Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

บล.คิงส์ฟอร์ด : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน

99

Market Wrap-Up

·      SET วันที่ 22 พ.ค.68 ปิด -6.44 จุด อยู่ที่ 1,173.37 จุด มูลค่าการซื้อขาย 38,569 ลบ. ต่างชาติซื้อ 1,423 ลบ.  พอร์ตโบรกขาย 53 ลบ. รายย่อยขาย 416 ลบ. และสถาบันขาย 955 ลบ.  NVDR มียอดซื้อสุทธิ 1,752 ลบ.โดยมียอดซื้อในหุ้น KBANK,KTB,DELTA,SCB,TRUE และยอดขายหุ้น BBL,BH,PTT,PTTGC,EA มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 2,098 ลบ.หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ HKCE01,HMPRO,VGI โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Long ใน Index Futures จำนวน 5,388 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 63,667 สัญญา ต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตรไทย 6,758 ลบ.

·      ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA 0.0%, S&P500 -0.04%, Nasdaq +0.28% ได้แรงหนุนจากกลุ่มเทคโนโลยี หลังสภาผู้แทน ฯ สหรัฐผ่านร่าง กม.ปฏิรูปภาษี & รายจ่าย และเตรียมส่งต่อให้วุฒิสภาใน มิ.ย. ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 -0.64% จากแรงชายกลุ่มสินค้าเครื่องใช้ในครัวเรือนและยานยนต์ หลังยังไม่มีความคืบหน้าข้อตกลงการค้า    

Market View

·      ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ DJIA, S&P500 ปิดทรงตัว หลังสภาผู้แทน ฯ สหรัฐผ่านร่าง กม.ปฏิรูปภาษีด้วยคะแนน 215 – 214 เสียง โดยจะส่งต่อให้วุฒิสภาพิจารณาให้เสร็จภายใน ส.ค. นี้ ส่งผลให้ US Bond Yield 10 ปี, 30 ปี ปรับลดลงเล็กน้อยอยู่ที่ 4.53%, 5.04% ตามลำดับ ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนกลุ่มเทคโนโลยีสหรัฐ อย่างไรก็ตามร่าง กม.ดังกล่าวที่ลดภาษีเงินได้บุคคล & นิติบุคคล และเพิ่มงบประมาณด้านการทหาร & การคุมผู้อพยพ อาจส่งผลให้หนี้ภาครัฐสูงขึ้น 3 – 5 ลล.ดอลลาร์ในอนาคต ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจวานนี้ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ลดลง 2,000 ราย อยู่ที่ 227,000 ราย และ US PMI รวมภาคผลิต & บริการ พ.ค. ปรับขึ้นอยู่ที่ 52.1 & เม.ย. 50.6 โดยค่ำวันนี้ติดตามยอดขายบ้านมือใหม่ เม.ย. และวันจันทร์ตลาดหุ้นสหรัฐปิดในวัน Memorial Day   

·      Stoxx600 ยุโรปวานนี้ปรับลดลง หลัง Euro Bond Yield 10 ปี ปรับขึ้นอยู่ที่ 2.625% จากความกังวลต่อภาวะหนี้สินของสหรัฐที่มีแนวโน้มสูงขึ้น กอปรสหรัฐยังไม่มีความคืบหน้าข้อตกลงการค้ากับประเทศคู่ค้าสำคัญ ๆ รวมถึงกลุ่ม EU ที่ถูกเรียกเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ที่ 20% ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจนั้น Euro PMI รวมภาคผลิต & บริการ พ.ค. ปรับลดลงอยู่ที่ 49.5 & เม.ย. 50.4 อยู่ในโซนถดถอย สาเหตุมาจากภาคบริการที่ชะลอตัวลง ค่ำวันนี้ติดตามข้อมูลยอดค้าปลีกอังกฤษ เม.ย. และ GDP เยอรมัน Q1/68 คาด +0.2% & Q4/67 -0.2% QoQ

