สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(21 พฤษภาคม 2568)------InnovestX บริษัทหลักทรัพย์ในกลุ่ม SCBX ออกบทวิเคราะห์ประจำวันที่ 21 พฤษภาคม 2568 มองตลาดมีโอกาสพักตัว หลังวานนี้รีบาวด์แต่ยังไม่สามารถยืนเหนือ 1195/1205 ส่งผลให้ต้องเพิ่มความระมัดระวังที่ผ่านมาจะเป็นเพียงการชะลอการลงสั้น โดยที่ยังไม่เปลี่ยนทิศทางหลักที่ยังเป็นขาลง ทั้งนี้ประเมินแนวต้าน 1197/1205 ขณะที่มีแนวรับ 1185/1180 ถ้าหลุดต่ำกว่า จะเปิดความเสี่ยงของการปรับตัวลงรอบใหม่
ประเด็นสำคัญ
• Raphael Bostic ประธาน Fed Atlanta ประเมินการขึ้นภาษีนำเข้าจะทำให้ราคาสินค้าในสหรัฐฯ เพิ่มและการเลี่ยงผลกระทบจากภาษี อย่างการสะสมสินค้าเริ่มใช้ไม่ได้แล้ว และคาดเฟดจะลดดอกเบี้ยครั้งเดียว
• นายกฯ ยืนยันทุกพรรครัฐบาลร่วมเห็นพ้องสนับสนุน ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 69 นำเสนอสภาผู้แทนราษฎรบรรจุวาระพิจารณาในวันที่ 28-30 พ.ค.นี้ ติดตามเสถียรภาพทางการเมืองของรัฐบาล
• ครม.ไฟเขียวแก้ พ.ร.บ. รฟม. ชดเชยค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาท นำเงินสะสมของ รฟม.ไปใส่กองทุนตั๋วร่วมฯ รวมถึง รายได้ของ รฟม.ก็จะไม่จัดส่งกระทรวงการคลัง แต่จะนำใส่กองทุนตั๋วร่วมฯ
• ครม. เห็นชอบแผนกระตุ้น ศก. ภายใต้กรอบวงเงิน 1.57 แสนลบ. ซึ่งครอบคลุมโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรับมือช่วงฤดูฝน, คมนาคม และการท่องเที่ยว, การลดผลกระทบจากสงคราม, การเพิ่มผลิตภาพ, รักษาการจ้างงาน และวางรากฐาน
• จำนวน นทท. ต่างชาติในสัปดาห์ก่อนลดลงต่อเนื่อง 19%YoY และ 5%WoW ทั้งกลุ่มตลาด นทท. จีน และอื่นๆ จากผลกระทบจากแผ่นดินไหว ทำให้จำนวน นทท. สะสมทั้งปี 2568 อยู่ที่ 13.4 ล้านคน ลดลง 1.75%YoY มองยังเป็นลบต่อเนื่องสำหรับหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว
• ธปท. เผยภาวะสินเชื่อในระบบ ธพ. ช่วง 1Q68 ลดลง 1.3%YoY จากการชำระหนี้คืนในระดับสูง ขณะที่สินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่คงขยายตัว แต่สินเชื่อ SMEs และอุปโภคบริโภคลดลงต่อเนื่อง ด้านสัดส่วน NPL เพิ่มขึ้นสู่ 2.90% ที่ส่วนใหญ่เป็นสินเชื่อ SMEs และที่อยู่อาศัย แต่ตลาดปรับประมาณการตั้งแต่ผลประกอบการออกแล้ว
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET มีโอกาสพักตัวรอหาปัจจัยหนุนใหม่และความคืบหน้าการเจรจากการค้าระหว่างไทยกับสหรัฐฯ หลังดัชนีได้ปรับตัวขึ้นไปตอบรับสถานการณ์สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่ผ่อนคลายลงในระดับหนึ่ง จนทำให้ SET ปรับขึ้นมายืนเหนือ 1200 จุด ซึ่งเป็นระดับที่สูงกว่า 3% เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นในภูมิภาคก่อนเกิดเหตุการณ์ ปธน. ทรัมป์ประกาศภาษีศุลกากรตอบโต้ประเทศคู่ค้าแล้ว อย่างไรก็ดีหากดัชนีปรับลงหรือพักตัวลงมาที่ระดับ 1155/1120-1100 มองจะเป็นโอกาสเข้าซื้อสะสมสำหรับนักลงทุนระยะยาว หลังประเมินว่าสถานการณ์สงครามการค้าโลกที่เลวร้ายสุดได้ผ่านไปแล้วในแง่ของระดับภาษีที่สูงสุด รวมทั้งอยู่ระหว่างการประกาศข้อตกลงทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับประเทศคู่ค้าต่างๆ ในระยะถัดไป ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงคงแนะนำให้ “Selective Buy”
แนวรับ-ต้าน
1185/1180 – 1197/1205
ล็อคเป้าลงทุนประจำสัปดาห์
มอง SET มีโอกาสพักตัวเพื่อรอปัจจัยหนุนใหม่และติดตามความคืบหน้าการเจรจาทางการค้าระหว่างไทยกับสหรัฐฯ หลังก่อนหน้านี้ดัชนีได้ปรับขึ้นตอบรับประเด็นบวกระหว่างสหรัฐฯ และจีนไปแล้ว กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy” ใน 3 ธีมหลัก และ 1 ธีมเทรดดิ้ง ที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้
1. หุ้น Earnings Play ซึ่งโมเมนตัมกำไรยังเติบโตแข็งแกร่ง โดย 2Q68 คาดกำไรปกติจะเติบโตได้ทั้ง YoY และ QoQ เลือก ADVANC TRUE BTG CPF CPALL
2. หุ้นที่คาดเป็นเป้าหมาย ThaiESGX โดย 1) ปี 2568 คาดกำไรเติบโต YoY 2) ฐานะการเงินแกร่ง และ 3) จ่ายปันผลสม่ำเสมอ พบหุ้นน่าสนใจ SET50: ADVANC BDMS CPALL PTT และ SET100: BCH BTG AP
3. หุ้น SET50 ที่มี SET ESG Rating A ขึ้นไป คาดให้ Div. Yield 5% ขึ้นไป และเราแนะนำ Outperform เลือก PTT KTB BBL HMPRO
4. Trading Idea: นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงและต้องการแนะนำเก็งกำไรสำหรับหุ้น Undervalued ซึ่งปัจจุบันซื้อขายที่ PER และ PBV 68F ระดับ -2SD ขณะที่ปี 2568 คาดกำไรยังเติบโตได้ดี YoY และมีฐานะการเงินแข็งแกร่ง แนะนำ GULF MTC CBG AMATA BJC
Daily top picks
BCP: มองราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นจากราคาน้ำมันและราคาก๊าซที่เพิ่มขึ้น ใน 2Q68 ค่าการกลั่นเฉลี่ยใน 2Q68TD ปรับตัวดีขึ้น 29%QoQ โดยได้แรงหนุนจากส่วนต่างราคาน้ำมันเบนซินและคาดว่าค่าการตลาดจะปรับตัวขึ้นอีกใน 2Q68 เป็นปัจจัยหนุนให้กำไรปกติปรับตัวเพิ่มขึ้นใน 2Q68 ได้ วันนี้แนะนำเข้าซื้อเก็งกำไรไม่เกิน 37.00 บาท/หุ้น
TRUE: มองราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นจากมี Downside จำกัด จากภาษีการค้าสหรัฐฯ และโมเมนตัมกำไรยังแข็งแกร่ง โดย 1Q68 เป็นไตรมาสแรกที่รายงานกำไรสุทธิเป็นบวกครั้งแรก และ 2Q68 กำไรมีแนวโน้มเติบโตอย่างแข็งแกร่งต่อ อีกทั้งยังมี Upside จากประมูลคลื่นความถี่ที่กำลังจะเกิดขึ้นซึ่งยังไม่ได้รวมไว้ในประมาณการ