Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

TCMC เผยผลประกอบการ ไตรมาส 1 ปี 2568 – บริหารต้นทุนเข้มข้น ขาดทุนสุทธิลดลงร้อยละ 23.16 ถึงแม้รายได้ยังไม่ฟื้นตัว เร่งปรับแผนเตรียมฟื้นครึ่งปีหลัง

76



สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(20 พฤษภาคม 2568)---------ทีซีเอ็ม คอร์ปอเรชั่น จำกัด มหาชน (TCM Corporation) หรือ TCMC เผยผลประกอบการในไตรมาสที่ 1 ปี 2568 มีรายได้รวม 1.2 พันล้านบาท โดยลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 18.77 โดยปัจจัยหลักมาจากผลกระทบจากช่วงนอกฤดูกาลขายของผลิตภัณฑ์กลุ่มวัสดุตกแต่งพื้นผิว รวมถึงความท้าทายของสภาวะตลาดที่ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่องในประเทศอังกฤษในกลุ่มธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ ตลอดจนการหดตัวของการผลิตและยอดขายภายในประเทศจากอุตสาหกรรมยนต์ แต่อย่างไรก็ตามท่ามกลางความผันผวนของภาวะตลาดและเศรษฐกิจโลกบริษัทยังสามารถดำเนินมาตรการควบคุมอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีสินทรัพย์รวมเพิ่มขึ้น จำนวน 6.52 ล้านบาท และมีรายได้อื่นเพิ่มมากขึ้นเช่นกันจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้สำหรับครึ่งปีหลังของ 2568 คาดว่าจะฟื้นตัวและพลิกทำกำไรจากปัจจัยสภาวะตลาดที่ฟื้นตัว


นางสาวปิยพร พรรณเชษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีซีเอ็ม คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (TCMC) เปิดเผยว่า บริษัท ทีซีเอ็ม คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย (เรียกรวมกันว่า “กลุ่มบริษัท”) มีรายได้จากการขายและบริการในไตรมาสที่ 1 ปี 2568 จำนวน 1,292.33 ล้านบาท ซึ่งลดลงร้อยละ 18.77 อย่างไรก็ตาม กลุ่มบริษัทมี EBITDA อยู่ที่ 54.54 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 50.82 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีผลประกอบการขาดทุนสุทธิ 63.77 ล้านบาท ดีขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีผลขาดทุนสุทธิ 82.99 ล้านบาท โดยที่ผ่านมากลุ่มบริษัทได้ดำเนินการปรับโครงสร้างต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับการขยายตลาดใหม่และพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในแต่ละภูมิภาค ซึ่งเชื่อมั่นว่าจะส่งผลให้ผลประกอบการของบริษัทฟื้นตัวได้อย่างมั่นคงในช่วงครึ่งปีหลัง
นางสาวปิยพร กล่าวต่อไปว่า ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2568 แม้ผลการดำเนินงานของบริษัทจะต้องเผชิญกับแรงกดดันจากแนวโน้มเศรษฐกิจที่ไม่เอื้ออำนวยและค่าครองชีพที่สูงจากตลาดในสหราชอาณาจักร ทำให้กลุ่มธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ (TCM Living) ยอดขายลดลงร้อยละ 28.59 แต่ทว่าการบริหารงานอย่างมีประสิทธิภาพรวมถึงการปรับโครงสร้างองค์กรรับมือกับการเปลี่ยนกลยุทธ์ของกลุ่มลูกค้ารายใหญ่ที่ไปสั่งสินค้าจากแหล่งอื่นหรือผลิตเอง ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 22.74 เมื่อเทียบกับปีก่อน แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการปรับกลยุทธ์เพื่อรักษาความสามารถในการทำกำไร ท่ามกลางสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่ท้าทาย แต่จากการทยอยลดดอกเบี้ยของธนาคารอังกฤษและตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่เริ่มฟื้นตัว คาดว่าจะส่งผลให้ภาพรวมเศรษฐกิจและตัวธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ปรับตัวดีขึ้นในช่วงปลายปี