·      ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ ดัชนีเซี่ยงไฮ้ -0.22%, ฮั่งเส็ง -1.19%, Kopsi เกาหลีใต้ -0.84% จากแรงขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี เช่น Baidu, Samsung Electronic หลัง US Bond Yield 10 ปี ปรับขึ้นอยู่ที่ 4.6% จากความกังวลภาระหนี้ของสหรัฐที่สูงขึ้นในระยะถัดไป ชณะที่ดัชนีนิเกอิ -0.84% จากแรงขายหุ้นกลุ่มส่งออก ที่ถูกกดดันจากค่าเงินเยนที่แข็งค่า โดยนักลงทุนยังรอผลการเจรจาการค้าสหรัฐ – ญี่ปุ่นรอบที่ 3 ในวันที่ 23 พ.ค.        

·      SET วานนี้ -0.55%  ปริมาณการซื้อขาย 3.85 หมื่น ลบ. ต่างชาติซื้อ 1,423 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 53 ลบ. รายย่อยขาย 416  ลบ. และสถาบันขาย 955 ลบ. โดยดัชนีปรับลดลงจากแรงชายกลุ่ม รพ. -3.0%, ไฟแนนท์ -1.9%, ค้าปลีก -0.95% จากความกังวลต่อกำลังซื้อในประเทศมีแนวโน้มชะลอตัว หลังรัฐบาลประกาศเลื่อนโครงการดิจิทัล วอลเล็ตเฟส 3 กอปรกับจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติช่วง 4 เดือนปีนี้หดตัว -0.26% ส่งผลให้นักท่องเที่ยวต่างชาติปีนี้อาจอยู่ที่ 35 ล.คน & เดิมคาด 37 ล.คน ขณะที่กลุ่มที่ช่วยหนุนดัชนี คือ อิเล็ก ฯ และกลุ่มปิโตรเคมีที่คาดการณ์กำไรปีนี้มีโอกาสฟื้นตัวจากฐานต่ำ โดยสถาบันเป็นผู้ขายสุทธิหลักในช่วง 2 วันทำการที่ผ่านมา สาเหตุจากคาดการณ์กำไร บจ. ในช่วงที่เหลือของปีนี้มีแนวโน้มลดลงตามโมเมนตัมของ GDP ไทย กอปรยังรอการเจรจาการข้อตกลงการค้าสหรัฐ - ไทย หลังหลายประเทศในกลุ่มอาเซียนได้เริ่มเจรากับสหรัฐแล้ว รวมถึงการพิจารณาร่างงบประมาณรายจ่ายปี 69 วงเงินไม่เกิน 3.78 ล.ลบ.ที่เข้าพิจารณาวาระแรกในวันที่ 28 – 30 พ.ค.  

Daily Strategy

·      ประเมินดัชนี SET วันนี้มีโอกาสทรงตัวในกรอบ 1,170 – 1,185 หลัง US Bond Yield 10 ปี เริ่มปรับลดลง กอปรกับ Fund Flow ต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้น & พันธบัตรไทย แนะนำทยอยซื้อ KBANK,SCB ที่จ่ายเงินปันผลสูง และสามารถพัฒนาด้านดิจิทัลแพลตฟอร์ม, กลุ่มอาหาร & เครื่องดื่ม CPF,GFPT,TFG, OSP กลุ่มปิโตรเคมี & โรงกลั่น SCC,TOP,IVL คาดกำไรปีนี้มีโอกาสฟื้นตัวจากฐานต่ำ

