Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

บล.คิงส์ฟอร์ด : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน

62

Market Wrap-Up

·      SET วันที่ 21 พ.ค.68 ปิด -9.33 จุด อยู่ที่ 1,179.81 จุด มูลค่าการซื้อขาย 46,877 ลบ. ต่างชาติซื้อ 386 ลบ.  พอร์ตโบรกซื้อ 43 ลบ. รายย่อยซื้อ 814 ลบ. และสถาบันขาย 1,243 ลบ.  NVDR มียอดซื้อสุทธิ 495 ลบ.โดยมียอดซื้อในหุ้น KBANK,SCB,KTB,PTTGC,TRUE และยอดขายหุ้น ADVANC,BH,PTTEP,MINT,AOT มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 2,630 ลบ.หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ HKCE01,HMPRO,CPN โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Long ใน Index Futures จำนวน 1,499 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 58,279 สัญญา ต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตรไทย 9,530 ลบ.

·      ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA -1.91%, S&P500 -1.61%, Nasdaq -1.41% ถูกกดดันจาก US Bond Yield 10 ปี, 30 ปี ปรับขึ้น จากความกังวลต่อการผ่านร่าง กม.ปฎิรูปภาษีฉบับใหม่ของ ปธน.ทรัมป์อาจส่งผลให้ภาระหนี้ของสหรัฐสูงขึ้น ขณะที่หุ้นกลุ่มค้าปลีกสหรัฐ เช่น Lowe’s, Target, Walmart ปรับลดลงจากแนวโน้มยอดขายที่ชะลอตัว ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 -0.04% ปรับลดลงจากแรงขายกลุ่มค้าปลีก, สินค้าหรูหรา    

Market View

·      ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ปรับลดลง หลัง US Bond Yield 10 ปี, 30 ปี ปรับขึ้นอยู่ที่ 4.60%, 5.08% ตามลำดับ โดยนักลงทุนรอสภาผู้แทน ฯ สหรัฐจะพิจารณาร่าง กม.ปฏิรูปภาษีเงินได้ของ ปธน.ทรัมป์ ที่อาจกสร้างภาระหนี้ที่สูงขึ้นอีก 3 – 5 ลล.ดอลลาร์ จากปัจจุบันที่ 36.2 ลล.ดอลลาร์ ซึ่งส่งผลลบต่ออันดับเครดิตของสหรัฐในอนาคต ขณะที่อุปสงค์ของการประมูลพันธบัตรสหรัฐอายุ 20 ปี วานนี้ค่อนอ่อนตัว โดยหุ้นกลุ่มค้าปลีกสหรัฐวานนี้ เช่น Lowe’s, Target ปรับลดลง จากคาดการณ์ยอดขายมีแนวโน้มลดลง ส่วนกลุ่มเทคโนโลยี Alphabet +2.8% รับข่าวการเปิดตัวผลิตภัณฑ์บริการทางด้าน Ai ทางด้านข้อมูลเศรษฐกิจค่ำวันนี้ติดตาม US PMI ภาคการผลิต พ.ค. คาด 49.9 & เม.ย. 50.2 และ US PMI ภาคบริการ พ.ค. คาด 51.0 & เม.ย. 50.8   

·      Stoxx600 ยุโรปวานนี้ปรับลดลงจากแรงขายกลุ่มค้าปลีก -0.8% และสินค้าหรูหรา เช่น LVMH, Hermes, Kering ปรับลดลงกว่า 2% จากแนวโน้มยอดขายที่ชะลอตัว แต่ยังได้แรงหนุนจาก Infineon บริษัทผู้ผลิตชิปเยอรมัน +2.3% รับข่าวการร่วมพัฒนาชิปกับ Nvidia ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจวานนี้ CPI อังกฤษ เม.ย. อยู่ที่ 3.5% & มี.ค. 2.6% สูงสุดนับตั้งแต่ มี.ค. 67 ซึ่งส่งผลต่อการตัดสินใจของ BOE ที่จะลดดอกเบี้นในปีนี้ ค่ำวันนี้ติดตาม PMI ภาคการผลิต & บริการยูโรโซน เบื้องต้น พ.ค.

