สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(27 พฤษภาคม 2568)---- นายปฐมพล สาวทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยโพลีคอนส์ จำกัด (มหาชน) TPOLY เปิดเผยว่าจากรายงานการสอบทานข้อมูลงบการเงินระหว่างกาลโดยผู้สอบบัญชีรับอนุญาต ในส่วนของ ข้อมูลและเหตุการณ์ที่เน้น ซึ่งผู้สอบบัญชีได้มีข้อสังเกตหมายเหตุประกอบงบการเงินระหว่างกาลข้อที่ 46.7 เรื่องการได้รับหนังสือขอบอกเลิกสัญญาจ้างจากผู้ว่าจ้างและจะฟ้องเรียกค่าเสียหาย บริษัทขอเรียน แจ้งข้อมูลและความคืบหน้าเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว โดยมีรายละเอียดข้อพิพาทและประเด็นที่เกี่ยวข้อง ดังต่อไปนี้
1.วันที่ถูกฟ้อง บริษัทได้รับหนังสือขอบอกเลิกสัญญาจ้างและบอกกล่าวว่าจะฟ้อง เรียกค่าเสียหายเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2568 ปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลเรื่อง การฟ้องและวันที่ถูกฟ้อง
2.ข้อมูลคู่กรณี มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง (ผู้ว่าจ้าง)
3.สรุปสาระสำคัญของคดีความ หรือข้อพิพาท บริษัทได้รับจ้างก่อสร้างโครงการแห่งหนึ่งเมื่อปลายปี พ.ศ. 2564 และ เมื่อปลายปี พ.ศ. 2566 บริษัทพบว่าเมื่อได้ก่อสร้างตามแบบซึ่งบริษัท ได้รับจากผู้ ว่าจ้าง ปรากฎมีรอยร้าวที่อาจส่งผลกระทบทําให้อาคาร เสียหาย บริษัทจึงแจ้งไปยังผู้ว่าจ้างเพื่อใหรับทราบและรีบดําเนินการ ตรวจสอบและแก้ไขแบบ ผู้ว่าจ้างจึงมีคําสั่งให้หยุดการก่อสร้าง ชั่วคราวเพื่อแก้ไขแบบ จนเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม พ.ศ.2567 ผู้ว่าจ้างมี คําสั่งให้บริษัทเข้าปฏิบัติงานต่อตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม 2568 เป็นต้นไป บริษัทไม่ได้เข้าปฏิบัติงานในวันดังกล่าว โดยได้ทําหนังสือชี้แจงว่า เนื่อง จากแบบก่อสร้างซึ่งส่งมาพร้อมหนังสือ ยังมิใช่แบบแก้ไขฉบับ สมบูรณ์ที่ได้รับการอนุมัติจากผู้ว่าจ้างเพื่อให้เป็นแบบแนบท้ยสัญญา และ เนื่องจากเป็นแบบก่อสร้างแก้ไขเสริมเพิ่มความแข็งแรงโครงสร้าง ที่ก่อสร้างไปแล้ว วิธีการก่อสร้างต้องใช้เทคนิคขั้นตอนการก่อสร้าง และวัสดุก่อสร้าง ที่แตกต่างจากงานก่อสร้างทั่วไปมาก มีผลกระทบต่อ ราคาวัสดุและค่าแรง ทําให้แบบที่จะแก้ไขนี้ ต้องสรุปตกลงราคามูลค่างานที่ให้แก้ไขเปลี่ยนแปลงให้แล้วเสร็จก่อน ปรากฎว่าเมื่อวันที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2568 บริษัทได้รับหนังสือขอบอกเลิกสัญญาจ้างและจะ ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากบริษัท จํานวนเงินรวม 552.26 ล้านบาท โดย อ้างว่าเกิดความเสียหายจากการก่อสร้างล่าช้า ผลงานก่อสร้างไม่ เป็นไปตามมาตรฐานด้านวิศวกรรม
4. การดำเนินการจัดการกับข้อ พิพาท และกำหนดการสำคัญใน ขั้นตอนต่อไปของบริษัท เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2568 บริษัทได้ทำหนังสือถึงผู้ว่าจ้างเพื่อชี้แจง และปฏิเสธความรับผิด รวมทั้งขอให้ผู้ว่าจ้างชำระค่าเสียหายและ ขอให้คืนหลักประกัน และเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ.2568 บริษัทได้ ยื่นเอกสารคำฟ้องคู่กรณีต่อศาลปกครองกลาง โดยมีบางคำร้องที่ศาล พิจารณาและมีคำสั่งเรื่องคำร้องในวันที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2568 ปัจจุบันคดีดังกล่าวอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล
5. ผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับการดำเนินงานของบริษัท : บริษัทยังคงประกอบธุรกิจต่อไปได้ ในส่วนของคดี ความเป็นเรื่องของการใช้ความยุติธรรมเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงตามที่บริษัทมีหนังสือปฏิเสธเรื่องความรับผิด ไม่ส่งผลกระทบต่อการประกอบธุรกิจปรกติของบริษัท
ประมาณการค่าเสียหายหรือเงินชดเชยที่บริษัทต้องจ่ายหรือได้รับ : ค่าเสียหายที่ทางบริษัทเรียกร้องตาม คำฟ้องประมาณ 224.43 ล้านบาท ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาล ส่วนค่าเสียหายที่ทางผู้ว่าจ้าง เรียกร้องตามหนังสือขอยกเลิกสัญญาจ้างและแจ้งว่าจะฟ้องประมาณ 552.26 ล้านบาท
ทั้งนี้บริษัทจะดำเนินการต่อสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรมทางกฎหมาย และหากมีความคืบหน้า ประการใด บริษัทจะแจ้งให้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยทราบต่อไป