·      SCGP* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 16.50 บาท) บริษัทรายงานกำไร 1Q68 ที่ 900 ล้านบาท ดีขึ้น QoQ แต่ยังลดลง YoY หนุนจากอัตรากำไรขั้นต้นรวมที่ฟื้นตัว แนวโน้มผลประกอบการ 2Q68 มีโอกาสฟื้นตัว QoQ ต่อเนื่องหนุนจากปริมาณขายบรรจุภัณฑ์ในเวียดนามและอินโดนีเซียที่ฟื้นตัวหลังผ่านช่วงเทศกาล ขณะที่ผลขาดทุนของ Fajar เริ่มลดลง ส่วนใน 2H68 แนวโน้มกำไรอาจจะอ่อนตัวตามปัจจัยฤดูกาลเทียบกับ 1H68 แต่ถ้าเทียบปีก่อนน่าจะกลับมาโต YoY จากฐานที่ต่ำ สำหรับภาพรวมทั้งปี 68 ตลาดคาดกำไรสุทธิ 3.5 พันล้านบาท -5%YoY ยังคงได้รับผลกระทบจากการเพิ่มสัดส่วนใน Fajar และต้นทุนดอกเบี้ยที่ปรับเพิ่มขึ้น ส่วนในปี 69 คาดกำไรสุทธิจะกลับมาเติบโตขึ้นเป็น 4.3 พันล้านบาท +22%YoY หนุนจาก Fajar ทีเริ่มกลับมาเป็นกำไรได้

·      CPF (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 30.00 บาท) กำไรสุทธิ 1Q68 อยู่ที่ 8,549 ลบ.(+642%YoY, +105%QoQ,) ปัจจัยหนุนกำไรหลักๆมาจาก GPM สูงอยู่ที่ 18.50% +649bsp YoY +282bspQoQ ตามราคาขายสุกรในไทยและภูมิภาค(เวียดนาม ,ฟิลิปปินส์, กัมพูชา) ที่ปรับตัวสูงขึ้นตอบรับ Supply ที่หายไปจากโรคระบาดสุกรในช่วงปีก่อน ส่วนแนวโน้มระยะสั้น กำไรในช่วง 2Q68 เราคาดว่าจะยังอยู่ในเกณฑ์ดีต่อเนื่องหนุนด้วยราคาเนื้อสัตว์ในประเทศโดย เดือนเม.ย.68 ราคาสุกรไทยอยู่ที่ 87 บาท/กก.(+28%YoY, +6%MoM) และ ปัจจุบัน ประคองตัวบริเวณ 88 บาท/กก. ขณะที่ในส่วนของต้นทุนเลี้ยง(เช่น ข้าวโพด, ถั่วเหลือง) ราคายังประคองตัวในโซนค่อนข้างต่ำต่อเนื่อง

 

Daily Key Factors

Oil Update(-) WTI ก.ค.-$0.37 อยู่ที่ $61.20 / บาร์เรล, Brent ก.ค. -$0.47 อยู่ที่ $64.44/บาร์เรล ราคาน้ำมันดิบปรับลดลง จากคาดการณ์ผลการประชุมโอเปกในวันที่ 1 มิ.ย. มีโอกาสเพิ่มกำลังการผลิต 411,000 บาร์เรล/วัน เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3

 

Gold Update(-) Comex Gold มิ.ย.-$18.50 อยู่ที่ $3,295 /ออนซ์ ถูกกดดันจาก Dollar Index แข็งค่า +0.41% อยู่ที่ 99.959 หลังสภาผู้แทน ฯ สหรัฐได้ผ่านโหวตผ่านร่าง กม.ปฏิรูปภาษี & ค่าใช้จ่ายด้วนคะแนน 215 – 214 เสียง

 

Fund Flow(+) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ซื้อสุทธิ +72.12 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นไทย +43.32 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นอินโด ฯ +38.13 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และขายหุ้นฟิลิปปินส์ -9.33 ล.ดอลลาร์สหรัฐ

 

(0) ค่าเงินบาทเช้านีทรงตัวอยู่ที่ 32.84 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ปรับลดลงอยู่ที่ 4.535 %

(+) ดัชนี BDI วานนี้ +4 จุด อยู่ที่ 1,341

(+) BitCoin เช้านี้ +1.47% อยู่ที่ 111,540 ดอลลาร์สหรัฐ

(0)Core CPI ญี่ปุ่น เม.ย. 3.5% & มี.ค. 3.2% YoY

 

Economic Calendar

 

ในประเทศ

30 พ.ค.     ธปท. รายงานภาวะเศรษฐกิจและการเงินไทย  

สัปดาห์ที4 กระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศ

สัปดาห์ที5 สศอ. แถลงดัชนีอุตสาหกรรม

                สศค.รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง, ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค,

                ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค

 

ต่างประเทศ

23 พ.ค.     US ยอดขายบ้านใหม่ (เม.ย.)