·      ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ ดัชนีเซี่ยงไฮ้ +0.21%, ฮั่งเส็ง +0.62% หลัง ธ.กลางจีนปรับลดดอกเบี้ย LPR 1 ปี, 5 ปี ลง 0.10% ส่งผลให้ธนาคารรัฐ เข่น ICBC, Bank of China ปรับลดดอกเบี้ยเงินฝากลงด้วย 0.05 – 0.25% ส่วนดัชนีนิเกอิวานนี้ -0.61% หลังยอดส่งออกญี่ปุ่น เม.ย. อยู่ที่ 2.0% & มี.ค. 4.0% YoY เป็นผลจากการส่งออกรถยนต์และเหล็กที่ชะลอตัวลง โดยผู้แทนการค้าญี่ปุ่นจะเยือนสหรัฐในวันที่ 23 พ.ค. เพื่อเจรจารอบที่ 3 ซึ่งยังมีประเด็นเกี่ยวกับการแทรกแซงค่าเงินเยน และการขอยกเว้นการเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์        

·      SET วานนี้ -0.78%  ปริมาณการซื้อขาย 4.68 หมื่น ลบ. ต่างชาติซื้อ 386 ลบ. พอร์ตโบรกซื้อ 43 ลบ. รายย่อยซื้อ 814  ลบ. และสถาบันขาย 1,243 ลบ. ดัชนีปรับลดลงจากแรงขายกลุ่มค้าปลีก -4.1% จากความกังวลยอดขาย SSSG ในช่วง Q2 นี้มีแนวโน้มชะลอตัวตามกำลังซื้อในประเทศ ส่วนกลุ่มท่องเที่ยว & รพ. ก็ถูกแรงขายปรับพอร์ต จากคาดการณ์จำนวนนักท่องเทียวต่างชาติปีนี้อาจอยู่ที่ราว 35 ล.คน & เดิมคาดไว้ที่ 37 ล.คน เช่นเดียวกับกลุ่มธนาคาร -1.2% หลังกระทรวงการคลังเตรียมปรับเกณฑ์โครงการคุณสู้ เราช่วย โดย 1) ลูกหนี้ที่ค้างจ่ายหนี้เพียง 1 วัน สามารถพักดอกเบี้ยได้ 3 ปี 2) ขยายเพดานช่วยหนี้เสียไม่มีหลักประกันเพิ่มเป็น 10,000 บาท/บัญชี & เดิม 5,000 บาท/บัญชี และหนี้เสียมีหลักประกัน 30,000 บาท/บัญชี โดยลูกหนี้จะได้ข้อเสนอจ่ายขั้นต่ำ 10% ของยอดหนี้คงค้าง เพื่อปิดบัญชีหนี้ทันที ซึ่งจะส่งผลให้รายได้ดอกเบี้ยของธนาคารปรับลดลง โดยภาพรวมตลาดยังขาดปัจจัยบวกใหม่ และยังรอการเจรจาการข้อตกลงการค้าสหรัฐ - ไทย และการพิจารณาร่างงบประมาณรายจ่ายปี 69 วงเงินไม่เกิน 3.7 ล.ลบ. ที่เข้าพิจารณาวาระแรกในวันที่ 28 – 30 พ.ค.  

Daily Strategy

·      วางจุดสังเกตุดัชนี SET บริเวณ 1,190 จุด กรณียืนไม่ได้ ยังต้องระวังการปรับฐานลงสู่ระดับ 1,160 – 1,170 แนะนำทยอยซื้อเมื่อดัชนีอ่อนตัว เช่น กลุ่มอาหาร & เครื่องดื่ม CPF,TFG,CBG,MALEE เป็นสินค้าจำเป็น, กลุ่มธนาคารพาณิชย์ KBANK,SCB,BBL คาดได้ประโยชน์จากงบกระตุ้นเศรษฐกิจ กอปรโครงการคุณสู้ เราช่วยยังช่วยลดภาระหนี้  

