Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

บล.เอเซีย พลัส : Market Talk

77

 

SET ไม่แพง รอแรงผลักดัน

TOP PICK SCC / CK / PLANB

 

EXTERNAL FACTOR
GLOBAL INDICES

• ปัจจัยหนุนภายนอกมีอยู่ 2 ปัจจัย คือ 1.ความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และบรรดาประเทศคู่ค้ายังเป็นไปได้ด้วยดี 2.สงครามยูเครน-รัสเซียมีสัญญาณที่ดี หลัง TRUMP คุยกับปูตินคืนที่ผ่านมา ซึ่งปัจจัยดังกล่าวน่าจะหนุนให้SET วันนี้เปิดบวกได้ โดยมีแนวต้านแรกที่ระดับ 1193 จุด
• เช้านี้ PBOC กระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการลดดอกเบี้ยเงินกู้ ทั้งอายุ 1 ปี จาก 3.10% สู่3.00% และ 5 ปีจาก 3.60% สู่ 3.50% ซึ่งระยะถัดไปมีโอกาสที่ฝั่งรัฐบาลจีนจะออกมาตรการกระตุ้นต่อเนื่อง เพื่อให้ GDP GROWTH ปีนี้ยังโตระดับ 4-5%


INTERNAL FACTOR
• วานนี้สภาพัฒน์มีรายงาน GDP GROWTH ของไทยในGDP ไทย 1Q68 +3.1%YOY(สูงกว่าตลาดคาดที่ 2.9%YOY) และ +0.7%QOQ (สูงกว่าตลาดคาดที่ 0.5%QOQ)
• สศช. ปรับประมาณการเศรษฐกิจในปี 2568 ลดลงเหลือ 1.8% (1.3 –2.3%) เดิมคาด2.8% (2.3 –3.3%) ประเมินปัจจัยหนุนมาจากการเพิ่มวงเงินใช้จ่ายภาครัฐ (G) การบริโภคขยายตัว (C) และการท่องเที่ยวฟื้นตัว
• อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยมีความเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจโลกในระดับที่สูง จึงมีโอกาสได้รับผลกระทบมาก

 

INVESTMENT STRATEGY
• ปัจจุบัน SET ที่ 1187 จุด มี PBV 1.09เท่า และหากหัก DELTA ออก SET จะมี PBV 0.99 เท่า (ต่ำบุ๊ค)ซึ่งในอดีตตลอด 25 ปี SET มีโอกาส PBV <= 1.1 เท่า เกิดขึ้นแค่ 2% เท่านั้น และหากซื้อหุ้นช่วงที่ SET มี PBV <=1.1 เท่า มีโอกาสได้ผลตอบที่ดีในช่วง 5 ปี ถึง 205% หรือราว 25% ต่อปีถือเป็นจังหวะในการซื้อสะสมลงทุน
ระยะยาว
• ส่วนระยะสั้นประเมิน SET ขึ้นได้แบบกล้าๆ กลัวๆ จากความกังวลประเด็นการกำแพงภาษีจากสหรัฐฯ กลยุทธ์แนะนำเก็งกำไรหุ้นมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว CHINA PLAY อย่าง SCC, SCGP, PTTGC, AOT หุ้นเติบโตตามเศรษฐกิจ หลบภับกำแพงภาษี CPALL, CK, BH, BDMS

 

PBOC ยังกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการลดดอกเบี้ย หนุนหุ้นได้ประโยชน์จากจีนฟื้นเด่น
แม้MODDY’S ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของรัฐบาลสหรัฐฯ ลง แต่ตลาดหุ้นไม่ได้ตอบสนองเชิงลบขนาดนั้นและปิดวันด้วยการแกว่งกรอบแคบ ซึ่งมีปัจจัยหนุนอยู่ 2 ปัจจัย คือ 1.ความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และบรรดาประเทศคู่ค้ายังเป็นไปได้ด้วยดี 2.สงครามยูเครน-รัสเซียมีสัญญาณที่ดีมีความปะณีประนอมมากขึ้น หลัง TRUMP คุยกับปูตินคืนที่ผ่านมา ซึ่งปัจจัยดังกล่าวน่าจะหนุนให้ SET วันนี้เปิดบวกได้ โดยมีแนวต้านแรกที่ระดับ 1193 จุด


ส่วนอีกด้านหนึ่งตัวเลขเศรษฐกิจจีนอย่าง RETAIL SALES และ INDUSTRIAL PRODUCTION ที่ออกมาต่ำคาด
บ่งชี้ว่าการอุปโภคบริโภคของประชากรจีนยังคงอ่อนแอ อย่างไรก็ตาม PBOC ยังกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการลดดอกเบี้ยเงินกู้(LOAN PRIME RATE) ทั้งอายุ 1 ปี จาก 3.10% สู่ 3.00% และ 5 ปีจาก 3.60% สู่ 3.50%

ซึ่งระยะถัดไปมีโอกาสที่ฝั่งรัฐบาลจีนจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ GDPGROWTH ปีนี้ยังโตระดับ 4-5% ได้ตามเป้าหมาย ดังนั้นหุ้นไทยที่ได้ประโยชน์จากเศรษฐกิจจีนฟื้นตัวในอนาคต และราคาหุ้นปรับฐานลงมาลึก คือ กลุ่มท่องเที่ยว/โรงแรม AOT ERW MINT CENTEL กลุ่มวัสดุก่อสร้าง SCC SCGPกลุ่มพลังงาน/ปิโตรฯ TOP PTTEP PTTGC กลุ่มค้าปลีก CRC CPALL BJC เป็นต้น