ด้านกลุ่มธุรกิจกลุ่มธุรกิจวัสดุ (TCM Surface) ในไตรมาสที่ผ่านมา รายได้ลดลงร้อยละ 3.46 โดยมีปัจจัยหลักมาจาก การที่ตลาดพรมอยู่ในช่วง Low Season และผลกระทบของอัตราแลกเปลี่ยนส่งผลให้อัตราส่วนกำไรขั้นต้นลดลงตามไปด้วย อย่างไรก็ดี ในช่วงเวลาเดียวกัน กลุ่มธุรกิจยังคงเดินหน้าลงทุนด้านการตลาด โดยมีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเทียบสัดส่วนต่อยอดขายเพิ่มขึ้นเล็กน้อย จากความพยายามในการกระตุ้นยอดขายผ่านการออกงานโชว์ การโปรโมทแบรนด์และผลิตภัณฑ์อคูสติก และการเดินทางของฝ่ายขายในต่างประเทศ เพื่อสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าใหม่ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มเห็นผลในเชิงยอดขายช่วงครึ่งหลังของปี

สำหรับกลุ่มธุรกิจพรมและผ้าหุ้มเบาะรถยนต์ (TCM Automotive) มีรายได้ลดลงร้อยละ 14.21 ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาด การผลิตรถยนต์ในประเทศไทยยังคงเผชิญกับความท้าทายจากปัจจัยด้านเศรษฐกิจ และการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น โดยเมื่อหลังจากหักค่าใช้จ่ายส่วนกลาง ต้นทุนทางการเงิน และภาษี ทำให้กลุ่มธุรกิจมีผลกำไรสุทธิ 13.64 ล้านบาท แม้จะต่ำกว่างวดเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 9.95 แต่ยังสามารถคงอัตราส่วนต่อยอดขายที่ร้อยละ 8.11 สะท้อนถึงความสามารถในการบริหารจัดการต้นทุนและรายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะเป็นรากฐานที่แข็งแกร่งในการรองรับการฟื้นตัวของตลาดในระยะถัดไป

สำหรับฐานะทางการเงินของ TCMC กลุ่มบริษัทยังคงมีสภาพคล่องที่อยู่ในระดับดี โดยมีอัตราส่วนสภาพคล่องทั่วไปอยู่ที่ 1.09 เท่า และอัตราส่วนสภาพคล่องหมุนเร็วที่ 0.67 เท่า ขณะที่สินทรัพย์รวม ณ วันที่ 31 มีนาคม 2568 เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2567 จำนวน 6.52 ล้านบาท กลุ่มบริษัทยังมีรายได้อื่นจำนวน 6.3 ล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากการขายสินค้าทดลองของกลุ่มธุรกิจพรมและผ้าหุ้มเบาะรถยนต์ รวมถึงรายได้จากดอกเบี้ยรับ ค่าเช่า การจำหน่ายสินทรัพย์ และเศษซากต่าง ๆ ที่ผ่านมา บริษัทให้ความสำคัญอย่างยิ่งในการบริหารจัดการโครงสร้างหนี้อย่างรอบคอบ โดยมุ่งลดภาระหนี้สินอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งติดตามแนวโน้มการปรับตัวของอัตราดอกเบี้ย เพื่อปรับแผนการบริหารหนี้ระยะยาวให้มีสัดส่วนที่เหมาะสมและเสริมความแข็งแกร่งของฐานะทางการเงินในระยะยาว ซึ่งบริษัทเชื่อมั่นว่าแนวทางดังกล่าวจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และรองรับแผนการเติบโตในอนาคตได้อย่างมั่นคง

"ถึงแม้เศรษฐกิจในปี 2568 ยังคงต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิด ทั้งในเรื่องนโยบายภาครัฐ และนโยบายภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ บริษัทมีการปรับตัว วางแผนเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลง และลงทุนในหลายๆ ด้าน เพื่อคงความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัว พร้อมเสริมสร้างศักยภาพในการแข่งขันผ่านการขยายโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ อย่างรอบคอบควบคู่กับการยกระดับระบบบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพ โปร่งใส และตรวจสอบได้ในทุกมิติ นอกจากนี้ บริษัทยังให้ความสำคัญกับการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่เหมาะสมเข้ามาใช้ เพื่อยกระดับคุณค่าและประสบการณ์ของลูกค้า ตลอดจนสร้างประโยชน์ร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในทุกภาคส่วน โดยมุ่งเน้นการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อก้าวสู่องค์กรที่เติบโตอย่างยั่งยืน และให้ความสำคัญกับห่วงโซ่อุปทานในมิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุล" นางสาวปิยพร กล่าว

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

บทความล่าสุด

ซื้อกลุ่มแบงก์ By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ เช้าวันนี้ นักลงทุน แห่เก็งกำไร รุมซื้อหุ้นกลุ่มแบงก์ ส่งผลให้ราคาหุ้นแบงก์หลายตัวปรับ....

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้