·      SGC* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย Consensus N.A) บริษัทรายงานกำไรสุทธิ 1Q68 ที่ 71 ล้านบาท +20%QoQ, +294%YoY หนุนจากยอดการปล่อยสินเชื่อใหม่ประมาณ 1.78 พันล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการขยายพอร์ตสินเชื่อ Lock Phone ที่เติบโต +37%YoY ส่งผลให้รายได้ดอกเบี้ยรับอยู่ที่ 575 ล้านบาท +36%YoY ด้านต้นทุนทางการเงินลดลงจากการจ่ายชำระคืนเงินกู้ยืม แม้ยังมีผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นเพิ่มขึ้นจาก NPL ของสินเชื่อเช่าซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าและสินเชื่อรถทำเงิน แนวโน้มกำไรช่วงที่เหลือยังมีทิศทางที่ดีต่อเนื่องจากสินเชื่อ Lock Phone ที่มีผลตอบแทนที่สูงและ NPL ต่ำ บริษัทตั้งเป้าหมายยอดสินเชื่อใหม่ปี 68 ที่ 8 พันล้านบาท และเป้าสินเชื่อรวม 1 หมื่นล้านบาท จากยอดสินเชื่อ Lock Phone สะสมที่เพิ่มเป็น 5-6 พันล้านบาท จากสิ้น 1Q68 ที่ 3.5 พันล้านบาท ปัจจุบันมีช่องทางการให้บริการผ่านหน้าร้านมือถือเกือบ 6 พันแห่ง การปล่อยสินเชื่อผ่าน digital platform SG FINANCE+ และกำลังทดลองให้สินเชื่อผ่าน 7-11 ซึ่งส่งผลบวกต่อกำไรในระยะถัดไป เบื้องต้นกำไรปี 68 น่าจะแตะ 400 ล้านบาท จากปีก่อนที่กำไร 163 ล้านบาท

·      KCG* (ซื้อ/ ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 11.34 บาท) กำไรสุทธิ 1Q68 อยู่ที่ 122 ลบ.(+71%YoY, -25%QoQ) อ่อนตัว QoQ ตามฤดูกาล แต่ YoY โตได้หนุนจากสินค้ากลุ่ม Food and Bakery Ingredient ด้าน KCG* เอง วางเป้ารายได้ปี68นี้ +High Single Digit%YoY ปัจจัยขับเคลื่อนหลักจะมาจากสินค้าใหม่ๆ การหาตัวแทนกระจายสินค้าเพิ่มเติม และการให้ความสำคัญกับช่องทางออนไลน์ ขณะที่ในส่วนของต้นทุนค่าใช้จ่ายคาดว่าจะได้ประโยชน์จาก Solar Roof รวมถึงการเปิดใช้งาน KCG Logistic Park ทั้งนี้ ตลาดคาดกำไรสุทธิ KCG* ปี68 และ69 จะอยู่ที่ 468 ลบ.(+15%YoY) และ 516 ลบ.(+10%YoY)

 

 

Daily Key Factors

Oil Update(-) WTI มิ.ย.-$0.46 อยู่ที่ $61.57 / บาร์เรล, Brent ก.ค. -$0.47 อยู่ที่ $64.91/บาร์เรล โดยราคาน้ำมันดิบผันผวน หลังมีข่าวอิสราเอลอาจตัดสินใจโจมตีโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน ขณะที่ รมว.ต่างประเทศโอมานเผยการเจรจารอบใหม่ของสหรัฐ – อิหร่านจะเริ่มขึ้นในสัปดาห์นี้

 

Gold Update(+) Comex Gold มิ.ย.+$28.90 อยู่ที่ $3,313.50 /ออนซ์ ได้แรงหนุนจาก Dollar Index อ่อนค่า -0.56% อยู่ที่ 99.55 จากความกังวลร่าง กม.ปฏิรูปภาษีฉบับใหม่ของสหรัฐ อาจส่งผลให้ภาระหนี้สูงขึ้นในอนาคต

 

Fund Flow(+) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ซื้อสุทธิ +65.13 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นไทย +11.78 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นอินโด ฯ +58.51 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และขายหุ้นฟิลิปปินส์ -5.16 ล.ดอลลาร์สหรัฐ

 

(0) ค่าเงินบาทเช้านีแข็งค่าอยู่ที่ 32.62 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ปรับขึ้นอยู่ที่ 4.61 %

(-) ดัชนี BDI วานนี้ -3 จุด อยู่ที่ 1,337

(+) BitCoin เช้านี้ +3.0% อยู่ที่ 109,950 ดอลลาร์สหรัฐ

 

 

Economic Calendar

 

ในประเทศ

19 พ.ค.     สภาพัฒน์ แถลง GDP ไตรมาส 1/68 

                ส.อ.ท. แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม

สัปดาห์ที4 กระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศ

                ส.อ.ท. แถลงยอดผลิตและส่งออกรถยนต์ รถจักรยานยนต์และชิ้นส่วน

ยานยนต์

 

 

ต่างประเทศ

19 พ.ค.     EU ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) (ปีต่อปี) (เม.ย.)

