายเองจำนวนมากเปลี่ยนมาใช้บริการ OPD แทนการนอนโรงพยาบาล

• โรงพยาบาล KIH อรัญประเทศ และ KIH เวียงจันทน์ ยังคงมี EBITDA margin และเติบโต YoY ได้ดี ขณะที่โรงพยาบาล KH ปราจีนบุรี ยังคงมี EBITDA ติดลบ โดยฝ่ายบริหารได้ส่งทีมใหม่เข้าดูแล และเริ่มเห็นการปรับปรุงการดำเนินงานใน 2Q25

• แนวโน้มใน 2Q25 : คาดว่ารายได้โรงพยาบาลจะปรับตัวดีขึ้นทั้ง QoQ และ YoY โดยได้รับอานิสงส์จากฤดูฝนที่มาเร็วกว่าปกติ ส่งผลให้มีอัตราการเข้าพักเพิ่มขึ้น และผู้ป่วยจากตะวันออกกลางคาดว่าจะเริ่มเดินทางมาหลังเดือนรอมฎอน (ปลาย 2Q25) ผู้บริหารตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ปี 2025 ที่ 8-10% YoY โดยคาดว่าจะเร่งตัวขึ้นใน 2H จากฐานที่ต่ำเป็นพิเศษใน 2H24

• ผู้บริหารไม่ได้กังวลเกี่ยวกับอัตราค่าบริการผู้ป่วยที่มีค่าใช้จ่ายสูงภายใต้ประกันสังคม (SSO) สำหรับ 2H25 เนื่องจากทาง SSO ยังยืนยันที่จะคงอัตรา Bt12,000/Adj. RW ไว้ตามที่เคยตกลงไว้

• ลูกหนี้การค้าจากผู้ป่วยคูเวตใน 1Q25 อยู่ที่ประมาณ 230 ล้านบาท ผู้บริหารยังไม่กังวลเกี่ยวกับการเรียกเก็บเงิน เนื่องจากรัฐบาลคูเวตมักชำระเงินเป็นก้อนใหญ่ หากต้องมีการตั้งสำรอง คาดว่าจะพิจารณาใน 4Q25

• กรณี SSO ลดสิทธิประโยชน์การผ่าตัดกระเพาะแบบ gastric sleeve คาดว่า BCH จะได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อย เนื่องจากในปีที่ผ่านมา BCH ดำเนินการเพียง 10 รายต่อเดือน เทียบกับ CHG ที่ทำประมาณ 100-150 รายในปี 2024

• คงคำแนะนำ “ซื้อ” สำหรับ BCH โดยมูลค่าที่เหมาะสมเท่ากับ 19.30 บาท