26 พ.ค.     US วันหยุด-วันระลึกถึงทหารที่จากไป

27 พ.ค.     US รายงานความเชื่อมั่นผู้บริโภคจากซีบี  ( พ.ค.)

29 พ.ค.     US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ

                US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก

                US รายงานการประชุมของ FOMC

                US ดัชนีจีดีพี (ไตรมาสต่อไตรมาส) (ไตรมาส 1)   

30 พ.ค.     US ดัชนีราคาด้านการบริโภคส่วนบุคคล (PCE Price Index (เม.ย.)

31 พ.ค.     CN ดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีน ( พ.ค.)

 

 

Theme Strategy

Theme หุ้นที่มีปัจจัยบวกตามกระแส Megatend, ทิศทางดอกเบี้ยเริ่มเข้าสู่ขาลง,  และ/หรือ สามารถรับจากความเสี่ยง Trade War ได้  

 

(1) กลุ่มการเงิน Leasing รับแนวโน้มทิศทางดอกเบี้ยในประเทศลดลง NCAP*, S11*, SINGER* ,SGC* ,THANI*

 

(2) กลุ่มสื่อสาร โรงไฟฟ้า หุ้น defensive ได้ประโยชน์จาก Bond yield ที่ปรับลดลง ธุรกิจหลักมีการเติบโตสอดคล้องเศรษฐกิจใหม่ ADVANC ,TRUE ,GULF*, GPSC*, BCPG

 

(3) กลุ่มเกษตรได้ประโยชน์จากราคาสุกรในประเทศที่อยู่ในระดับสูง ขณะที่การส่งออกไก่ไปต่างประเทศยังทำได้ดี CPF, BTG* ,TFG* ,FM* ,GFPT

 

(4) กลุ่ม China Play คาดความดึงเครียดทางการค้าผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว แม้ยังมีความผันผวนแต่หุ้นที่เกี่ยวข้องมี valuation ที่ปรับตัวลงมาต่ำมากแล้ว น่ากลับไปหาจังหวะเก็งกำไร SCC* ,SCGP* ,PTTGC

 

(5) กล่มสินค้า IT ได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนถ่ายเทคโนโลยี ADVICE* ,COM7* SYNEX*,SIS*

 

(6) สินค้าจำเป็นและการบริโภคในชีวิตประจำวันที sensitive น้อยต่อกำลังซื้อในประเทศชะลอตัว เช่น CPALL , MALEE*, BJC ,OKJ*, NSL*

 

**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย

 

Asset Allocation: Equity 50% Fixed Income 35% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%

 

Today Fundamental Research: -

 

 

Monthly Portfolio May 2025: CPALL, TASCO*, TFG*, STECON, NSL*

 

 

 

 

Analysts

Apichai Raomanachai  

Fundamental and Technical Investment Analysis ID No.  002939

Tel  02-829-6999  Ext  2200

Email : apichai.ra@kfsec.co.th

Meena Tunlayanitigun

Fundamental and Technical Investment Analysis ID No.  033662

Tel  02-829-6999

Email : meena.tu@kfsec.co.th

Nopporn Chaykaew     

Fundamental Analysis ID No.  043964

Tel  02-829-6999  Ext  2203

Email : noppoen.ch@kfsec.co.th

Nattawat Poosunthornsri  

Fundamental Analysis ID No.  087077

Tel  02-829-6999  Ext  2204

Email : nattawat.po@kfsec.co.th

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

ตั้งลำ By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ ตลาดหุุ้นไทย ดีดตัว ตั้งลำได้อีกครั้ง ยืน 1,180 จุด ได้ ด้วยตลาดต่างประเทศปรับตัวขึ้น ....

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้