21 พ.ค.     US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ

22 พ.ค.     US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต ( พ.ค.) 

US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการบริการ ( พ.ค.) 

US ยอดขายบ้านมือสอง (Existing Home Sales) (เม.ย.)

US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก

23 พ.ค.     US ยอดขายบ้านใหม่ (เม.ย.)

 

 

Theme Strategy

Theme หุ้นที่มีปัจจัยบวกตามกระแส Megatend, ทิศทางดอกเบี้ยเริ่มเข้าสู่ขาลง,  และ/หรือ สามารถรับจากความเสี่ยง Trade War ได้  

 

(1) กลุ่มการเงิน Leasing รับแนวโน้มทิศทางดอกเบี้ยในประเทศลดลง NCAP*, S11*, SINGER* ,SGC* ,THANI*

 

(2) กลุ่มสื่อสาร โรงไฟฟ้า หุ้น defensive ได้ประโยชน์จาก Bond yield ที่ปรับลดลง ธุรกิจหลักมีการเติบโตสอดคล้องเศรษฐกิจใหม่ ADVANC ,TRUE ,GULF*, GPSC*, BCPG

 

(3) กลุ่มเกษตรได้ประโยชน์จากราคาสุกรในประเทศที่อยู่ในระดับสูง ขณะที่การส่งออกไก่ไปต่างประเทศยังทำได้ดี CPF, BTG* ,TFG* ,FM* ,GFPT

 

(4) กลุ่ม China Play คาดความดึงเครียดทางการค้าผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว แม้ยังมีความผันผวนแต่หุ้นที่เกี่ยวข้องมี valuation ที่ปรับตัวลงมาต่ำมากแล้ว น่ากลับไปหาจังหวะเก็งกำไร SCC* ,SCGP* ,PTTGC

 

(5) กล่มสินค้า IT ได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนถ่ายเทคโนโลยี ADVICE* ,COM7* SYNEX*,SIS*

 

(6) สินค้าจำเป็นและการบริโภคในชีวิตประจำวันที sensitive น้อยต่อกำลังซื้อในประเทศชะลอตัว เช่น CPALL , MALEE*, BJC ,OKJ*, NSL*

 

**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย

 

Asset Allocation: Equity 50% Fixed Income 35% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%

 

Today Fundamental Research: -

 

 

Monthly Portfolio May 2025: CPALL, TASCO*, TFG*, STECON, NSL*

 

 

 

 

Analysts

Apichai Raomanachai  

Fundamental and Technical Investment Analysis ID No.  002939

Tel  02-829-6999  Ext  2200

Email : apichai.ra@kfsec.co.th

Meena Tunlayanitigun

Fundamental and Technical Investment Analysis ID No.  033662

Tel  02-829-6999

Email : meena.tu@kfsec.co.th

Nopporn Chaykaew     

Fundamental Analysis ID No.  043964

Tel  02-829-6999  Ext  2203

Email : noppoen.ch@kfsec.co.th

Nattawat Poosunthornsri  

Fundamental Analysis ID No.  087077

Tel  02-829-6999  Ext  2204

Email : nattawat.po@kfsec.co.th

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

เล่นตามข่าว By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ นักเก็งกำไร เล่นตามข่าว ตามความแรงของเงินสกุลดิจิตอล ตามบิทคอยน์ ขณะที่เส้นกราฟ.....

เปลี่ยนทิศ By : นายกล้วยหอม

นายกล้วยหอม เห็นตลาดหุ้นไทย สู่โหมดเปลี่ยนทิศทาง หลังจากดัชนีตลาดหลุด 1,180 จุด วันนี้หากปล่อยไปตามกลไกตลาด แนวรับ....

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้