 

GDP ไทย 1Q68 รอด แต่ที่เหลือไม่น่าวางใจ
วานนี้สภาพัฒน์มีรายงาน GDP GROWTH ของไทยในGDP ไทย 1Q68 +3.1%YOY (สูงกว่าตลาดคาดที่2.9%YOY) และ +0.7%QOQ (สูงกว่าตลาดคาดที่ 0.5%QOQ) โดยมีแรงหนุนเด่นๆ มาจากการบริโภคภาคเอกชน(+2.6%YOY), การลงทุนภาครัฐ (+26.3%YOY), การใช้จ่ายภาครัฐ (+3.4%YOY), การส่งออก (+13.8%YOY)
ขณะที่การลงทุนเอกชนหดตัว (-0.9%YOY)สศช. ปรับประมาณการเศรษฐกิจในปี 2568 ลดลงเหลือ 1.8% (1.3 –2.3%) เดิมคาด 2.8% (2.3 –3.3%) ประเมิน
ปัจจัยหนุนมาจากการเพิ่มวงเงินใช้จ่ายภาครัฐ (G) การบริโภคขยายตัว (C) และการท่องเที่ยวฟื้นตัว


ในแง่มุมของการกระตุ้นเศรษฐกิจไทย เห็นความพยามของรัฐบาลเร่งเดินหน้าผ่านนโยบายการคลัง โดยบอร์ดกระตุ้น
เศรษฐกิจชะลอแจกเงินหมื่น เฟส 3-4 โยกงบ 1.57 แสนล้าน ทำโครงการ 6 ประเภท หวังกระตุ้น GDP ได้ 0.7-1.0%อาทิ โครงการน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค และน้ำเพื่อการเกษตร แผนงานกระทรวงคมนาคม การโปรโมทการท่องเที่ยวในเมืองรอง การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า SME โดยจะมีการออกซอฟต์โลน ช่วยเหลือผู้ประกอบการส่งออก รวมถึงเพิ่ม
ขีดความสามารถในการแข่งขัน และก่อให้เกิดการจ้างงานนอกจากนี้บอร์ด BOI อนุมัติส่งเสริมลงทุน DATA CENTER-พลังงานหมุนเวียน 7 โครงการ เฉียด 1 แสนล้านบาท
คาดเป็น SENTIMENT เชิงบวกต่อหุ้นในกลุ่มโครงสร้างพื้นฐาน TECH, ไฟฟ้า, สื่อสาร, รับเหมาก่อสร้าง, นิคม

 

อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยมีความเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจโลกในระดับที่สูง จึงมีโอกาสได้รับผลกระทบมาก โดยเฉพาะภาคการส่งออกลดลง สินค้านำเข้าทะลักเข้าไทย การลงทุนภาคเอกชนชะลอตัว และตลาดการเงินผันผวนขณะที่ความเสี่ยงจาก TRADE WAR ยังเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน โดยสถานะการเจรจาเรื่อง TARIFF ของไทยกับสหรัฐฯ มีแนวโน้มอยู่ในกลุ่มที่ยังไม่ได้เริ่มเจรจา (PENDING) ซึ่งอาจเป็นแรงกดดันเพิ่มเติม ส่วนความคืบหน้านโยบายการค้าสหรัฐฯ ล่าสุด ปธน.ทรัมป์ ขู่เก็บภาษีในอัตราที่ประกาศเมื่อ 2 เม.ย.ต่อประเทศที่ไม่เจรจากับสหรัฐอย่างสุจริตใจ


ฝ่ายวิจัยฯ แนะนำหุ้นพื้นฐานรับแรงหนุนเฉพาะเครื่องยนต์ขับเคลื่อน GDP แข็งแกร่ง หลบ TECHNICALRECESSION อาทิ CPALL, BJC, CK, TASCO, SCC, BEM และหุ้น DEFENSIVE อาทิ BDMS, BH, BCH, GULFSET EX DELTA มี PBV ถูก เพียง 0.99 เท่า เท่านั้นปัจจุบัน SET ที่ 1187 จุด มี PBV 1.09 เท่า และหากหัก DELTA ออก SET จะมี PBV 0.99 เท่า (ต่ำบุ๊ค) ซึ่งในอดีตตลอด 25 ปี SET มีโอกาส PBV <= 1.1 เท่า เกิดขึ้นแค่ 2% เท่านั้น และหากซื้อหุ้นช่วงที่ SET มี PBV <= 1.1 เท่า มีโอกาสได้ผลตอบที่ดีในช่วง 5 ปี ถึง 205% หรือราว 25% ต่อปี ถือเป็นจังหวะในการซื้อสะสมลงทุนระยะยาว

 

ส่วนระยะสั้นประเมิน SET ขึ้นได้แบบกล้าๆ กลัวๆ จากความกังวลประเด็นการกำแพงภาษีจากสหรัฐฯ กลยุทธ์แนะนำเก็งกำไรหุ้นมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว CHINA PLAY อย่าง SCC, SCGP, PTTGC, AOT หุ้นเติบโตตามเศรษฐกิจ หลบภัยกำแพงภาษี CPALL, CK, BH, BDMS

 

 


Research Division
จัดทำโดย
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

ซื้อกลุ่มแบงก์ By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ เช้าวันนี้ นักลงทุน แห่เก็งกำไร รุมซื้อหุ้นกลุ่มแบงก์ ส่งผลให้ราคาหุ้นแบงก์หลายตัวปรับ....

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้